ตอนที่6

3131 คำ
พิชญากรที่โอบกอดซบอกคนเป็นปู่ก็ส่ายหน้าเล็ก ๆ "เปล่าค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครทำให้พายรู้สึกอยากใช้ชีวิตด้วยเลยค่ะ" พิรัชต์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ตกลงนี่หนูชอบผู้หญิงหรือผู้ชายละเนี่ย เห็นชอบไปอ้อนคลอเคลียหนูนางเอกคนนั้นออกสื่อเรื่อยเลย" คำถามกึ่งแซวก็ทำให้หลานสาวอมยิ้มออกมา ปรายตาไปทางพี่ชายคนรอง ก่อนจะขยับตัวขึ้นกระซิบใกล้หูคนเป็นปู่ "คนนั้นพายจองไว้ให้พี่แพทต่างหากค่ะ พี่แพทน่ะไม่ได้เรื่องชักช้าไม่ทันใจ" "หืม จริงเหรอ นี่ปู่จะมีหลานสะใภ้เป็นดารามั้ยล่ะแบบนี้"  "ซุบซิบอะไรกันครับ ว่าพี่อีกแล้วนะน้องสาว" "ก็พี่แพทไม่ได้เรื่องจริง ๆ นี่คะ" "น้องสาวนั่นเขาเป็นดารานะครับ จู่ ๆจะให้พี่เดินไปจีบโต้ง ๆ เลย เขาก็เป็นข่าวน่ะสิ" "อือ ใช่ลูก ฝ่ายหญิงเขาจะเสียหายหรือเปล่า แล้วคิดยังไงจะเป็นแม่สื่อให้พี่เขาล่ะเรา" ภาสินีถามหลานขึ้นมาบ้าง  "ก็คนนี้พายรักเหมือนพี่สาวเลย นิสัยดีด้วยค่ะคุณย่า ที่สำคัญตอนนี้พี่เขาโสดสนิท" "ถ้าได้คนนี้แม่ให้ผ่านนะ" แพรวพิศเอ่ยขึ้นมายิ้ม ๆ  "คุณแม่ครับ ผมจะเอาโอกาสที่ไหนไปจีบเธอละครับ หน้าที่การงานก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย ถ้าอย่างพีทกับน้องอายทำงานด้วยกันแบบนี้ยังพอมีลุ้นหน่อย แล้วพายไม่ให้พี่ไปรับส่งที่ทำงานแบบนี้พี่ยิ่งไม่มีช่องทางเจอเขาเลยนะ" พัชรวิชญ์ได้ทีเลยโยนภาระกลับมาให้คนอยากทำตัวเป็นแม่สื่อซะเลย พิชญากรลุกขึ้นมานั่งดี ๆ ก่อนจะมองหน้าพี่ชายที่กำลังทำทีเลิกคิ้วมาให้ "งั้นวันไหนพี่แพทไม่ติดธุระก็ไปรับส่งพายเหมือนเดิมแล้วกันค่ะ ชักช้าเดี๋ยวมีคนจีบพี่แนนไป พายคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะคะพี่ชาย" หึ ๆ  "แสดงฝีมือหน่อยเจ้าแพท แม่สื่อการันตีขนาดนี้ปู่คงต้องคอยลุ้นว่าจะได้ดารามาเป็นหลานสะใภ้หรือเปล่า" "ผมรู้สึกกดดันยังไงไม่รู้สิเนี่ย" คำพูดนั่นทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมแต่ละคนเห็นดีเห็นงามอยากจะเชียร์ไปด้วย ก็เพราะพัชรวิชญ์เองนั่นแหละที่เคยหลุดปากออกมาเอง ว่าสเปคเขาชอบผู้หญิงแบบนี้ "แล้วที่ต้องไปถ่ายกันต่างจังหวัดน่ะไปเมื่อไหร่พาย" พีรวัฒน์สอบถามน้องบ้าง  "น่าจะอีกสองสามเดือนมั้งคะ เพราะที่นั่นต้องจัดฉากจำลองเป็นเมืองโบราณด้วยค่ะ" "เหรอ แบบนี้ก็คล้าย ๆ เรื่องก่อนที่พายขึ้นไปถ่ายทางเหนือใช่มั้ย" "ใช่ค่ะ แต่ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้สร้างฉากใหญ่โตอลังการขนาดนั้น แต่ก็ต้องใช้เวลาทำพอสมควร ช่วงนี้ก็เลยถ่ายในส่วนของบทปัจจุบันไปก่อนค่ะ" "แล้วเรื่องนี้น้องสาวพี่จะเจอเหตุการณ์แปลก ๆ เหมือนคราวนั้นหรือเปล่าละนี่" คำพูดกึ่งแซวของพี่ชายทำให้น้องสาวยิ้มแหยออกมา เรื่องแปลก ๆ ในกองถ่ายละครบางคนเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็นแต่หลายคนที่ไม่เคยเจอก็มักจะไม่ค่อยเชื่อกันหรอก แต่สำหรับพิชญากรที่อยู่ในวงการนี้มาเป็นสิบปีเคยไปถ่ายละครในต่างจังหวัดมานับไม่ถ้วน หลายครั้งที่เจอเรื่องราวประหลาดแบบเหลือเชื่อหรือไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ ทำให้เธอเชื่อว่าสิ่งลี้ลับหรือวิญญาณนั้นมีอยู่จริง เพียงแต่ว่าใครจะสัมผัสได้ หรือเขาเหล่านั้นจะทำอะไรให้เห็นบ้างแค่นั้น "ก็ไม่อยากจะเจออะไรหรอกนะคะพี่พีท ยิ่งตรงนั้นเคยเป็นเมืองเก่ามาก่อนด้วย พายคงได้แต่จุดธูปขอขมานั่นแหละ แต่ทางพี่หวานแกจะไปบวงสรวงที่นั่นอีกรอบนะคะก่อนถ่าย" "ทำไปเถอะลูก ทุกสถานที่เก่าแก่ย่อมมีสิ่งปกปักษ์รักษาอยู่แล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะงมงายเกินเหตุแต่การไม่ลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็นมันก็สบายใจกว่าถูกมั้ย" พิรัชต์กล่าวสำทับขึ้นมาให้หลานสาวพยักหน้ายิ้มรับฟัง "ค่ะคุณปู่ พายไม่คิดลบหลู่อยู่แล้วล่ะ ก็เจออะไรแปลก ๆ มาตั้งหลายครั้งนี่นา" "เห็นบอกว่าได้ไปถ่ายที่โรงพยาบาลที่พี่รักษาตอนนั้นด้วยเหรอพาย" "ค่ะ พายก็เลยว่าจะเอารถมาใช้เองเพราะกะจะไปพักที่คอนโดของเจ มันอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเท่าไหร่" พิรัชต์พอได้รู้ว่าหลานสาวจะไปถ่ายละครที่โรงพยาบาลก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ "โรงพยาบาลกิติรัตน์นั่นเหรอลูก" "ค่ะ ก็พี่แนนต้องรับบทเป็นคุณหมอในเรื่องนี้ เลยต้องมีฉากที่ทำงานในโรงพยาบาลด้วยค่ะ เห็นพี่หวานบอกว่าที่แกเลือกที่นี่เพราะสถานที่ภายในโรงพยาบาล ยังกับโรงแรมเลยแกชอบค่ะ แต่พายว่าก็จริงนะคะดูเขาออกแบบและก็จัดโซนอะไรไม่เหมือนโรงพยาบาลที่เราเคยไป" "อาหารโรงพยาบาลเขารสชาติดีด้วยนะครับปู่ อันนี้ขอชมจากใจ" พัชรวิชญ์กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกถึงตอนที่พวกเขาหอบของกินไปเยี่ยมพีรวัฒน์คราวนั้น จนโดนคุณพยาบาลแซว พิรัชต์ยิ้มออกมาเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ "อืมดีเลย ถ้างั้นปู่วานหนูเอาของไปให้หมอที่นั่นด้วยนะ จะได้ไม่ต้องส่งพัสดุ" "ของอะไรคะ แล้วคุณปู่ไปรู้จักหมอที่โรงพยาบาลนั้นได้ไงพายไม่ยักรู้นะนี่" พิรัชต์ขำเบา ๆ มือลูบผมหลานสาวอย่างเอ็นดู "บังเอิญน่ะลูก พอดีอาทิตย์ก่อนปู่ไปเดินงานหนังสือไง เลยได้เจอคุณหมอที่สนใจเรื่องราวเดียวกันพอคุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าหมอทำงานที่นั่น แถมยังเคยเป็นเจ้าของไข้เจ้าพีทด้วย เดี๋ยวปู่ฝากหนังสือไปให้คุณหมอเขาด้วยแล้วกันคงหาตัวไม่ยากหรอกมั้ง หมอเกมส์ น่ะ" "อ๋อ ที่นายเอกพูดว่าคุณพ่อไปคุยกับผู้หญิงสวย ๆ ในงานหนังสือ คือหมอคนนั้นเหรอคะ" แพรวพิศเอ่ยขึ้นมาเมื่อนึกถึงคำพูดของคนขับรถประจำตัวของพ่อสามี "อืม นั่นแหละหมอเกมส์" พิชญากรขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเผยยิ้มออกมาเล็ก ๆ "คุณปู่แอบไปจีบสาวเหรอคะ มีฝากของไปให้กันด้วย คุณย่าอย่ายอมนะคะ"  คำแซวของหลานสาวทำเอาคนแก่หัวเราะขำ "ปล่อยเขาเถอะลูกถ้าไม่เจียมสังขารตัวเองละก็นะ ย่าปล่อยวางแล้ว" เสียงหัวเราะขำกันขึ้นมาตามประสาครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี "ต่อให้จีบจริง ๆ คุณหมอเขาก็ไม่สนปู่หรอก ไม่ใช่ว่าแก่ไร้ประโยชน์หรอกนะ แต่ว่าหมอเขาไม่ชอบผู้ชายนี่สิ ทีแรกว่าจะยุเจ้าแพทไปจีบอยู่เหมือนกัน ปู่รู้สึกถูกชะตายังไงไม่รู้" "หมอไม่ชอบผู้ชาย หมายถึงคุณหมอชอบผู้หญิงเหรอคะคุณปู่" พิชญากรถามออกไปด้วยความแปลกใจ และคำพูดแซวของพี่พยาบาลวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว "มีสาวฝากดอกไม้ให้ทั้งแจกันแบบนี้สงสัยคุณหมอคงอารมณ์ดีทั้งวันแน่เลยค่ะ" บ้าจังแบบนี้คุณหมอไม่คิดว่าเธอจีบหรือไงจู่ ๆ ก็ยกดอกไม้ให้ แถมก่อนหน้านั้นเธอดันมอบดอกกุหลาบดอกสวยให้ไปแทนคำขอบคุณอีกต่างหาก งือ อาย ภาพที่อยู่ดี ๆ หลานสาวก็เอามือทั้งสองขึ้นมาปิดใบหน้าส่ายไปมาก็ทำเอางงกันไปหมด "เดี๋ยว เป็นอะไรอยู่ ๆ ก็หน้าแดง" พิรัชต์ที่นั่งใกล้กับหลานสาวก็เอ่ยขึ้นขำ ๆ และน้ำเสียงหัวเราะกึ่งขำกึ่งเอ็นดูของแพรวพิศก็ทำให้คนเป็นสามีต้องหันมองด้วยความสงสัย "ขำอะไรคุณ แล้วยัยพายเป็นอะไรลูก" "คงเขินน่ะสิคะ ก็วันที่ตาพีทออกจากโรงพยาบาล ลูกสาวคุณดันฝากแจกันที่มีดอกกุหลาบเป็นสิบ ๆ ดอกให้พยาบาลเอาไปให้คุณหมอน่ะ" หือ ฮ่าๆ "ทำไมทำแบบนั้นล่ะลูก" "งื้อ ก็พายแค่เสียดายดอกกุหลาบนี่คะ อีกอย่างกุหลาบพวกนั้นมันก็มาจากงานแต่งที่โรงแรมที่พายไปทำงานคืนที่พี่พีทเกิดอุบัติเหตุนั่นแหละค่ะ จริง ๆ ช่อกุหลาบนั่นคุณหมอเป็นคนรับเอาไว้ได้แต่หมอดันยกให้พายเฉยเลย พายก็แค่ยกคืนให้หมอไปดูแลต่อแค่นั้นเอง" "อืม บังเอิญเกินไปหรือเปล่าหึ พอให้ดอกไม้พี่เขาไปก็เลยนึกเขิน ตอนมารู้ว่าพี่เขาชอบผู้หญิงนี่นะ" คำแซวของคนเป็นปู่ก็เรียกริ้วแดง ๆขึ้นบนใบหน้าหลานสาวอีกครั้ง พิรัชต์ยิ่งขำเมื่ออีกคนมุดหน้างุด ๆ มาหลบหลังเขา จนต้องยกมือลูบหัวด้วยความเอ็นดู นึกถึงวันที่ได้คุยกับคุณหมอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ "หนูมีนามบัตรหรือเปล่า ไว้ปู่จะส่งหนังสือสองเล่มนั้นมาให้หนูอ่านเพิ่มเติมด้วย ถ้าหนูจะไปฝั่งนั้นน่าจะเป็นประโยชน์ได้เพิ่มขึ้นนะ" เขาบอกอย่างใจดีเมื่อได้รับรู้ว่ากนิษฐาจะเดินทางไปที่เมืองหมอกเมฆาเพื่อไปดูการทดลองยาที่เขาเคยมีโอกาสได้กินมาแล้ว กนิษฐาพยักหน้ายิ้มก่อนจะค้นเอานามบัตรในกระเป๋าออกมา พร้อมกับจดเบอร์ส่วนตัวของเธอใส่ด้านหลังให้ด้วย "นี่ค่ะ แล้วก็อันนี้เป็นเบอร์ส่วนตัวของหนูเผื่อคุณปู่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพของตัวเองหรือคนใกล้ตัวก็ปรึกษาหนูได้ค่ะ" พิรัชต์มองนามบัตรที่มีชื่อและที่ทำงานก่อนพลิกดูเบอร์โทรก็ยิ้ม "ไม่กลัวปู่โทรจีบรึ ให้เบอร์ส่วนตัวแบบนี้" คำเย้านั้นก็ทำให้คนฟังหลุดขำทั้งส่ายหน้าไปด้วย "ต่อให้จีบจริง ๆ ก็จีบไม่ติดหรอกค่ะ เพราะเกมส์ไม่ได้ชอบผู้ชาย" คำพูดของหญิงสาวที่เรียกว่าหน้าตาดีมากคนหนึ่งก็ทำให้พิรัชต์อึ้งไปพอสมควร แต่ก็ไม่ได้แปลกใจนักหรอกในเมื่อเพื่อนสนิทของหลานสาวเขาเองยังแต่งงานมีคู่ชีวิตเป็นเพศเดียวกันเลย     วันนี้จะมีการถ่ายละครที่โรงพยาบาลเป็นวันแรก พิชญากรตื่นขึ้นมาตั้งแต่หกโมงเช้ากะเวลาในการเดินทางไว้ชั่วโมงครึ่ง ด้วยความที่เป็นเช้าวันจันทร์แม้ทีมงานจะนัดเวลาถ่ายตอนสิบโมงเช้าเป็นต้นไป แต่นักแสดงก็ต้องไปเตรียมตัวก่อนอยู่แล้ว เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็หิ้วกระเป๋าลากใบขนาดกลางลงมาด้านล่าง เช้าแบบนี้ทุกคนในครอบครัวก็ตื่นกันหมดแล้ว  "เสร็จแล้วเหรอลูก แล้วหนูจะไปค้างที่คอนโดเพื่อนกี่วันจ๊ะ" แพรวพิศเมื่อเห็นลูกสาวลากกระเป๋าเดินทางลงมาก็เอ่ยถามขึ้น "พายยังไม่แน่ใจเลยค่ะ แต่ทางพี่หวานแกบอกว่าจะใช้เวลาถ่ายฉากในโรงพยาบาลทั้งหมดให้เรียบร้อย แกก็เลยเผื่อเวลาไว้ประมาณสัปดาห์" "อืม ขับรถเองก็ระมัดระวังด้วยนะลูก ป่ะไปทานมื้อเช้าก่อน แม่เตรียมของกินให้หนูเอาไปฝากทีมงานที่กองด้วยนะ" "ขอบคุณค่ะ ครั้งนี้เป็นอะไรคะ" พิชญากรเดินเกาะแขนมารดาพากันเดินเข้าไปยังห้องทานอาหารของบ้าน เป็นปกติเวลาที่เปิดกองละครทีแม่เธอก็มักจะทำอาหารบางเมนู หรือพวกขนมให้เธอขนไปเผื่อทีมงานได้กินกันด้วย "เมื่อวานแม่กับเหมียวช่วยกันทำคุ้กกี้ธัญพืชจ๊ะ เมื่อเช้าก็ทำแซนวิชเพิ่มอีกหลายชิ้นด้วย เผื่อใครหิวก็จะได้มีอะไรง่าย ๆ รองท้องกันนะ" ลูกสาวคนสวยพยักหน้าพลางยิ้มให้คนเป็นแม่ เมื่อเข้ามาถึงก็เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า "ปู่เตรียมหนังสือไว้แล้วนะลูก ฝากเอาไปให้คุณหมอเขาด้วย อ้อ ถ้าหาตัวไม่เจอยังไงหนูก็โทรหาพี่เขาตามเบอร์ที่ปู่จดให้นะ" พิชญากรมองไปที่โต๊ะยาวมุมห้องเห็นมีถุงอยู่สามสี่ใบวางเอาไว้ ก็ต้องหันกลับมามองปู่ด้วยความสงสัย "นั่นหนังสือคุณปู่หมดเลยเหรอคะ?" "หือ ไม่ใช่ ฮ่า ๆ หนังสือปู่แค่ถุงใหญ่ใบเดียว แต่อาจจะหนักหน่อยนะในนั้นมีหนังสืออยู่ห้าเล่ม ที่เหลือของแม่เราหมดแหละ ของกินที่จะฝากไปกองถ่ายนั่นล่ะ" "อ่ะนี่ เบอร์ของหมอเผื่อไม่เจอกัน" กระดาษใบเล็กที่มีหมายเลขสิบหลักทำให้ทุกคนมองตาม  "นี่คุณปู่ได้เบอร์ส่วนตัวหมอเลยเหรอครับ โห ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย" พีรวัฒน์เอ่ยแซวขึ้นมาทำให้พิรัชต์หัวเราะขำ "ถ้าธรรมดาก็ไม่ใช่ปู่สิเจ้าพีท หึ ๆ" ภาสินีส่ายหน้าเล็ก ๆ ด้วยนึกหมั่นไส้คนเป็นสามี "เห็นบอกว่าหมอให้มา เผื่อไว้ปรึกษาเรื่องสุขภาพไม่ใช่เหรอคุณพี่" คำพูดของคนเป็นย่าก็พาเอาคนที่เหลือหลุดขำออกมาพร้อมกัน พิชญากรหยิบเอากระดาษใบเล็กขึ้นมาดูหมายเลข จริง ๆ ก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าคุณปู่ของเธอกับคุณหมอคุยกันถูกคอมากขนาดไหนกันนะถึงกับแจกเบอร์ส่วนตัวกันแบบนี้ 'แต่เธอจะไม่โทรเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น นะ' หญิงสาวคิด ก่อนจะเปิดกระเป๋าสะพายหย่อนกระดาษใบนั้นเข้าช่องเล็กที่มีนามบัตรต่าง ๆ รวมอยู่ จากนั้นก็ใช้เวลาไปกับอาหารเช้าง่าย ๆ พร้อมพูดคุยสัพเพเหระกันไปกับครอบครัว จนเมื่อมื้อเช้าผ่านไปเธอเดินไปส่องดูถุงแต่ละใบก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัย "คุณแม่คะ ถุงนี่ทำไมมีกระปุกขนมกับแซนวิชชุดเล็กละคะ" ที่ถามก็เพราะในถุงนั้นมีกระปุกสำหรับใส่คุ้กกี้แบบรวมมิตร และกล่องใสบรรจุแซนวิชอยู่สี่ชิ้นนี่สิ "อ้อ แม่ฝากไปให้คุณหมอด้วยนะ ก็ไหน ๆ หนูต้องเอาหนังสือไปให้พี่เขาอยู่แล้ว แม่เลยถือโอกาสฝากของกินไปให้หมอเขาด้วย อืม แทนคำขอบคุณที่ตอนนั้นหมอเขาช่วยรับช่อดอกไม้แทนหนูแถมให้ติดรถไปโรงพยาบาลด้วย อ๋อ แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะลูก คือคุณปู่บอกว่าเผื่อเวลาหมอเขายุ่งจะได้มีอะไรกินไงจ๊ะ" "นี่คุณปู่แอบกิ๊กกับคุณหมอหรือเปล่าคะนี่ ทำไมถึงมีของฝากไปให้กันเยอะแยะแบบนี้คะ" "แหนะ ดูพูดเข้าเดี๋ยวหมอเขาเสียหายนะลูก" พิรัชต์เปรยออกมาทั้งยิ้มเอ็นดูหลานสาว "ไม่มีอะไรหรอก แสดงน้ำใจกันเอาไว้เผื่อหมอเขาจะหอบสมุนไพรมาฝากปู่บ้าง" ฮ่ะ ๆ "หืม สมุนไพรอะไรครับคุณพ่อ" ภาสกรเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง  "สมุนไพรที่พ่อกับแม่เคยกินเมื่อก่อนไง คือมันก็เป็นเรื่องบังเอิญที่คุณหมอ เธอจะข้ามไปเมืองหมอกเมฆาไปทดลองสมุนไพรตัวนี้แหละ ก็เลยได้เบอร์ของหมอมานี่ไง แล้วหนังสือนั่นก็เกี่ยวกับเมืองนั้นพ่อเลยฝากไปให้หมอได้ศึกษาเพิ่มเติมก่อนเดินทางน่ะ" เมื่อได้รับรู้ถึงที่มาของการรู้จักกันจนได้เบอร์คุณหมอมา ทุกคนถึงได้อ๋อในใจ ของทุกอย่างถูกนำมาใส่ในรถของพิชญากรโดยพี่ชายทั้งสองเป็นคนจัดการ แต่ใบหน้าเจ้าของรถกำลังมองไปที่ของหลายอย่างในท้ายรถอย่างครุ่นคิด โถขนมคุ้กกี้ใบใหญ่สองใบที่คาดว่ากินกันสามวันคงไม่หมด หมายถึงเฉพาะทีมงานกองถ่ายนะ แล้วอีกโถซึ่งใหญ่พอกันแม่เธอบอกให้เอาไปเผื่อหมอพยาบาลที่ร่วมเข้าฉากด้วย น้ำใจงามจริง ๆ แม่เรา เฮ้อ แล้วใครจะช่วยเธอขนออกจากรถล่ะคราวนี้ "พายไปทำงานแล้วนะคะ" "ขับรถระวังด้วยนะลูก ว่างก็โทรมาหาพ่อกับแม่ด้วย" พิชญากรเดินเข้าไปสวมกอดบิดามารดาและปู่กับย่า  "พายแค่ไปค้างคอนโดเพื่อนเองนะคะไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องขับรถพายไม่เคยประมาทอยู่แล้ว" ใบหน้าสวยบอกออกไปด้วยรอยยิ้ม ก็รู้ว่าคนในบ้านห่วงเธอมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอต้องไปไหนด้วยตัวเองก็เลยดูจะน่าเป็นห่วงอีกเท่าตัว แต่คงจะลืมไปว่าเธอน่ะอายุไม่ใช่เด็กวัยรุ่นแล้ว  Rrrrrr "ฮัลโหลค่ะพี่หวาน" "น้องพายถึงไหนแล้วคะ คือเมื่อคืนพี่ลืมส่งรายละเอียดแจ้งเรื่องชั้นจอดรถที่ทางโรงพยาบาลเขาจัดไว้ให้พวกเราค่ะ เป็นชั้นจอดรถ 5A นะคะถ้าไปถึงแล้วก็ขึ้นไปจอดได้เลยจะมีเจ้าหน้าที่รปภ.คอยอำนวยความสะดวกให้ค่ะ ตอนนี้พี่กำลังเดินทางรถติดพอสมควร" "ค่ะพี่หวาน พายก็ออกมาได้ครึ่งทางแล้วค่ะดีที่เผื่อเวลาไว้ แล้วเจอกันค่ะพี่" "จ๊ะ ๆ" ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงพิชญากรก็มาถึงโรงพยาบาล นางร้ายคนสวยขับรถไปยังตึกจอดรถด้านหลัง เมื่อขึ้นมาถึงชั้นที่ว่าก็เห็นมี รปภ.ประจำป้อมเล็ก เธอจึงลดกระจกลงเพื่อสอบถาม "สวัสดีครับ อ้าว! คุณพายนี่เอง มาแต่เช้าเลยนะครับ" เพียงแค่เห็นใบหน้าหญิงสาวที่ลดกระจกลงหนุ่ม รปภ.ก็ทักขึ้นมาด้วยอาการตื่นเต้น ยิ่งคนในรถระบายยิ้มตอบกลับมาด้วยยิ่งทำเอาเขาเขินขึ้นมาเลย 'หน้าสวยแล้วยังยิ้มหวานอีกแม่คุณเอ้ย' "สวัสดีค่ะ พอดีทีมงานแจ้งว่าให้นำรถมาจอดชั้นนี้ไม่ทราบว่าต้องจอดโซนไหนคะ" "อ๋อ ขับตรงไปอีกหน่อยนะครับ ตรงด้านซ้ายมือที่มีกรวยตั้งแบ่งเอาไว้สามารถจอดได้เลยครับ แล้วก็ตรงจุดกลางตรงนั้นจะมีทางเข้าไปเป็นสะพานเชื่อม เพื่อเข้าไปยังโรงพยาบาลได้เลย ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยเหลือก็แจ้งได้เลยนะครับ ยินดีรับใช้ครับ" พิชญากรยิ้มให้อีกครั้งก่อนกล่าวขอบคุณชายหนุ่มในเครื่องแบบที่ยกมือขึ้นทำท่าตะเบ๊ะให้ "ขอบคุณนะคะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม