PSYCHO ROMANCE+ :: INTRO [40%]
-PUEN TALK-
“ไอ้ปืน นั่งสูบบุหรี่อยู่นี่เองนะมึง ตกลงไม่เข้าเรียนว่างั้น?”
“อือ”
“ตกลงเจ๊ยิ้มไปไหนอะ? หรือไปเป็นแฟนกับไอ้หน้าหล่อนั่นแล้ว”
“ถ้ามึงยังอยากเป็นเพื่อนกับกูอยู่ มึงช่วยหุบปากและเลิกพูดชื่อของคนที่กูไม่อยากนึกถึงสักที!” ผมตวัดสายตามองไอ้นัทเพื่อนร่วมห้อง และเพื่อนสนิทที่นั่งกินเหล้าอยู่ มันทำหน้าเหวอไปทันทีที่ผมจับจ้องมันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหและโกรธ ปกติผมจะนิ่งอยู่แล้วไง แต่พอมันจุดประกายในสิ่งที่ผมไม่ชอบและไม่อยากได้ยินก็จะเป็นแบบนี้ล่ะนะ
ผมชื่อ ‘ปืน’ อายุสิบแปดปีเรียนอยู่ชั้นม. 6 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเข้าเรียนแล้วแต่ผมกับพวกกลับมานั่งกินเหล้าดูดบุหรี่อยู่ที่หลังโรงเรียนที่เป็นแหล่งกบดานมั่วสุมสิ่งอบายมุขต่างๆ ถึงผมจะเกเรและเลวแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่พวกผมไม่ยุ่งเลยคือสิ่งที่ผิดกฎหมายทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นเหล้ากับบุหรี่อันนี้มันเป็นสิ่งที่คู่ควรกับพวกผมมานาน ผมถอนหายใจออกมาและปลดเนกไทของชุดนักเรียนออกจากคอเกือบถึงอก ฝ่ามือทั้งห้าเสยผมรองทรงสูงสีดำน้ำตาลขึ้นไปอย่างหงุดหงิด
“แล้วเจ๊กันก็หนีมึงไปอยู่เกาหลี?”
“ช่างแม่งเหอะ กูไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อยู่คนเดียวดีกว่า...”
“มึงคิดถึงเจ๊ยิ้มอยู่ใช่ไหม?”
“ไอ้นัท อยากเจอหมัดหรืออยากเจอตีน!”
“โธ่ ก็พวกกูคิดถึงเจ๊ยิ้มนี่หว่า มึงเปลี่ยนไปเพราะเจ๊ แต่พอเจ๊ไม่อยู่มึงก็กลับมาเลวจัญไรเหมือนเดิมเนี่ย” คำพูดของเพื่อนทำให้ผมฉุกขึ้นมา มันก็จริงนะ ที่ผมอยากเปลี่ยนตัวเองมันก็เป็นเพราะว่ายิ้มคอยให้กำลังใจและอยู่เคียงข้างผมมาตลอด แต่พอผมได้รู้เรื่องราวบางอย่างที่เธอกับพี่สาวของผมทำ มันก็เลยทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเปลี่ยนก็เริ่มถอยลงๆ จนกระทั่งผมมายืนที่จุดเดิมอีกครั้ง
“ถ้าพวกมึงยังไม่จบเรื่องนี้ กูกลับบ้านก่อนแล้วกัน”
“อ้าวเฮ้ย เดี๋ยวดิ!” ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้มาสะพายข้าง ก่อนจะเดินออกจากประตูหลังโรงเรียนที่เป็นแหล่งกบดานของผม มือซ้ายของผมล้วงกระเป๋ากางเกงส่วนอีกข้างก็คีบบุหรี่สูบอย่างนิ่งๆ เงยหน้ามองท้องฟ้า พลันให้คิดถึงวันที่เจอกับยิ้มและไอ้เวรนั่น... แต่ก็ช่างเหอะ ผมไม่คิดจะจำหรอก ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าจะลืมทุกคนให้หมด ลืมให้หมด จนเหลือแค่ผมคนเดียวที่อยู่บนโลกใบนี้
สองเท้าของผมเดินตรงมายังสถานที่ที่เรียกว่าย่านการค้าชื่อดัง รอบกายของผมถูกสายตาของหญิงสาวจับจ้องไม่วางตา ผมรู้ดีว่าผมไม่ใช่คนที่ดูดีอะไร แต่ทว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายเลวๆ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ถึงผมจะเลวแค่ไหน ผมก็มีสติและคิดจะช่วยเหลือสังคมอย่างที่ผมกำลังจะทำอยู่ตอนนี้
“ยายจะยกของไปไหน?”
“เออ อูยปวดหลัง... ยายจะยกไปที่ร้านหัวมุมนี่แหละพ่อหนุ่ม”
“เหรอ งั้นผมยกให้แล้วกัน ยายเดินนำไป” ผมก้มลงยกลังของทั้งหมดสามใบก่อนจะมองยายที่ยิ้มให้กับผมและเดินนำผมไปที่หัวมุมร้านค้าขายของชำเก่าแก่
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม เดี๋ยวๆ เอานี่ไปกินก่อน”
“ไม่เป็นไร ผมจะกลับแล้ว”
“ไม่ได้ๆ ยายอยากให้ รับไว้นะ” ร่างของยายคนนั้นเดินหายไปในร้านและออกมาพร้อมกับถุงใส่น้ำสีเหลืองๆ เป็นการผูกถุงแบบสมัยก่อนที่ใช้ยางมัด ผมยกมือไหว้และรับมันมาดื่ม
“น้ำเก๊กฮวย ยายทำกับมือ ถ้าว่างๆ ก็มานั่งเล่นที่ร้านยายได้นะ” รสชาติของน้ำในมือมันเหมือนกับรสชาติของฝีมือแม่ผมเลย นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้กลับไปเหยียบที่บ้านหลังจากที่พ่อออกปากไล่ผมและด่ากราดว่าผมเป็นลูกที่เลว ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่ในเมื่อทุกคนอยากให้ผมเป็นแบบนั้น ผมก็เลยเลือกที่จะหันหลังให้กับครอบครัวและออกมาอยู่ข้างนอกกับกัน แต่ถึงอย่างนั้นเงินเดือนทุกเดือนก็เข้าบัญชีผมไม่ขาด จิตใจของผมแข็งแค่ไหนก็คิดดูว่าผมไม่เคยกลับไปที่บ้านเลยแม้แต่วันที่เจอกับพ่อและแม่อีกครั้ง ผมเดินไปตามย่านการค้าอีกครั้ง แต่ทว่ากลับเห็นว่ามีอะไรบางอย่างกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาผมที่ยืนอยู่บนถนนคนเดียว เพราะคนรอบๆ ข้างกลับแหวกทางและหลบหนีสิ่งที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
“เฮ้ยหลบไปไอ้เด็กเวร!”
“ช่วยด้วยค่ะ ไอ้บ้านั่นมันกระชากกระเป๋าฉัน!” น้ำเสียงเล็กแหลมดังขึ้นมาและด้านหลังของผู้ชายร่างสูงที่วิ่งตรงเข้ามาหาผมหรือผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเจ้าของกระเป๋า ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นเพื่อรอให้คนร้ายวิ่งตรงมาใกล้ก่อนจะ...
ผลัวะ!
“อ๊ากกกก... หน้ากู!” หมัดของผมกระแทกเข้าที่เบ้าหน้าจนมันล้มลงกับพื้น แต่ทว่าฤทธิ์มันยังไม่หมด ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นและซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าของผมจนถุงน้ำหลุดออกจากมือ ผมยกมือเช็ดเลือดที่มุมปากออกไปและมองถุงน้ำเก๊กฮวยที่ถูกดูดไปแค่ไม่กี่ทีเป็นอันต้องตกลงสู่พื้น
“มึงทำน้ำกูหก มึงรู้ไหมว่ายายให้กูมากินฟรีๆ”
“เหอะ แล้วมึงเสือกอะไรด้วยไอ้เด็กเวร ถอยไปถ้าไม่อยากเจอตีนกู!” ผมยกยิ้มก่อนจะตรงไปกระชากหนังหัวมันและชกหน้ามันอย่างแรงจนคนแถวนั้นร้องด้วยความหวาดกลัว มันยังสามารถเอี้ยวตัวมาชกหน้าผมอีกครั้งด้วยนะ เหอะ
ตุ้บ!
“ตำรวจมา! ตำรวจมา!” เสียงรอบคอบบ่งบอกให้รู้ว่าพ่อของคนร้ายได้มาเยือนแล้ว มันผลักผมจนล้มลงไปและวิ่งหนีแหวกฝูงชน ส่วนผมก็เช็ดเลือดที่มุมปากที่ไหลอาบก่อนจะมองข้อมือตัวเองที่ถูกใส่กุญแจมือจากพ่อสองคนที่สวมชุดสีกากีอยู่
“จับผมเรื่องอะไร?”
“โจรขโมยกระเป๋า หลักฐานคามือเลยนะ เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอาจเป็นขโมยลุกขึ้นเลย!” ผมดุนดันลิ้นในปากและตวัดสายตามองคนที่ยืนมองผมก่อนจะพากันเดินหนีไป เหอะ ไม่มีใครเป็นพยานให้เลยหรือไง? ทำดีแล้วได้ดีไหมวะเนี่ยไอ้ปืน! ผมลุกขึ้นและถูกใส่กุญแจมือไว้ด้านหลังก่อนที่จะมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่วิ่งหอบหายใจมาหยุดตรงหน้าผมโดยที่ผมไม่เห็นใบหน้าของเธอ
“กระเป๋าของคุณครับ เราจับคนร้ายได้แล้ว”
“แฮ่กๆ ไหนคะ ไอ้บ้านั่นมัน...!”
ใบหน้าสวยเก๋ตามแบบฉบับผู้หญิงเกาหลีแต่ดูยังไงเธอคนนี้ก็สวยธรรมชาติ ผมสีดำน้ำตาลยาวเป็นลอนถูกมัดขึ้นไปเป็นหางม้า เธอสวมกางเกงขาสั้นผ้าเนื้อดีสีขาวกับเสื้อกล้าสีชมพูเผยให้เห็นผิวที่ขาวอมชมพู ริมฝีปากแดงนูน ดวงตาคมโตมองสบตากับผมอย่างมึนงง
“ไม่ใช่คนนี้นะ”
“เอ๋? แต่ว่าหลักฐานอยู่คามือของเด็กคนนี้นะครับ”
“ไม่ใช่ คนที่กระชากกระเป๋าฉัน ไม่ได้หน้าตาหล่อลากขนาดนี้นะ” ผมมองเธออย่างใช้ความคิดราวกับว่าเคยเจอกับเธอที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก ไม่ต่างจากเธอที่จับจ้องมองผมราวกับใช้ความคิดเช่นกัน เธอเดินตรงมาหาผม และถึงแม้จะสวมรองเท้าส้นสูงแค่ไหนเธอก็สูงแค่ระดับคางผมแค่นั้น ความจริงผมสูง 185 ซม. เป็นความสูงที่ใครๆ ก็อิจฉา เพื่อนผมบอกเสมอว่าอยากสูงให้ได้เท่าผม และต้องหน้าตาแบบผมด้วยถึงจะมีสาวๆ กรี๊ด แต่ผมสนใจที่ไหนล่ะ
“นาย... หน้าคุ้นมาก”
“จะจับผมอีกนานไหมครับคุณตำรวจ”
“เออ ว่าไงครับคุณผู้หญิงตกลงใช่คนที่กระชากกระเป๋าคุณหรือเปล่า?”
“ก็บอกแล้วไงคะว่าไม่ใช่ คนร้ายคนนั้นไม่หล่อลากขนาดนี้หรอก...”
“งั้นเหรอครับ แสดงว่านายต่อสู้กับคนร้ายแล้วมันหนีไปได้งั้นเหรอ?”
“ครับ” และผมก็ถูกปล่อยตัวก่อนที่ตำรวจจะออกไปตามหาคนร้ายตัวจริงต่อไป ผมยกมือลูบข้อมือตัวเองที่ถูกกุญแจมือบีบรัดแน่นไปหน่อย ก่อนจะก้มลงเก็บกระเป๋าตัวเองและกระเป๋าของเธอคนนี้คืนให้
“ทีหลังก็ระวังด้วยนะ แถวนี้โจรมันเยอะ”
“...”
“มองหน้าฉันทำไม? หน้าฉันเหมือนญาติฝ่ายไหนของเธองั้นเหรอ”
“นี่เด็กบ้า! ก็แค่นายหน้าตาคุ้นๆ มากเลยอะ เราเคยเจอกันมาก่อนไหม?”
“เคย... ตอนนี้ไง” ผมปัดฝุ่นที่อยู่บนร่างกายตัวเองให้ออกไป ก่อนจะเดินสวนเธอคนนี้ที่ยังคงยืนมึนงงอยู่ ซวยจริงๆ เลยนะ น้ำเก๊กฮวยของยายคนนั้นอร่อยด้วยสิ ดูดไปไม่กี่ทีเอง จะกลับไปขอกินฟรีอีกก็ยังไงอยู่นะ โหย กลับบ้านไปนอนเล่นเกมดีกว่า
“ปืน!”
“หือ? เธอ... ว่าอะไรนะ” ร่างของผมหันไปตามเสียงเรียก ก็พบว่าหญิงสาวรุ่นพี่ ใช่เธอแก่กว่าผมแน่แต่ทว่าเธอดูเด็กมากหรืออาจจะเพราะเธอเป็นคนตัวเล็กก็เลยทำให้ดูเด็ก แต่ที่แน่ๆ เธอแก่กว่าผมไง ร่างสวยกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาหาผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส
“นายชื่อปืนใช่ไหม? จำฉันไม่ได้เหรอ ที่เราเคยเจอกันตอนไปกินจิ้มจุ่มอะ กับยิ้มไง”
“จำไม่ได้” ผมปฏิเสธไปทันทีและนึกภาพตาม ก็จำได้ลางๆ ว่าเธอคนนี้มากับไอ้ไพเรท แถมยังเป็นเพื่อนกัน และใช่เราเจอกันครั้งนั้นและเจอกันอีกครั้งตอนที่ผมเจอกับยิ้ม ผมเบ้ปากและหันหลังหนีเพราะไม่อยากจะเสวนากับคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้า แต่เป็นเพราะว่าเธอเป็นเพื่อนกับไอ้ไพเรทไง ผมเลยไม่ชอบ!
“เดี๋ยวสิ จำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอปืน... บัวไง ฉันชื่อบัว”
“ใครถามไม่ทราบ?”
“แต่ปืนช่วยฉันไว้นะ อย่างน้อยให้ฉันตอบแทน”
“ไม่ต้อง” บัวเหรอ? ชื่อของดอกไม้ที่อยู่ในบึง ออกดอกบานสะพรั่งทุกฤดู แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผมสะบัดหน้าตัวเองและเดินหนีร่างสวยที่ยังคงตามผมอยู่แบบนั้น
หมับ
“เดี๋ยวสิ อย่างน้อยให้ฉันพานายไปโรงพยาบาลทำแผลหน่อยดีกว่านะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง เลิกวุ่นวายสักที!”
“เฮ้ยนั่นมันไอ้ปืนหรือเปล่าวะ?” ผมมองเลยหลังของบัวที่คว้าข้อมือของผมไว้ แต่ทว่ากลุ่มชายต่างโรงเรียนเกือบสิบคนจ้องมองผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อันที่จริงมันคืออริต่างโรงเรียนที่ผมเคยไปมีเรื่องมานี่หว่า เอาไงดีล่ะ ความจริงผมตัวคนเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ แต่ดันมียัยบ้านี่ตามมาอีก อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ!
“วิ่ง”
“เอ๋? ให้ฉันทำอะไรนะ”
“วิ่งสิวะ!”
“เฮ้ย แม่งตามไป!” ฝ่ามือของผมคว้ามือที่นุ่มนิ่มของบัวและพาเธอวิ่งไปด้วยกัน อันที่จริงผมจะไม่สนเธอก็ได้นะ แต่เธอก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ แต่ถ้าหากว่าเธอถูกไอ้พวกนั้นเข้าใจผิดล่ะ? โอ๊ย! ปวดหัวเว้ย ผมไม่ได้หันกลับไปมองเธอด้วยซ้ำว่าจะวิ่งตามผมทันหรือเปล่าแต่ทว่าผมกลับวิ่งๆ วิ่ง อย่างเดียว โดยไม่คิดชีวิต เพราะถ้าเกิดมากันเป็นพวก ผมคงไม่ต้องหนีแบบนี้หรอก
“แฮ่กๆ ปะ ปืน ฉันไม่ไหวแล้วเจ็บเท้า”
“โธ่เว้ย!” ผมหันกลับไปมองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยเหงื่อมากมายและฝ่าเท้าของเธอที่แดงเพราะสวมส้นสูงวิ่ง ก่อนจะพาเธอหนีไปกระทั่งมาถึงทางตัน
“ทะ ทำไงดี ทางตัน”
“แม่งเอ่ย... มานี่!”