พิชญากรที่โอบกอดซบอกคนเป็นปู่ก็ส่ายหน้าเล็ก ๆ
"เปล่าค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครทำให้พายรู้สึกอยากใช้ชีวิตด้วยเลยค่ะ"
พิรัชต์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา
"ตกลงนี่หนูชอบผู้หญิงหรือผู้ชายละเนี่ย เห็นชอบไปอ้อนคลอเคลียหนูนางเอกคนนั้นออกสื่อเรื่อยเลย"
คำถามกึ่งแซวก็ทำให้หลานสาวอมยิ้มออกมา ปรายตาไปทางพี่ชายคนรอง ก่อนจะขยับตัวขึ้นกระซิบใกล้หูคนเป็นปู่
"คนนั้นพายจองไว้ให้พี่แพทต่างหากค่ะ พี่แพทน่ะไม่ได้เรื่องชักช้าไม่ทันใจ"
"หืม จริงเหรอ นี่ปู่จะมีหลานสะใภ้เป็นดารามั้ยล่ะแบบนี้"
"ซุบซิบอะไรกันครับ ว่าพี่อีกแล้วนะน้องสาว"
"ก็พี่แพทไม่ได้เรื่องจริง ๆ นี่คะ"
"น้องสาวนั่นเขาเป็นดารานะครับ จู่ ๆจะให้พี่เดินไปจีบโต้ง ๆ เลย เขาก็เป็นข่าวน่ะสิ"
"อือ ใช่ลูก ฝ่ายหญิงเขาจะเสียหายหรือเปล่า แล้วคิดยังไงจะเป็นแม่สื่อให้พี่เขาล่ะเรา"
ภาสินีถามหลานขึ้นมาบ้าง
"ก็คนนี้พายรักเหมือนพี่สาวเลย นิสัยดีด้วยค่ะคุณย่า ที่สำคัญตอนนี้พี่เขาโสดสนิท"
"ถ้าได้คนนี้แม่ให้ผ่านนะ"
แพรวพิศเอ่ยขึ้นมายิ้ม ๆ
"คุณแม่ครับ ผมจะเอาโอกาสที่ไหนไปจีบเธอละครับ หน้าที่การงานก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ถ้าอย่างพีทกับน้องอายทำงานด้วยกันแบบนี้ยังพอมีลุ้นหน่อย แล้วพายไม่ให้พี่ไปรับส่งที่ทำงานแบบนี้พี่ยิ่งไม่มีช่องทางเจอเขาเลยนะ"
พัชรวิชญ์ได้ทีเลยโยนภาระกลับมาให้คนอยากทำตัวเป็นแม่สื่อซะเลย พิชญากรลุกขึ้นมานั่งดี ๆ ก่อนจะมองหน้าพี่ชายที่กำลังทำทีเลิกคิ้วมาให้
"งั้นวันไหนพี่แพทไม่ติดธุระก็ไปรับส่งพายเหมือนเดิมแล้วกันค่ะ ชักช้าเดี๋ยวมีคนจีบพี่แนนไป พายคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะคะพี่ชาย"
หึ ๆ
"แสดงฝีมือหน่อยเจ้าแพท แม่สื่อการันตีขนาดนี้ปู่คงต้องคอยลุ้นว่าจะได้ดารามาเป็นหลานสะใภ้หรือเปล่า"
"ผมรู้สึกกดดันยังไงไม่รู้สิเนี่ย"
คำพูดนั่นทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมแต่ละคนเห็นดีเห็นงามอยากจะเชียร์ไปด้วย ก็เพราะพัชรวิชญ์เองนั่นแหละที่เคยหลุดปากออกมาเอง ว่าสเปคเขาชอบผู้หญิงแบบนี้
"แล้วที่ต้องไปถ่ายกันต่างจังหวัดน่ะไปเมื่อไหร่พาย"
พีรวัฒน์สอบถามน้องบ้าง
"น่าจะอีกสองสามเดือนมั้งคะ เพราะที่นั่นต้องจัดฉากจำลองเป็นเมืองโบราณด้วยค่ะ"
"เหรอ แบบนี้ก็คล้าย ๆ เรื่องก่อนที่พายขึ้นไปถ่ายทางเหนือใช่มั้ย"
"ใช่ค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้สร้างฉากใหญ่โตอลังการขนาดนั้น แต่ก็ต้องใช้เวลาทำพอสมควร ช่วงนี้ก็เลยถ่ายในส่วนของบทปัจจุบันไปก่อนค่ะ"
"แล้วเรื่องนี้น้องสาวพี่จะเจอเหตุการณ์แปลก ๆ เหมือนคราวนั้นหรือเปล่าละนี่"
คำพูดกึ่งแซวของพี่ชายทำให้น้องสาวยิ้มแหยออกมา เรื่องแปลก ๆ ในกองถ่ายละครบางคนเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นแต่หลายคนที่ไม่เคยเจอก็มักจะไม่ค่อยเชื่อกันหรอก แต่สำหรับพิชญากรที่อยู่ในวงการนี้มาเป็นสิบปีเคยไปถ่ายละครในต่างจังหวัดมานับไม่ถ้วน หลายครั้งที่เจอเรื่องราวประหลาดแบบเหลือเชื่อหรือไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ ทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งลี้ลับหรือวิญญาณนั้นมีอยู่จริง เพียงแต่ว่าใครจะสัมผัสได้ หรือเขาเหล่านั้นจะทำอะไรให้เห็นบ้างแค่นั้น
"ก็ไม่อยากจะเจออะไรหรอกนะคะพี่พีท ยิ่งตรงนั้นเคยเป็นเมืองเก่ามาก่อนด้วย พายคงได้แต่จุดธูปขอขมานั่นแหละ แต่ทางพี่หวานแกจะไปบวงสรวงที่นั่นอีกรอบนะคะก่อนถ่าย"
"ทำไปเถอะลูก ทุกสถานที่เก่าแก่ย่อมมีสิ่งปกปักษ์รักษาอยู่แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะงมงายเกินเหตุแต่การไม่ลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นมันก็สบายใจกว่าถูกมั้ย"
พิรัชต์กล่าวสำทับขึ้นมาให้หลานสาวพยักหน้ายิ้มรับฟัง
"ค่ะคุณปู่ พายไม่คิดลบหลู่อยู่แล้วล่ะ ก็เจออะไรแปลก ๆ มาตั้งหลายครั้งนี่นา"
"เห็นบอกว่าได้ไปถ่ายที่โรงพยาบาลที่พี่รักษาตอนนั้นด้วยเหรอพาย"
"ค่ะ พายก็เลยว่าจะเอารถมาใช้เองเพราะกะจะไปพักที่คอนโดของเจ มันอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่"
พิรัชต์พอได้รู้ว่าหลานสาวจะไปถ่ายละครที่โรงพยาบาลก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
"โรงพยาบาลกิติรัตน์นั่นเหรอลูก"
"ค่ะ ก็พี่แนนต้องรับบทเป็นคุณหมอในเรื่องนี้ เลยต้องมีฉากที่ทำงานในโรงพยาบาลด้วยค่ะ เห็นพี่หวานบอกว่าที่แกเลือกที่นี่เพราะสถานที่ภายในโรงพยาบาล ยังกับโรงแรมเลยแกชอบค่ะ แต่พายว่าก็จริงนะคะดูเขาออกแบบและก็จัดโซนอะไรไม่เหมือนโรงพยาบาลที่เราเคยไป"
"อาหารโรงพยาบาลเขารสชาติดีด้วยนะครับปู่ อันนี้ขอชมจากใจ"
พัชรวิชญ์กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่พวกเขาหอบของกินไปเยี่ยมพีรวัฒน์คราวนั้น จนโดนคุณพยาบาลแซว
พิรัชต์ยิ้มออกมาเมื่อนึกอะไรขึ้นได้
"อืมดีเลย ถ้างั้นปู่วานหนูเอาของไปให้หมอที่นั่นด้วยนะ จะได้ไม่ต้องส่งพัสดุ"
"ของอะไรคะ แล้วคุณปู่ไปรู้จักหมอที่โรงพยาบาลนั้นได้ไงพายไม่ยักรู้นะนี่"
พิรัชต์ขำเบา ๆ มือลูบผมหลานสาวอย่างเอ็นดู
"บังเอิญน่ะลูก พอดีอาทิตย์ก่อนปู่ไปเดินงานหนังสือไง เลยได้เจอคุณหมอที่สนใจเรื่องราวเดียวกันพอคุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าหมอทำงานที่นั่น แถมยังเคยเป็นเจ้าของไข้เจ้าพีทด้วย เดี๋ยวปู่ฝากหนังสือไปให้คุณหมอเขาด้วยแล้วกันคงหาตัวไม่ยากหรอกมั้ง หมอเกมส์ น่ะ"
"อ๋อ ที่นายเอกพูดว่าคุณพ่อไปคุยกับผู้หญิงสวย ๆ ในงานหนังสือ คือหมอคนนั้นเหรอคะ"
แพรวพิศเอ่ยขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดของคนขับรถประจำตัวของพ่อสามี
"อืม นั่นแหละหมอเกมส์"
พิชญากรขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเผยยิ้มออกมาเล็ก ๆ
"คุณปู่แอบไปจีบสาวเหรอคะ มีฝากของไปให้กันด้วย คุณย่าอย่ายอมนะคะ"
คำแซวของหลานสาวทำเอาคนแก่หัวเราะขำ
"ปล่อยเขาเถอะลูกถ้าไม่เจียมสังขารตัวเองละก็นะ ย่าปล่อยวางแล้ว"
เสียงหัวเราะขำกันขึ้นมาตามประสาครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี
"ต่อให้จีบจริง ๆ คุณหมอเขาก็ไม่สนปู่หรอก ไม่ใช่ว่าแก่ไร้ประโยชน์หรอกนะ แต่ว่าหมอเขาไม่ชอบผู้ชายนี่สิ ทีแรกว่าจะยุเจ้าแพทไปจีบอยู่เหมือนกัน ปู่รู้สึกถูกชะตายังไงไม่รู้"
"หมอไม่ชอบผู้ชาย หมายถึงคุณหมอชอบผู้หญิงเหรอคะคุณปู่"
พิชญากรถามออกไปด้วยความแปลกใจ และคำพูดแซวของพี่พยาบาลวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว
"มีสาวฝากดอกไม้ให้ทั้งแจกันแบบนี้สงสัยคุณหมอคงอารมณ์ดีทั้งวันแน่เลยค่ะ"
บ้าจังแบบนี้คุณหมอไม่คิดว่าเธอจีบหรือไงจู่ ๆ ก็ยกดอกไม้ให้ แถมก่อนหน้านั้นเธอดันมอบดอกกุหลาบดอกสวยให้ไปแทนคำขอบคุณอีกต่างหาก งือ อาย
ภาพที่อยู่ดี ๆ หลานสาวก็เอามือทั้งสองขึ้นมาปิดใบหน้าส่ายไปมาก็ทำเอางงกันไปหมด
"เดี๋ยว เป็นอะไรอยู่ ๆ ก็หน้าแดง"
พิรัชต์ที่นั่งใกล้กับหลานสาวก็เอ่ยขึ้นขำ ๆ และน้ำเสียงหัวเราะกึ่งขำกึ่งเอ็นดูของแพรวพิศก็ทำให้คนเป็นสามีต้องหันมองด้วยความสงสัย
"ขำอะไรคุณ แล้วยัยพายเป็นอะไรลูก"
"คงเขินน่ะสิคะ ก็วันที่ตาพีทออกจากโรงพยาบาล ลูกสาวคุณดันฝากแจกันที่มีดอกกุหลาบเป็นสิบ ๆ ดอกให้พยาบาลเอาไปให้คุณหมอน่ะ"
หือ ฮ่าๆ
"ทำไมทำแบบนั้นล่ะลูก"
"งื้อ ก็พายแค่เสียดายดอกกุหลาบนี่คะ อีกอย่างกุหลาบพวกนั้นมันก็มาจากงานแต่งที่โรงแรมที่พายไปทำงานคืนที่พี่พีทเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละค่ะ จริง ๆ ช่อกุหลาบนั่นคุณหมอเป็นคนรับเอาไว้ได้แต่หมอดันยกให้พายเฉยเลย พายก็แค่ยกคืนให้หมอไปดูแลต่อแค่นั้นเอง"
"อืม บังเอิญเกินไปหรือเปล่าหึ พอให้ดอกไม้พี่เขาไปก็เลยนึกเขิน ตอนมารู้ว่าพี่เขาชอบผู้หญิงนี่นะ"
คำแซวของคนเป็นปู่ก็เรียกริ้วแดง ๆขึ้นบนใบหน้าหลานสาวอีกครั้ง พิรัชต์ยิ่งขำเมื่ออีกคนมุดหน้างุด ๆ มาหลบหลังเขา จนต้องยกมือลูบหัวด้วยความเอ็นดู นึกถึงวันที่ได้คุยกับคุณหมอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"หนูมีนามบัตรหรือเปล่า ไว้ปู่จะส่งหนังสือสองเล่มนั้นมาให้หนูอ่านเพิ่มเติมด้วย ถ้าหนูจะไปฝั่งนั้นน่าจะเป็นประโยชน์ได้เพิ่มขึ้นนะ"
เขาบอกอย่างใจดีเมื่อได้รับรู้ว่ากนิษฐาจะเดินทางไปที่เมืองหมอกเมฆาเพื่อไปดูการทดลองยาที่เขาเคยมีโอกาสได้กินมาแล้ว
กนิษฐาพยักหน้ายิ้มก่อนจะค้นเอานามบัตรในกระเป๋าออกมา พร้อมกับจดเบอร์ส่วนตัวของเธอใส่ด้านหลังให้ด้วย
"นี่ค่ะ แล้วก็อันนี้เป็นเบอร์ส่วนตัวของหนูเผื่อคุณปู่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของตัวเองหรือคนใกล้ตัวก็ปรึกษาหนูได้ค่ะ"
พิรัชต์มองนามบัตรที่มีชื่อและที่ทำงานก่อนพลิกดูเบอร์โทรก็ยิ้ม
"ไม่กลัวปู่โทรจีบรึ ให้เบอร์ส่วนตัวแบบนี้"
คำเย้านั้นก็ทำให้คนฟังหลุดขำทั้งส่ายหน้าไปด้วย
"ต่อให้จีบจริง ๆ ก็จีบไม่ติดหรอกค่ะ เพราะเกมส์ไม่ได้ชอบผู้ชาย"
คำพูดของหญิงสาวที่เรียกว่าหน้าตาดีมากคนหนึ่งก็ทำให้พิรัชต์อึ้งไปพอสมควร แต่ก็ไม่ได้แปลกใจนักหรอกในเมื่อเพื่อนสนิทของหลานสาวเขาเองยังแต่งงานมีคู่ชีวิตเป็นเพศเดียวกันเลย
วันนี้จะมีการถ่ายละครที่โรงพยาบาลเป็นวันแรก พิชญากรตื่นขึ้นมาตั้งแต่หกโมงเช้ากะเวลาในการเดินทางไว้ชั่วโมงครึ่ง ด้วยความที่เป็นเช้าวันจันทร์แม้ทีมงานจะนัดเวลาถ่ายตอนสิบโมงเช้าเป็นต้นไป แต่นักแสดงก็ต้องไปเตรียมตัวก่อนอยู่แล้ว
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็หิ้วกระเป๋าลากใบขนาดกลางลงมาด้านล่าง เช้าแบบนี้ทุกคนในครอบครัวก็ตื่นกันหมดแล้ว
"เสร็จแล้วเหรอลูก แล้วหนูจะไปค้างที่คอนโดเพื่อนกี่วันจ๊ะ"
แพรวพิศเมื่อเห็นลูกสาวลากกระเป๋าเดินทางลงมาก็เอ่ยถามขึ้น
"พายยังไม่แน่ใจเลยค่ะ แต่ทางพี่หวานแกบอกว่าจะใช้เวลาถ่ายฉากในโรงพยาบาลทั้งหมดให้เรียบร้อย แกก็เลยเผื่อเวลาไว้ประมาณสัปดาห์"
"อืม ขับรถเองก็ระมัดระวังด้วยนะลูก ป่ะไปทานมื้อเช้าก่อน แม่เตรียมของกินให้หนูเอาไปฝากทีมงานที่กองด้วยนะ"
"ขอบคุณค่ะ ครั้งนี้เป็นอะไรคะ"
พิชญากรเดินเกาะแขนมารดาพากันเดินเข้าไปยังห้องทานอาหารของบ้าน เป็นปกติเวลาที่เปิดกองละครทีแม่เธอก็มักจะทำอาหารบางเมนู หรือพวกขนมให้เธอขนไปเผื่อทีมงานได้กินกันด้วย
"เมื่อวานแม่กับเหมียวช่วยกันทำคุ้กกี้ธัญพืชจ๊ะ เมื่อเช้าก็ทำแซนวิชเพิ่มอีกหลายชิ้นด้วย เผื่อใครหิวก็จะได้มีอะไรง่าย ๆ รองท้องกันนะ"
ลูกสาวคนสวยพยักหน้าพลางยิ้มให้คนเป็นแม่ เมื่อเข้ามาถึงก็เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า
"ปู่เตรียมหนังสือไว้แล้วนะลูก ฝากเอาไปให้คุณหมอเขาด้วย อ้อ ถ้าหาตัวไม่เจอยังไงหนูก็โทรหาพี่เขาตามเบอร์ที่ปู่จดให้นะ"
พิชญากรมองไปที่โต๊ะยาวมุมห้องเห็นมีถุงอยู่สามสี่ใบวางเอาไว้ ก็ต้องหันกลับมามองปู่ด้วยความสงสัย
"นั่นหนังสือคุณปู่หมดเลยเหรอคะ?"
"หือ ไม่ใช่ ฮ่า ๆ หนังสือปู่แค่ถุงใหญ่ใบเดียว แต่อาจจะหนักหน่อยนะในนั้นมีหนังสืออยู่ห้าเล่ม ที่เหลือของแม่เราหมดแหละ ของกินที่จะฝากไปกองถ่ายนั่นล่ะ"
"อ่ะนี่ เบอร์ของหมอเผื่อไม่เจอกัน"
กระดาษใบเล็กที่มีหมายเลขสิบหลักทำให้ทุกคนมองตาม
"นี่คุณปู่ได้เบอร์ส่วนตัวหมอเลยเหรอครับ โห ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย"
พีรวัฒน์เอ่ยแซวขึ้นมาทำให้พิรัชต์หัวเราะขำ
"ถ้าธรรมดาก็ไม่ใช่ปู่สิเจ้าพีท หึ ๆ"
ภาสินีส่ายหน้าเล็ก ๆ ด้วยนึกหมั่นไส้คนเป็นสามี
"เห็นบอกว่าหมอให้มา เผื่อไว้ปรึกษาเรื่องสุขภาพไม่ใช่เหรอคุณพี่"
คำพูดของคนเป็นย่าก็พาเอาคนที่เหลือหลุดขำออกมาพร้อมกัน
พิชญากรหยิบเอากระดาษใบเล็กขึ้นมาดูหมายเลข จริง ๆ ก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าคุณปู่ของเธอกับคุณหมอคุยกันถูกคอมากขนาดไหนกันนะถึงกับแจกเบอร์ส่วนตัวกันแบบนี้ 'แต่เธอจะไม่โทรเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น นะ' หญิงสาวคิด
ก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายหย่อนกระดาษใบนั้นเข้าช่องเล็กที่มีนามบัตรต่าง ๆ รวมอยู่ จากนั้นก็ใช้เวลาไปกับอาหารเช้าง่าย ๆ พร้อมพูดคุยสัพเพเหระกันไปกับครอบครัว จนเมื่อมื้อเช้าผ่านไปเธอเดินไปส่องดูถุงแต่ละใบก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"คุณแม่คะ ถุงนี่ทำไมมีกระปุกขนมกับแซนวิชชุดเล็กละคะ"
ที่ถามก็เพราะในถุงนั้นมีกระปุกสำหรับใส่คุ้กกี้แบบรวมมิตร และกล่องใสบรรจุแซนวิชอยู่สี่ชิ้นนี่สิ
"อ้อ แม่ฝากไปให้คุณหมอด้วยนะ ก็ไหน ๆ หนูต้องเอาหนังสือไปให้พี่เขาอยู่แล้ว แม่เลยถือโอกาสฝากของกินไปให้หมอเขาด้วย อืม แทนคำขอบคุณที่ตอนนั้นหมอเขาช่วยรับช่อดอกไม้แทนหนูแถมให้ติดรถไปโรงพยาบาลด้วย อ๋อ แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะลูก คือคุณปู่บอกว่าเผื่อเวลาหมอเขายุ่งจะได้มีอะไรกินไงจ๊ะ"
"นี่คุณปู่แอบกิ๊กกับคุณหมอหรือเปล่าคะนี่ ทำไมถึงมีของฝากไปให้กันเยอะแยะแบบนี้คะ"
"แหนะ ดูพูดเข้าเดี๋ยวหมอเขาเสียหายนะลูก" พิรัชต์เปรยออกมาทั้งยิ้มเอ็นดูหลานสาว
"ไม่มีอะไรหรอก แสดงน้ำใจกันเอาไว้เผื่อหมอเขาจะหอบสมุนไพรมาฝากปู่บ้าง"
ฮ่ะ ๆ
"หืม สมุนไพรอะไรครับคุณพ่อ"
ภาสกรเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง
"สมุนไพรที่พ่อกับแม่เคยกินเมื่อก่อนไง คือมันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่คุณหมอ เธอจะข้ามไปเมืองหมอกเมฆาไปทดลองสมุนไพรตัวนี้แหละ ก็เลยได้เบอร์ของหมอมานี่ไง แล้วหนังสือนั่นก็เกี่ยวกับเมืองนั้นพ่อเลยฝากไปให้หมอได้ศึกษาเพิ่มเติมก่อนเดินทางน่ะ"
เมื่อได้รับรู้ถึงที่มาของการรู้จักกันจนได้เบอร์คุณหมอมา ทุกคนถึงได้อ๋อในใจ ของทุกอย่างถูกนำมาใส่ในรถของพิชญากรโดยพี่ชายทั้งสองเป็นคนจัดการ
แต่ใบหน้าเจ้าของรถกำลังมองไปที่ของหลายอย่างในท้ายรถอย่างครุ่นคิด
โถขนมคุ้กกี้ใบใหญ่สองใบที่คาดว่ากินกันสามวันคงไม่หมด หมายถึงเฉพาะทีมงานกองถ่ายนะ แล้วอีกโถซึ่งใหญ่พอกันแม่เธอบอกให้เอาไปเผื่อหมอพยาบาลที่ร่วมเข้าฉากด้วย น้ำใจงามจริง ๆ แม่เรา เฮ้อ แล้วใครจะช่วยเธอขนออกจากรถล่ะคราวนี้
"พายไปทำงานแล้วนะคะ"
"ขับรถระวังด้วยนะลูก ว่างก็โทรมาหาพ่อกับแม่ด้วย"
พิชญากรเดินเข้าไปสวมกอดบิดามารดาและปู่กับย่า
"พายแค่ไปค้างคอนโดเพื่อนเองนะคะไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องขับรถพายไม่เคยประมาทอยู่แล้ว"
ใบหน้าสวยบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม ก็รู้ว่าคนในบ้านห่วงเธอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอต้องไปไหนด้วยตัวเองก็เลยดูจะน่าเป็นห่วงอีกเท่าตัว แต่คงจะลืมไปว่าเธอน่ะอายุไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว
Rrrrrr
"ฮัลโหลค่ะพี่หวาน"
"น้องพายถึงไหนแล้วคะ คือเมื่อคืนพี่ลืมส่งรายละเอียดแจ้งเรื่องชั้นจอดรถที่ทางโรงพยาบาลเขาจัดไว้ให้พวกเราค่ะ เป็นชั้นจอดรถ 5A นะคะถ้าไปถึงแล้วก็ขึ้นไปจอดได้เลยจะมีเจ้าหน้าที่รปภ.คอยอำนวยความสะดวกให้ค่ะ ตอนนี้พี่กำลังเดินทางรถติดพอสมควร"
"ค่ะพี่หวาน พายก็ออกมาได้ครึ่งทางแล้วค่ะดีที่เผื่อเวลาไว้ แล้วเจอกันค่ะพี่"
"จ๊ะ ๆ"
ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงพิชญากรก็มาถึงโรงพยาบาล นางร้ายคนสวยขับรถไปยังตึกจอดรถด้านหลัง เมื่อขึ้นมาถึงชั้นที่ว่าก็เห็นมี รปภ.ประจำป้อมเล็ก เธอจึงลดกระจกลงเพื่อสอบถาม
"สวัสดีครับ อ้าว! คุณพายนี่เอง มาแต่เช้าเลยนะครับ"
เพียงแค่เห็นใบหน้าหญิงสาวที่ลดกระจกลงหนุ่ม รปภ.ก็ทักขึ้นมาด้วยอาการตื่นเต้น ยิ่งคนในรถระบายยิ้มตอบกลับมาด้วยยิ่งทำเอาเขาเขินขึ้นมาเลย 'หน้าสวยแล้วยังยิ้มหวานอีกแม่คุณเอ้ย'
"สวัสดีค่ะ พอดีทีมงานแจ้งว่าให้นำรถมาจอดชั้นนี้ไม่ทราบว่าต้องจอดโซนไหนคะ"
"อ๋อ ขับตรงไปอีกหน่อยนะครับ ตรงด้านซ้ายมือที่มีกรวยตั้งแบ่งเอาไว้สามารถจอดได้เลยครับ แล้วก็ตรงจุดกลางตรงนั้นจะมีทางเข้าไปเป็นสะพานเชื่อม เพื่อเข้าไปยังโรงพยาบาลได้เลย ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยเหลือก็แจ้งได้เลยนะครับ ยินดีรับใช้ครับ"
พิชญากรยิ้มให้อีกครั้งก่อนกล่าวขอบคุณชายหนุ่มในเครื่องแบบที่ยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะให้
"ขอบคุณนะคะ"