"คุณชายมีดวงตาปวดร้าวอยู่เสมอ นับตั้งแต่ทราบความในยามนั้น ทั้งที่คุณชายนั้นเป็นคนที่มิเคยแสดงความรู้สึกอันใดในใบหน้า มิว่า ลมจะหนาว หิมะจะพัดกระหน่ำ คุณชายก็มิเคยเอื้อนเอ่ยอันใด "
"แต่ทว่า ยามพบว่าท่านอยู่กับคนผู้นั้น คุณชายกลับเมาอาละวาดเสียจนเรือนพัง ท่านมิเห็นใจคุณชายบ้างหรือเจ้าคะ นายหญิงน้อย ผู้ใดกันรักท่าน ผู้ใดกันดีต่อท่าน ท่านมิรู้หรือ มิใช่คุณชายของเราหรืออย่างไร ฮูหยินน้อย "
สาวใช้เอื้อนเอ่ยยืดยาวและพานางย้ายห้องหอไปในห้องที่ดีกว่า และปล่อยนางทบทวนสิ่งต่างๆอยู่ผู้เดียว ฝูจวินของนางหายหน้าไป หลังจากนั้นจากนั้นมา และมิแม้จะพานางไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาว ในวันที่สามตามธรรมเนียม นางมานั่งครุ่นคิดอยู่ผู้เดียวหลายวันมานี้ จากคำของสาวใช้ของฝูจวินของนาง ที่กล่าวว่า
"หากคุณชายโมโห คนธรรมดาย่อมคอขาดกระเด็นมิทันได้ต่อสู้นะเจ้าคะ แต่ทว่าคนมีวรยุทธเท่านั้น จึงจะต้านทานได้นานยิ่ง คนธรรมดาแม้เป็นบุรุษ ก็มิอาจต้านทานวรยุทธของคุณชายได้นะเจ้าคะ "
"แต่พี่อี่ถานคือคนเลี้ยงม้า เหตุใดจะมีวรยุทธได้เล่า ทั้งที่ทั้งหมู่บ้านนั้น มิมีผู้ใดฝึกยุทธเลย และนางเห็นกับตาว่า พี่อี่ถานต่อสู้กับคุณชายอย่างดุเดือดสูสีกัน เช่นนี้นางเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่เล่า ทั้งยังลุงกุ่ยผู้นั้นอีก ที่หลบหน้านางอีกผู้หนึ่ง ทั้งที่พี่อี่ถานถูกเซี๊ยะกงสังหารไปแท้ๆ แต่ญาติผู้หนึ่ง มิมีแม้แต่จะหลั่งหยาดน้ำตาออกมาเลย มิใช่ต้องเสียใจมากเช่นนั้นหรือ "
นางคิดคร่ำครวญอยู่ผู้เดียวในสวนเนิ่นนาน นางร่ำไห้และหยิบบางสิ่งออกมา จ้องมองสลับกับดอกหญ้าในมือของนาง ร่างบางน้ำตาหยาดหยดลงเป็นสาย เจ็บดวงใจจนปวดแปลบ นางคลำหัวใจและทรุดลงไปในทันใด
ร่างหนาถลามารับนางโดยพลัน และอุ้มนางขึ้นในวงแขนแกร่ง โอบรัดนาง ร่างบางได้กลิ่นหอมของเครื่องหอม ที่ใช้อบผ้าล่องลอยมา กลิ่นนี้ทำให้สติของนางรู้สึกแปลกประหลาดนัก สติของนางหลุดลอยไปอย่างมิอาจควบคุมได้
"ชิงเฉิง ชิงเฉิง!!!"
ร่างหนาตบแก้มนางเบาๆและวางนางลงในเตียงนุ่ม หมอวิ่งเข้ามาในเรือน ผู้คนวิ่งไปมา ร่างหนาถอนหายใจและขยับตัวหลีกทางให้หมอหลวงอย่างเร่งรีบ
หมอหลวงตรวจนางอยู่ครู่หนึ่งและจ้องใบหน้าของคุณชายฝาน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆและดมกลิ่นร่างกายของคุณชายฝานคราหนึ่ง หมอหลวงเงยหน้ามองและกล่าวออกมาช้าๆ
"นางติดพิษชนิดหนึ่ง ทำให้กำเริบยามที่เข้าใกล้เครื่องหอมของคุณชาย นางจะวิงเวียนและสลบลงทุกครา ถ้าพิษสองชนิดนี้อยู่ใกล้กัน แต่ไม่ต้องห่วงไป ใช้ยาผสมจากดอกบัวผุดนี้ นางก็จะหายดี แต่ทว่าหากใช้เกินขนาด ท่านต้องระวังให้ดี ยานี้มีผลกระตุ้นราคะ นางจะร่านราคะอย่างรุนแรง "
คุณชายสำลักน้ำเบาๆและรับยานั้นมา ใบหน้าเกิดแดงซ่าน หมอหลวงหัวเราะเยาะเบาๆและเอ่ยลาไปในทันที
สาวใช้นำยาเข้ามาให้แต่นางมิยอมตื่น คุณชายง่วงงุนมากแล้ว จึงปรือตาและจึงจัดการป้อนยานางด้วยริมฝีปากตนทันทีอย่างอุกอาจ ร่างหนาปลดปล่อยร่างนางนอนลงในเตียงกว้าง และสลัดผ้านอนลงอย่างเคยชิน ร่างกำยำนั้นเคยชินกับการมิสวมใส่สิ่งใดในยามนอน ยามง่วงมากนักจึงเปิดผ้าลง ซุกลงในเตียงกว้างและวางแขนหนาหนักพาดลงบนร่างนาง แทนหมอนข้างในห้องตน
"อืออ...น้ำ น้ำ "
ซูชิงเฉิงครวญครางเบาๆร้องหาน้ำ ร่างหนาง่วงงุนหนักนัก คว้าเอาถ้วยยาส่งให้นางส่งๆไป มือบางรับไปและดื่มลงในลำคอ และส่งถ้วยคืนให้อย่างมิใคร่มีสตินัก ร่างหนาคลำวางถ้วยลงในถาดเฉกเช่นเดิม นางลืมตาน้อยๆและค่อยๆนอนลงต่อ ร่างหนากอดรัดนางด้วยแขนแกร่งไปเช่นเดิม
ร่างบางใบหน้าร้อนซู่ ยามพบบุรุษถอดผ้านอนอยู่ข้างนาง ร่างกายกำยำเช่นบุรุษผู้แข็งแกร่ง แผ่นหลังหนากว้าง ร่างกายสูงใหญ่กว่านางมากนัก คราแรกนางคิดว่าคนผู้นี้นั้นงดงามคล้ายสตรี แต่ยามมองใกล้ๆเช่นนี้คนผู้นี้งดงามเช่นบุรุษเพศผู้หล่อเหลาเสียมากกว่า
นางเผลอยกฝ่ามือแตะที่ริมฝีปากชายหนุ่มอย่างใคร่รู้ ใคร่อยากทดลองดู ร่างหนาลืมตามองนางอย่างน่ากลัว ร่างบางเร่งชักมือกลับไปในทันใด ร่างหนาดึงนางเข้ามากอดแนบกายและหลับตาลงไปอีกครั้งหนึ่ง ร่างบางยามถูกร่างกายเปลือยเปล่าเบียดแนบชิด กายของนางคล้ายมีกระแสไฟวิ่งพล่าน นางสะดุ้งและร้องครางออกมาในทันใด
"อร้า ปล่อยนะ...เฮือก อร้า อา..ข้าเป็นอันใดกันนี่ อร้า "
ใบหน้าคมกระพือขนตาขึ้น ในยามที่ได้ยินเสียงของนางร้อง และขมวดคิ้วมองใบหน้าขาวๆที่กำลังขึ้นสีแดงก่ำ ร่างบางดิ้นไปมาหายใจหอบถี่กระชั้น พยายามผลักดันร่างหนาหนักออก สายตาของนางคล้ายหวาดกลัวและทุรนทุราย ร่างหนาขยับกายรัดนางเข้าใกล้แน่นขึ้นอีก ไต่ถามนางใกล้ๆ ลมหายใจอุ่นร้อนสัมผัสโดนใบหูนุ่มนิ่มของนาง
"เจ้าเป็นอันใดไปหรือชิงเฉิง เป็นอันใดบอกข้าซิ"
ร่างบางยกมือปิดหูและร้องครวญครางโดยพลัน ดวงตาคมเบิกขึ้นและมองไปที่ถ้วยยาในทันใด พลันนึกขึ้นมาได้ ก่อนสบถลั่นขึ้นมาโดยพลัน
"แย่แล้ว!!!! "
ร่างบางถูไถเรียวขาไปมากับต้นขาแกร่ง นางพยายามดึงทึ้งผืนผ้าบางเบาออกให้พ้นกาย ร้องครางเสียงกระเส่า หอบหายใจถี่กระชั้น ร่างหนามองนางตาโตและตัดสินใจร่วมหอกับนางเสียให้สิ้นไป อย่างไรแล้วนางก็เป็นเจ้าสาวของตนเอง ผ่านวันวิวาร์ก็ผ่านแล้ว เหลือเพียงเข้าหอตามประเพณี ใบหน้าคมบดเบียดที่ริมฝีปากบาง ส่งริมฝีปากร้อนๆ ส่งลงบดขยี้ริมฝีปากนาง เสียงหวานครางในลำคอขึ้นมาทันใด
"อืม อือ อื้ม แฮ่ก อื้อ อื้อ"
ยามที่ร่างหนาสัมผัสความนุ่มนิ่มก็ยากจะหยุดลง ความหวานที่ปลายลิ้นกำซาบลงในร่างกายตน ลิ้นร้อนๆตวัดไปมาจุมพิตดูดดื่ม ร่างบางดิ้นรนหลีกหนี ยามสัมผัสถูกความแข็งชันของบุรุษเพศที่กลางร่างของนาง มือหนาช่วยนางดึงทึ้งผืนผ้าของนางจนเปล่าเปลือย น้ำตานางหยาดหยดลงที่หางตาอย่างหาสาเหตุมิได้ ช่างทุกข์ทรมานนัก มือหนาบดเคล้าคลึงยอดอกนาง นิ้วแข็งหยาบดึงยอดอกนางขึ้นสูงและใช้นิ้วมือขยี้ไปมาอย่างเร่งเร้า ร่างบางตื่นตระหนกพยายามผลักมือออก อย่างคล้ายถูกร้อนลวกด้วยเปลวเพลิง
"หยุดนะ หยุดนะ อร้า อร้า"
ใบหน้างดงามแค่นยิ้มให้นาง รู้สึกว่ายาของเจ้าหมอผู้นั้นจะทำหน้าที่ดีเกินสรรพคุณเสียจริงๆเลย คิดยิ้มเยาะอยู่ในใจ เซียะกงหรี่ดวงตามองนางไป ในยามนี้ช่างง่วงงุนยิ่งนัก แต่ทว่า
"ตรงหน้ามีอิสตรีงดงามยั่วยวนเช่นนี้ นอนไปเสียก็คงจะเสียเชิงชาย และนางคงจะมิให้จับกินอีกในเร็ววันนี้แน่ๆ และถ้าหากนางนั้นตื่นรู้ตนเอง การเข้าหอเช่นบุรุษอ่อนหวานคงต้องรอคอยไปจนแก่ตาย หากนางยังคร่ำครวญถึงชายอื่นเช่นนี้ สู้หักหาญในยามที่นางร้อนรุ่ม อย่างไรก็ดีกว่าในยามที่นางนั้นคร่ำครวญ "
"อร่า...เซี้ยะกง..."
ร่างหนาสะดุดกับเสียงหวานปานน้ำผึ้งของนาง ในยามที่เรียกหา ครานี้เห็นจะตื่นเต็มตาไปเสียแล้ว เซี้ยะกงขยับเข้าหานางและดูดดึงยอดอกนางอย่างพึงใจ ใบหน้าคมยกยิ้มจางๆตวัดปลายลิ้นไปมาถี่ระรัว ร่างบางยกนิ้วมือขยี้เรือนผมของเซี๊ยะกงจนยุ่งเหยิงไปหมด
"อา....เซี๊ยะกง ..อา..."
"อรืม เสียงของเจ้าหวานนักในยามที่เรียกชื่อของข้านะชิงเฉิง "
ปลายลิ้นร้อนๆรุกไล่ไปตามผิวเนื้อของหญิงสาว ลากลงตามแอ่งสะดือบุ๋มน้อยๆและลูบไล้ต้นขาขาวๆไปมา ร่างสาวดิ้นทุรนทุราย ลูบเรือนผมนุ่มขยำขยี้ ปลายลิ้นร้อนๆลากผ่านเนินเนื้อขาวๆไร้เส้นไหมปกคลุม และลากผ่านร่อยรอยสีหวาน อมชมพูอย่างตื่นเต้นในใจ ใบหน้าคมเลื่อนต่ำลงแนบชิด และแยกเรียวขานางออกจนสุดแรง ร่างบางเกร็งขืนกายแน่นหลับตาลง ดวงตาคมดุพร่าเลือน ยามจ้องมองกลีบเนื้อสีหวานชัดๆในยามทิวาฉาย