"นั่นคือ..."
องค์ชายอี้ซินมองสิ่งของที่อยู่ในมือเสวียนสวี่อย่างอยากรู้
"กำไลหยก ของกำนัลที่กระหม่อมมอบให้..."
"ท่านพ่อ!"
ถ้อยคำของเสวียนสวี่ถูกขัดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าของสตรีในชุดสีขาว ใบหน้านางซีดเผือด เนื้อตัวมีแต่กลิ่นสมุนไพร
"เซียนเอ๋อร์!"
"คุณหนู!"
อาถังรีบปรี่เข้าไปรับร่างของคุณหนูนางทว่าช้ากว่าบุรุษรูปงามที่ตามนางมาติด ๆ
"เจ้าช่างดื้อด้านนัก ข้าเผลอออกมาหยิบยาแค่เวลาจิบชาก็แอบออกมาถึงที่นี่แล้ว"
องค์ชายอี้ซินกล่าวโทษสตรีที่กำลังประคองอยู่
"เซียนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าดูรีบร้อนมาเช่นนี้"
เสวียนสวี่ตรงเข้ามาหาบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง
"ท่านพ่อ เรื่องที่อาถังเล่าไม่เป็นความจริงเจ้าค่ะ กำไลหยกนั่น ฮูหยินรองมอบให้ข้าเอง"
ซูเหยากล่าวด้วยใบหน้าซีดเผือด น้ำเสียงนางอ่อนแรงราวคนจะขาดหายใจ
"เจ้ายังจะแก้ตัวเพื่อช่วยคนที่ทำร้ายเจ้าอีกหรือ"
เสวียนสวี่ดุบุตรสาวเล็กน้อย
ตัวเขาย่อมรู้ดีกว่าใคร กำไลหยกชิ้นนี้เจินซู่หวงนักหวงหนา ไม่มีทางยกมันให้กับผู้ใดง่าย ๆ อย่างที่บุตรสาวกล่าว
"ข้า... ข้าเพียงแค่..."
'เพียงแค่แสร้งแสดงละครให้ดูเป็นบุตรสาวผู้มีจิตใจอ่อนโยน ใจบุญ ไม่ผูกจิตแค้นเท่านั้น'
"องค์ชายเกา ข้าขอฝากเซียนเอ๋อร์ไว้กับท่านแล้ว"
เสวียนสวี่แทบไม่กล้าสู้หน้าบุตรสาว เขามองหน้านางทีไรเห็นแต่ใบหน้าของเหวินเหม่ยเซียวยามโกรธแค้นเขาไม่ดูแลบุตรสาวผู้นี้ให้ดี ๆ จึงทำได้เพียงปล่อยให้นางได้อยู่ภายใต้การดูแลของอี้เฟยแทน
"ข้าจะดูแลนางให้ดี"
อี้เฟยมิได้สนใจสังเกตสิ่งรอบข้างภายในกระโจมนี้จึงไม่เห็นสายตาขององค์ชายอี้ซินที่มองมายังพวกเขา
สายตาที่แสดงความรู้สึกหลากหลายผ่านม่านดวงตาคู่นั้น
'ดีใจ' เวลาเห็นหน้าพี่ชายร่วมสายเลือดอีกครั้งในระยะใกล้ถึงเพียงนี้
'สมเพช' ยามที่นึกถึงเรื่องราวในอดีตของอี้เฟยที่ควรจะสุขสบายในวังเช่นองค์ชายองค์อื่น ๆ แต่ต้องมาทนลำบากเยี่ยงทาสที่ชายแดนตั้งแต่เกิด
"นั่นใช่เสด็จพี่อี้เฟยหรือไม่"
หลังจากเรียกสติได้แล้ว อี้ซินก็กลับมาปั้นหน้าเป็นองค์ชายผู้อ่อนโยนอีกครั้ง
สองเท้ารีบก้าวลงมาจากตั่งนั่งตรงปรี่เข้ามายังบุรุษผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายตน
"ข้าเอง องค์ชายห้าอี้ซินน้องชายของพระองค์"
เป็นการแนะนำตัวที่แฝงไปด้วยการแบ่งชนชั้นที่เป็นอยู่ตอนนี้
อย่างที่เคยกล่าว แม้อี้เฟยจะได้ยศศักดิ์องค์ชายกลับมาได้หลายปีแล้ว แต่ในสายตาองค์ชายและข้าราชบริวาลคนอื่น ๆ ไม่เคยคิดว่าเขาเป็นองค์ชายสักนิดเดียว
ซึ่งไม่ต่างจากองค์ชายห้าอี้ซินที่มองว่าพี่ชายอย่างอี้เฟยนั้นต่ำต้อยกว่าเขาเยี่ยงนัก
"ถวายบังคมองค์ชายอี้ซิน"
อี้เฟยเห็นสายตาที่น้องชายต่างมารดามองมาก็ดูออกในทันทีว่าเขาไม่ได้เคารพตนอย่างที่แสดงออกอยู่
"เสด็จพี่ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีศักดิ์เป็นน้อง อย่างทรงเรียกหม่อมฉันเช่นนั้นอีกนะ"
คำเสนาะหูของอี้ซินไม่ต่างจากยาพิษที่ไร้สีไร้กลิ่น
"อึก!"
"คุณหนู!"
"เซียนเอ๋อร์! เจ้าเป็นอันใดอีก"
เสวียนสวี่ได้ยินเสียงสาวใช้เรียกบุตรสาวอย่างตกใจจึงหันไปมอง ร่างเล็กจู่ ๆ ก็ล้มลงนั่งกับพื้นพร้อมมือที่กำแน่นตรงอก
ร่างกายนางสั่นเทาราวกระต่ายน้อยกำลังหวาดกลัวคมเล็บของราชสีห์ที่จ้องจะจับกิน
"อ...อาถัง พาข้ากลับที่พักที"
ตอนนี้เฟิงซูเหยามอได้สนใจเสียงถามไถ่ของผู้ใดสักคน นางเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาของบุรุษแปลกหน้าที่เพิ่งพบเจอครั้งนี้ครั้งแรก เหตุที่ต้องหลบหน้าเพราะยิ่งนางมอง หัวใจนางนิ่งเจ็บปสดเหมือนถูกปลายคมแหลมของมีดค่อย ๆ ทิ่มแทงเข้ามาช้า ๆ
"โรคหัวใจคุณหนูกำเริบหรือเจ้าคะ"
อาถังลนลานทั้งประหม่า ท่านหมอเดินทางกลับไปตั้งนานแล้ว หากคุณหนูนางอาการเก่ากำเริบเกรงว่าจะอันตรายเยี่ยงนัก
"เซียนเอ๋อร์ เจ้าไหวหรือไม่ มองหน้าพ่อก่อน"
เสวียนสวี่ได้ยินที่สาวใช้คาดเดายิ่งวิตกตาม
"ท่านพ่อ... ข้ามิเป็นไรเจ้าค่ะ แค่อึดอัด ขอออกไปสูดอากาศด้านนอกน่าจะหาย"
ใบหน้านางเริ่มเหยเก เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มกรอบหน้าสวย มีครั้งหนึ่งซูเหยาแอบชำเรืองมองอี้ซินครู่หนึ่งเงียบ ๆ ทว่าสิ่งนั้นกลับหลบไม่พ้นสาวตาแหลมคมของอี้เฟยที่จับจ้องนางอยู่ตลอดเวลา
"เจ้ารีบพาคุณหนูกลับไปพัก ข้าจะให้คนไปตามท่านหมอกลับมาเผื่อจำเป็น"
"เจ้าค่ะ อาถังทูลลา"
เมื่อร่ำลาผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายเสร็จ สาวใช้ผู้นั้นจึงรีบพยุงซูเหยาออกมาทันที
"เสด็จพี่จะรีบไปไหนกัน"
"ข้ามีธุระ ขอตัวสักประเดี๋ยว ศิษย์พี่ รบกวนท่านดูแลองค์ชายอี้ซินแทนข้าด้วย"
สามหาว อวดดี แต่ก็น่าสงสารเพราะชีวิตที่ลำบากแต่เด็กเลยอับอายที่จะอยู่สู้หน้าเขากระมัง
"รีบไปดูแลคู่หมั้นเจ้าเถิด เรื่องทางนี้ข้าจัดการเอง"
ไป๋เจิ้นหยางตั้งใจพูดให้แขกคนสำคัญที่มาวันนี้รับรู้ถึงสถานะของอี้เฟยกับสตรีที่องค์ชายอี้ซินมองอย่างไม่ละสายตาได้ยิน
คู่หมั้น...นางผู้นั้นคือคู่หมั้นของเขางั้นรึ
อา...การมาเยือนค่ายทหารครั้งนี้ชักมีเรื่องสนุกชวนให้อยากอยู่ต่อนาน ๆ แล้วสิ
"คุณหนูนอนพักก่อนนะเจ้าคะ"
อาถังพยุงซูเหยากลับมาที่พักของนางพร้อมกับอี้เฟยที่คอยตามติดนางไม่ห่าง
"เจ้าแน่ใจว่าไม่ต้องการหมอ"
อี้เฟยถามอย่างเป็นห่วง สายตาเขาคอยจับจ้องนางตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่านางจะไม่เป็นอันตราย
"ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว น่าจะเพราะฝืนร่างกายอย่างที่ท่านว่า"
คำตอบของซูเหยาทำให้อี้เฟยพยักหน้าเห็นด้วย
"เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนต่อเถิด ข้าจะคอยเฝ้าเจ้าเอง"
"พระองค์มิทรงกลับไปหาองค์ชายห้าหรือเพคะ"
เกือบลืมไปเลยวันนี้น้องชายที่ไม่เคยเจอหน้าหรือพูดคุยส่วนตัวมาตั้งยี่สิบปีเดินทางมาหาเขาทั้งทีเขาจะเสียมารยาทก็เกรงจะเป็นการหยามเกียรติอีกฝ่าย
"เจิ้นหยางจัดการแทนข้าได้"
ก่อนจะออกมาอี้เฟยสั่งไป๋เจิ้นหยางไว้แล้ว คนฉลาดเช่นเขาย่อมมีวิธียื้อเวลาอี้ซินได้แน่
"หม่อมฉันไม่อยากเป็นตัวการให้พระองค์ทรงถูกผู้อื่นตำหนิ กลับไปพบองค์ชายห้าเถอะเพคะ"
น้ำเสียงและสีหน้าที่ซูเหยาแสดงออกทำให้อี้เซินรู้สึกถึงความห่วงใยของนางอย่างล้นเปี่ยม
"เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมาดูแลเจ้า"
ซูเหยาทำเพียงยกยิ้มแทนการถกด้วยถ้อยคำ อี้ซินค่อย ๆ ห่มผ้าให้นาง นั่งมองดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้นค่อย ๆ หลับลงจึงเดินออกมา
"เฝ้านางไว้อย่าได้ห่างแม้ก้าวเดียว"