CHAPTER 2
BEST TALK
“รับอะไรดีคะ” เสียงของฉันดังขึ้นเป็นระยะ จากการที่ถามคนตรงหน้า เขาเสียบหูฟังอุดรูหูไว้ ก็ไม่แปลกที่จะไม่ได้ยินเสียงของฉัน
หากว่าไม่ต้องรีบร้อนไปเรียน คงจะยืนถามอยู่แบบนั้น แต่ตอนนี้ฉันกำลังจะสายแล้ว จึงตัดสินใจทำตัวเสียมารยาทด้วยการเดินหนีลูกค้า หันไปคว้ากระเป๋านักเรียนมาถือไว้
“เอาข้าวราดพะแนงหมูครับ”
ให้ตายสิ ยังไม่ทันได้เดินไปไหน เขาก็เอ่ยปากบอกตามความต้องการ
ฉันจำใจตักข้าวใส่จาน และราดด้วยพะแนงหมูตามที่ลูกค้าได้สั่ง คิดว่าจะจบลงเพียงเท่านั้น แต่เปล่าเลยเขากลับเรียกไว้อีก
“เอาไข่ดาวด้วยครับ อุ๊ย ไม่ใช่ไข่ดาวสิ” เขามองที่บริเวณหน้าอกแล้วเปลี่ยนคำพูดทันที
“ไม่ขาย!” ตัดบทจบไปด้วยการเทข้าวทิ้งลงถังขยะ แค่จานเดียวป้าฉันคงไม่ขาดทุน
ไอ้บ้านี่มากวนประสาทฉันแทบทุกวัน หนักสุดคือเมื่อวันก่อน เขามากับพรรคพวกเพื่อนฝูงเขา แล้วดันมามีเรื่องกับพวกพี่ชายของฉัน
อันที่จริงพวกเขาไม่ผิดอะไรหรอก เขามานั่งกินข้าวเฉย ๆ คนที่ผิดคือพวกพี่โบ๊ท พี่ชายต่างพ่อของฉันต่างหาก
ทะเลาะกัน ตีกันเป็นพวกไร้สมอง ดีแต่ใช้กำลัง ข้าวของนี่เละเทะเสียหายไปหมด ยังดีนะที่เย็นวันนั้นเขามาช่วยซ่อมของ และซื้อบางชิ้นเข้ามาทดแทนให้ใหม่
ส่วนพี่ชายฉันน่ะเหรอ?
ฮึ! ไม่เห็นหัวเลยจ้า
แต่ฉันจะโกรธจะเคืองพี่ชายตัวเองก็ไม่ได้หรอกนะ รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์นั้น โกรธเคืองไปนอกจากพี่โบ๊ทจะไม่ง้อแล้ว อาจจะชอบใจเสียด้วยซ้ำ
“หิวข้าวอะครับ ไม่ขายเหรอ” ลูกค้าจอมกวนตรงหน้าถามขึ้นมา
“ไม่ขาย!” กระแทกเสียงตอบกลับไป แล้วเดินหนีออกมาโดยที่ไม่เหลียวหลังหันไปมองอีก
ขืนสนใจมากคงไม่ต้องได้ไปเรียน...
ปริ้น ปริ้น
รู้เลยว่าเสียงจากรถใคร ตามหลอกหลอนไม่เลิก คนยิ่งอยากจะรีบไปเรียน แต่มารก็ดันพจญ
“ให้พี่ไปส่งไหมน้อง”
กลอกตาไปมาด้วยความรำคาญ ถ้าฉันมีเงินมากพอ ฉันจะจ้างเขา จ้างให้ไม่มายุ่งกับฉัน
“ขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวสาย” เขายังคงพูดต่อ
สองขาของฉันหยุดก้าวเดิน หันไปมองหน้าคนขับรถคันนี้ คันที่ขับตามอยู่ได้
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” ตอบกลับไปน้ำเสียงราบเรียบ ถ้าเป็นคนทั่วไปที่ปกติ คงจะเข้าใจได้ว่าฉันรำคาญมากน้อยแค่ไหน
แต่นี่ไม่ปกติไง เหมือนสมองไม่มีกระบวนการกลั่นกรอง ยังคงลอยหน้าลอยตายิ้มอยู่ได้
“ขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวพี่ไปส่ง” แถมยังทำมึน จะไปส่งให้ได้
“เร็วสิครับน้องเบสท์ เดี๋ยวน้องสายนะ” เขาพูดต่อ แต่เดี๋ยวนะ...
“นายรู้จักขื่อฉัน?”
“ก็ได้ยินป้าเรียกไง เลิกทำหน้างงแล้วขึ้นรถมา”
ฮึ่ย! จำใจเปิดประตูด้านหลังแล้วขึ้นนั่ง ที่ต้องยอมไปก็เพราะว่า... ถ้าฉันไม่ไปด้วย เขาก็จะขับตามเรื่อย ๆ แบบนี้ไปจนถึงโรงเรียนแน่ ๆ
เขาไม่มีทางยอมง่าย ๆ หรอก
“มานั่งหน้าดิ พี่ไม่อยากนั่งมองหวอน้องไปตลอดทางนะ” เขามองผ่านกระจกแล้วพูดขึ้นมา
ฉันเบิกตาโตตกใจกับคำพูดของเขา ฉันมั่นใจแหละว่าฉันนั่งเรียบร้อย แต่โดนเขาพูดแบบนี้ก็ยิ่งต้องเซฟตัวเองด้วยการหนีบขาเข้าหากันทันที
“ขับไปเลย ไอ้บ้า!”
“ฮ่า ๆ ๆ” เขาหัวเราะร่วนแล้วขับออกไป
ฉันนั่งมองออกไปด้านนอก ไม่ได้สนใจว่าคนขับจะมองกระจกไหม หรือจะเอี้ยวตัวหันมามองฉันไหม
หากสนใจเขามาก ๆ ฉันต้องเป็นบ้าแน่ ๆ
“พี่ชื่ออิฐนะ” เขาเอ่ยขึ้นมา เมื่อรถจอดที่หน้าโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่
ปีนี้ฉันก็อยู่ม.6 แล้วแหละ เรียนอีกปีเดียวก็จะได้เข้ามหาวิทยาลัยบ้างแล้ว ใจจริงก็อยากเข้าที่เควินทร์คินชิปส์นะ เพราะเป็นมหา’ลัยเครือเดียวกับโรงเรียนที่ฉันเรียนอยู่
แต่... ถ้าไปเรียนกับพี่ชายก็คงดี อยากให้เขาสนใจฉันเหมือนเป็นน้องสาวสักที หากได้เข้าไปใกล้กันก็น่าจะดีกว่านี้
ตอนนี้ความสัมพันธ์พี่น้องของเราดูสั่นคลอนจนเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เขาไปอยู่คอนโดตั้งแต่เรียนจบม.6 ฉันอยู่บ้านกับพ่อแม่ แต่พอรู้ว่าป้ามาเปิดร้านข้าวที่นี่ ฉันเลยย้ายมาอยู่ด้วย
จะได้ใกล้โรงเรียน และจะได้เลิกรู้สึกแย่ที่พี่โบ๊ทไม่อยู่บ้านเพราะฉัน
“ไม่ได้อยากรู้” ฉันตอบกลับไปแล้วก้าวขาลงจากรถโดยที่ไม่ขอบคุณ
ไม่ได้อยากให้มาส่งสักนิด ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องไปขอบคุณเขา
“เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ เลิกเรียนสี่โมงเย็นใช่ไหม”
ฉันไม่หันไปตอบเขา เพราะเขาก็รู้อยู่แล้วแหละว่าเลิกกี่โมง ที่นี่ก็เลิกเรียนเวลาเดียวกันทุกชั้นปีอยู่แล้ว อ้อ ไม่สิ ม.ต้น เลิกเรียนเร็วกว่าครึ่งชั่วโมง เพื่อไม่ให้ชนกันมาก ม.ปลาย อย่างฉันก็เลิกช้าหน่อย
ฉันรีบวิ่งกระหืดกระหอบ เมื่อได้ยินเสียงออดดัง สัญญาณเข้าแถวหน้าเสาธง
“มาช้าจังอะวันนี้” พิณ หรือสายพิณ เพื่อนสนิทของฉันเอ่ยทักขึ้นมา เธอเปิดกระเป๋าหยิบสมุดเล่มบางออกมา โบกพัดตรงหน้าฉันเพื่อเพิ่มความเย็นให้ฉันรู้สึกดีขึ้น
“ลูกค้าแม่งกวนตีน กว่าจะสั่งได้” ฉันตอบกลับไป
“ฮ่า ๆ ก็โดนลูกค้ากวนทุกวันอะ” เมย์หัวเราะร่วน
“ก็ไอ้บ้านั่นอะแหละ มาทุกวัน กวนตีนทุกวัน” ฉันตอบกลับไปแบบเซ็ง ๆ ถ้ามาทุกวันแบบนี้ เห็นทีต้องย้ายบ้านหนีอีกรอบ
เข้าแถวเสร็จก็แยกย้ายกันขึ้นห้องเรียน และเวลาที่ฉันไม่อยากให้มาถึง... ก็ต้องมาถึง นั่นคือเวลาเลิกเรียน