“ดีมาก พวกแกออกไปก่อน” สิ้นเสียงเข้มที่ดังตอบกลับมา เก้าอี้หนังสีดำที่หันหลังให้อยู่ก็ค่อยๆ หมุนกลับมาประจัญหน้าชญาวีร์อีกครั้งอย่างช้าๆ ทำให้เธอได้เห็นใบหน้าของผู้สั่งการได้อย่างชัดเจนมากขึ้น
ดวงตากลมโตจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสัยอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนความทรงจำครั้งล่าสุดจะค่อยๆ เปิดออก และเป็นเขานั่นเอง ผู้ชายที่หล่อนบังเอิญเดินชนเข้าระหว่างทางที่จะไปให้พ่อเลี้ยงคนนั้น..
“คุณ...”
“ไง...แม่หัวขโมยตัวน้อยๆ” คำทักทายของคนตรงหน้ายิ่งจะสร้างความงุนงงสับสนให้แก่หญิงสาวมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว หัวขโมยอย่างงั้นเหรอ เขากำลังเข้าใจอะไรผิดอย่างมหันต์ หล่อนไม่เคยแม้แต่จะคิดขโมยของๆ ใครเลยสักครั้งในชีวิตแค่คิดยังไม่กล้า และเขาก็ไม่มีสิทธิ์มากล่าวหาตนเองโดยไร้ซึ่งหลักฐานแบบนี้ด้วยเช่นกัน
“เกรงว่าคุณคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้วนะค่ะมิสเตอร์ ดิฉันไม่ใช่ขโมย!!”
ชญาวีร์ตอบเสียงสูงก่อนจะเชิดใบหน้ารั้นๆ ขึ้นเพื่อแสดงจุดยืนของตนเองให้คนตรงหน้าได้เห็นอย่างชัดเจนที่สุด เพราะมันคือความจริงทุกคำที่เอ่ยบอก ตลอดชีวิตที่ผ่านมาแม้จะต้องอยู่อย่างยากลำบากแค่ไหนแต่หล่อนก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดขโมยของๆ คนอื่น ไม่มีเลยสักครั้งที่จะคิดทำเรื่องที่เสียศักดิ์ศรีเช่นนั้นได้!!
“โอ้ว! นี่ถ้ามีขโมยคนไหนในโลกยอมรับซึ่งๆ หน้าว่าตัวเองเป็นขโมย โลกนี้คงจะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนะครับว่าไหม” คำตอบยียวนกวนโทสะของคนเบื้องหน้ายิ่งทำให้ชญาวีร์หมดสิ้นคำพูดจะตอบโต้ เขาไม่ฟังคำเธอแต่กลับใส่ร้ายไม่ยอมหยุด
“ไหนล่ะค่ะหลักฐาน คุณจะมากล่าวหาคนอื่นลอยๆ โดยไร้ซึ่งหลักฐานไม่ได้หรอกนะค่ะมิสเตอร์ บ้านนี้เมืองนี้มีกฎหมาย”
“และบังเอิญว่าผมก็ดันอยู่เหนือกฎหมายเสียด้วยสิ หลักฐานคุณคงจะทำลายไปแล้ว ผมคงเอาผิดอะไรกับคุณไม่ได้มากนักนอกเสียจากการสั่งสอนและขอค่าเสียหายนิดๆ หน่อยๆ ให้ได้ชื่นใจเท่านั้น”
คำพูดที่ว่าน่ากลัวแล้วนั้นยังเทียบไม่ได้ครึ่งกับแววตาของเขาที่กำลังใช้โลมเลียเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้าเลยสักนิด ก่อนนัยน์ตาคมกริบจะไปหยุดที่เรียวขาสวยของหล่อนช้าๆ และนั่นทำให้หญิงสาวเข้าใจได้อย่างชัดเจนแล้วว่าจุดประสงค์ของคำพูดประโยคนั้นของเขามันหมายถึงอะไร...
“หยุดความคิดของคุณเอาไว้แค่นั้นเถอะนะคะ...ดิฉันยังขอยืนยันเหมือนเดิมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอย่างมหันต์กับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น!!”
“แต่อันที่จริงจะว่าไป...รูปร่างหน้าตาอย่างคุณไม่น่าทำอาชีพแบบนี้เลย ยังมีงานดีดีที่แทบจะไม่ต้องเปลืองแรงรอรับหากคุณยอมเลือกเสียใหม่...”
ไร้เหตุผลที่จะเอ่ยบอกอีกต่อไป เพราะคนๆ นี้แทบจะไม่รับฟังคำพูดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เขายังคงยืนกรานด้วยน้ำเสียงที่เย้อหยิ่งและหนักแน่นเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงว่าหล่อนนั้นคือหัวขโมย
และงานดีดีที่เขาหมายถึงนั้น แน่นอนว่าชญาวีร์รู้ได้ในทันทีถึงความหมายของมันเมื่อมือหนาของเขาค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมาตะปบเนินขาเรียวสวยของหล่อนอย่างตั้งใจ ร่างเล็กสะดุ้งสุดตัวก่อนจะตวาดเสียงแข็งด้วยน้ำเสียงที่โมโหอย่างหนักให้กับการกระทำที่ป่าเถื่อนของเขา...
“คุณจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะค่ะ! ในเมื่อหลักฐานก็ไม่มี พยานสักคนที่เห็นว่าฉันขโมยของๆ คุณก็ไม่มี ดิฉันเกรงจะต้องขอตัวและภวนาให้เราอย่าได้พบเจอะเจอกันอีกเลย!!”
สิ้นเสียงหวานที่ดังอย่างถือสิทธิ์ ร่างเล็กก็ลุกพรวดจนมือหนาใหญ่หลุดล่วงออกไปจากต้นขาของตนในทันที แต่เพียงก้าวเดินไปได้ไม่กี่ก้าวร่างของหล่อนกลับถูกกระชากอย่างแรงให้ต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนบ้าอำนาจอีกครั้งเข้าจนได้...
“ไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าเดินหนีผม!!” คาร์ลเค้นเสียงที่จงใจแสดงให้อีกฝ่ายได้เห็นถึงความไม่พอใจกับท่าทีของหล่อนอย่างชัดเจนที่สุด
“ก็มีแล้วนี่ยังไงล่ะค่ะ ฉันควรจะภูมิใจดีไหมที่ไม่ตกเป็นหนึ่งในผู้หญิงพวกนั้นที่ลุ่มหลงไปกับหน้าตาและเงินทองของคุณ”
“อวดดี ปากเก่ง!! คุณคงไม่รู้สินะว่ากำลังคุยกับใครอยู่!”
คาร์ล ไดม่อนคอร์ฟตวาดถามดังลั่นก่อนจะกดแนบร่างเล็กที่กำลังพยายามดิ้นรนอย่างหนักด้วยร่างกายกำยำของตนเอง ยิ่งหล่อนออกแรงดิ้นเขาก็ยิ้งแทรกร่างกายของตนเองให้เบียดเสียดแนบชิดมากขึ้นไปอีกราวกับจะจงใจทำให้หล่อนได้สำนึกว่าเรี่ยวแรงเท่ามดแค่นี้ไม่มีทางเลยที่จะเอาชนะตนเองได้
“คุณจะเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากที่ไหนมันก็เรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉัน ปล่อยค่ะ!!”
ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะนอกจากเขาจะไม่ยอมปล่อยตามคำขอแล้วนั้น ร่างสูงใหญ่ยังกดทับร่างบางจนโอนเอียงลงไปนอนราบกับโซฟาสีแดงเพลิงที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ก่อนที่ตัวเขาจะตามมาคร่อมร่างของเจ้าหล่อนเอาไว้ด้วยท่าคุกเข่าก่อนจะเอ่ยเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงยียวนทันที...
“ท่านี้ก็ไม่เลวแหะ คุณนี่ก็ซาดิสไม่เบาเลยนี่น้ำหวาน...”
“คนเลว!!! คุณไม่มีสิทธิ์ดูถูกฉันแบบนี้นะค่ะ ปล่อยนะ!!”
“ดูถูกงั้นเหรอ...อะไรมันทำให้คุณคิดว่าผมกำลังดูถูกคุณ หรือคุณจะบอกว่าไอ้ที่เที่ยวมาเดินเตร่ในบ่อนที่เต็มไปด้วยคนรวยมากมายไม่ได้มาเพราะอยากจะขาย...”คำดูถูกดูแคลนของเขามันช่างร้ายกาจ
ชญาวีร์ไม่เคยเจอใครที่จะสามารถดูถูกหล่อนทั้งคำพูดและการกระทำในเวลาเดียวกันเช่นนี้มาก่อนในชีวิต เขามันเลวร้าย และเธอก็เกลียดนักเชียวคนที่มีแต่เงินไร้ซึ่งสมองแบบนี้ การมีเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่ได้เป็นการแสดงว่าเขาสูงส่งกว่าหล่อนเสียหน่อย หากรวมทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่เขามีแล้วนำมันมาหักลบกับนิสัยเลวร้าย คำพูดที่ชอบดูถูกคนอื่นนั้นสุดท้ายผลที่ได้คงจะเหลือเพียงศูนย์เท่านั้น!
“ว่ายังไงสาวน้อย...สรุปว่าจะขายหรือไม่ขาย!!”
“ถึงฉันจะขาย!! คุณก็ไม่ใช่ลูกค้าที่ฉันจะขายให้ค่ะ และไม่มีวันนั้นด้วย!!”
“ทำไม!! หรือเพราะกลัวว่าผมจะจ่ายให้คุณไม่คุ้มเสียหรือไง“ ยิ่งได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากคนตรงหน้า ชญาวีร์ก็ยิ่งเกลียดชังเขาขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีเหตุผลว่าทั้งชีวิตเธอจะสามารถเกลียดใครสักคนได้รวดเร็วเช่นกับคนตรงหน้านี้
“เปล่าค่ะ แต่เพราะคุณคงจะเป็นพวกที่ชอบใช้เป็นแต่เงิน ไม่ใช้สมอง ดิฉันกลัวจะเปลืองเวลาเปลืองตัวไปเสียเปล่าๆ”
คำตอบที่ได้ทำเอาคาร์ลพูดไม่ออกไปนานหลายนาที หล่อนเป็นใครถึงได้กล้าว่าเขาได้ถึงเพียงนี้ และเชื่อเถอะว่าเขาจะสั่งสอนแต่หัวขโมยปากดีคนนี้ให้ถึงแก่ใจเลยทีเดียวเชียว
“งั้นมาพิสูจน์กันสักหน่อยไหมว่าผมจะทำให้คุณที่ชอบใช้เงินจะทำให้คุณเสียวซ่านได้มากกว่าไอ้พวกที่ชอบใช้สมองนั่นรึเปล่า”
“คุณจะทำอะไร อื้อ!” คำตอบของเขาเด่นชัดกว่าคำพูดใดๆ ทั้งสิ้นเมื่อริมฝีปากหนาฉกเข้าครอบงำกลีบกุหลาบที่หวานล้ำ วินาทีแรกคาร์ลเพียงแค่จะสั่งสอนแม่สาวปากดีตรงหน้าให้เข็ดหราบเท่านั้น แต่เมื่อได้ลิ้มลอง ความหอมหวานในโพรงปากของหล่อนกลับกลายมาเป็นยาเสน่ห์ชั้นเยี่ยมให้กับเขาเสียเอง
ชญาวีร์หัวหมุนตาพร่ามัวไปหมดเมื่อจู่ๆ ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอบังเอิญพบกลับกำลังทำเรื่องบัดสีกับเธอและไม่มีทีท่าว่าจะยอมจะหยุดการกระทำที่ป่าเถื่อนของตนเองได้ง่ายๆ มือเล็กพยายามระดุมทุบแผงอกก็แล้ว ส่งเสียงร้องอู้อี้ก็แล้ว แต่ยิ่งเธอส่งเสียงมันก็ยิ่งเหมือนกับว่ากำลังเปิดปากให้เขาได้ลุกล้ำเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
ลิ้นสากชอนไชไปทั่วโพรงปากที่หวานล้ำอย่างช้ำชองจนร่างเล็กอ่อนระทวยลงตรงหน้า คาร์ลส่งเสียงร้องชอบใจในลำคอเมื่อเห็นว่าหล่อนเริ่มจะตอบสนองรสสัมผัสของเขาแล้ว การต่อต้านที่เคยมีในตอนนี้กลับหายไปจนหมดสิ้น
ผู้หญิงก็เหมือนกันทั้งโลก