"เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมแม่เราถึงได้อาการกำเริบขึ้นมาอีกแล้ววีวี่" สุธิดาหรือธิดา ผู้ที่มีศักดิ์เป็นน้องสาวโสรยาพ่วงด้วยตำแหน่งหมอส่วนตัวที่คอยดูแลรักษาสภาวะจิตใจให้กับพี่สาว กล่าวถามหลานสาวที่อยู่ในสภาพรอบลำคอช้ำเขียวจากการบีบรัดด้วยความเป็นห่วง
"คุณแม่เขาคงจะลืมทานยาค่ะน้าธิดา" วีวี่เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเพราะยังคงรู้สึกเจ็บปวดตรงลำคอไม่หาย "ขอบคุณน้าธิดาที่อุตส่าห์สละเวลามาดูแลแม่ของวีวี่นะคะ"
"จะมาขอบคุณอะไรกัน เราเป็นหลานของน้านะวีวี่ พี่รยาเขาก็เป็นพี่สาวของน้า... น้าก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้วหนิจริงไหมละ" วีวี่ช้อนตาขึ้นมองญาติเพียงหนึ่งเดียวของทางฝั่งแม่ที่เธอยังคงหลงเหลือด้วยความซาบซึ้งใจ และรู้สึกว่าตัวเองยังคงโชคดีที่อย่างน้อยๆ คนเป็นน้าก็ไม่เคยคิดที่จะยกเอาอาการป่วยของแม่เธอมากล่าวอ้างในการที่จะยึดทรัพย์สมบัติของแม่เธอไปเป็นของตัวเอง เหมือนที่ญาติพี่น้องทางฝั่งพ่อของเธอนั้นกระทำกับเธอ...
"วีวี่...น้าไม่ได้จะต่อว่า ว่าหนูเลี้ยงดูพี่รยาเธอได้ไม่ดีหรอกนะ แต่...แต่น้าว่าถ้าหากวีวี่ยินยอมที่จะให้พี่รยาได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ที่ไม่ใช่หมอรักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไปอย่างน้า บางที...มันอาจจะช่วยให้พี่รยากลับมาเป็นปกติได้เร็วขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะ" ธิดารู้ดีว่าในตอนนี้หลานสาวของเธอไม่คิดที่จะไว้วางใจใครเลยแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งกับเธอเองที่เป็นน้า ด้วยว่ารยา...พี่สาวของเธอนั้นได้เคยถูกญาติพี่น้องของสามีข่มเห่งรังแกโดยอาศัยอาการป่วยทางจิตของพี่สาวจนเป็นเหตุให้โสรยาเกิดอาการคลุ้มคลั่งอย่างรุนแรงและจดจำไม่ได้แม้กระทั่งวีวี่ที่เป็นลูกสาว ส่งผลให้วีวี่ไม่เคยที่จะไว้ใจใครอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา...
"เขาจะตีแม่หรือเปล่า แม่ดื้อ...น้าธิดาก็เห็น" วีวี่ที่ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยเสียแทบขาดใจกับการดูแลแม่ที่สุ่มเสี่ยงจะคลุ้มคลั่งและทำร้ายร่างกายของเธออยู่ได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับเธอที่เป็นลูกแล้วมันก็คงจะดีกว่าการปล่อยให้ใครที่ไหนมาทำร้ายทุบตีแม่ของเธอโดยอ้างว่ามันเป็นวิธีการรักษา...
"น้าว่าวีวี่เองก็ควรเข้าพบจิตแพทย์บ้างนะลูก สภาพจิตใจของวีวี่ตอนนี้...น้ามองว่าวีวี่คงจะไม่ค่อยไหว" เมื่อรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองร้องขอไม่มีวันที่วีวี่จะยินยอมแต่โดยง่าย ธิดาจึงหันมาบอกกล่าวให้วีวี่หันกลับมารักตัวเองแทน
"ค่ะ" วีวี่ตอบรับเพียงสั้นๆ และยกมือขึ้นไหว้ลาคนเป็นน้าที่กำลังจะเดินทางกลับบ้าน ก่อนที่จะค่อยๆ สาวเท้าที่อ่อนล้าเรี่ยวแรงเต็มทีกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง
Cupcakes Bakery
"พวกมึงเป็นไรกัน" วีวี่ช้อนตาขึ้นมองเพื่อนสาวสองคนที่กำลังมีท่าทีเหมือนกับว่ากำลังเกี่ยงกันไปมาด้วยความสงสัย
"มีอะไรที่กูยังไม่รู้อย่างนั้นนะเหรอ"
"คอมึงอีวีวี่... มึงโดนแม่ตีมาอีกแล้วอย่างนั้นใช่ไหม" ที่สุดก็เป็นสาลี่ที่ตัดสินใจกล่าวในสิ่งที่ตนเองค้างคาใจออกมา ในขณะที่แซนดี้ก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มเจื่อนและทำท่าทีว่ากำลังอ่านนิตยสารที่วางประดับอยู่บนโต๊ะแทน
"อื้อ..." วีวี่ขานอย่างยอมรับในข้อสังเกตของสาลี่ "แม่คงจะลืมทานยาอีกแล้วน่ะ"
"เจ็บมากไหมอีวีวี่ มึงควรไปหาหมอนะ"
"ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงเป็นใยที่มีให้ค่ะอีแซนดี้เพื่อนรัก แต่น้ากูเขาเป็นหมอ...หมอที่พ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าของโรงพยาบาล เขาคงจะไม่ปล่อยให้กูตายห่าอยู่แล้วถูกไหมละ? พวกมึงเลิกกังวลเถอะน่ากูไม่เป็นอะไรไปง่ายๆ หรอก" แม้ในครั้งนี้จะรู้สึกเจ็บร้าวเสียจนกลืนกินเค้กชิ้นโปรดได้อย่างยากลำบากก็ตามที แต่ถึงอย่างนั้นวีวี่ก็ยังคงเลือกที่จะโกหกเพื่อนสาวทั้งสองไป ด้วยรู้ดีว่าทุกคนในที่นี้ก็ล้วนแต่มีปัญหาในชีวิตเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น...
และมันก็คงจะเป็นการเห็นแก่ตัวจนเกินไปถ้าหากเธอจะหยิบยกเอาปัญหาของตัวเองขึ้นมาบอกกล่าวจนกลายเป็นว่าเธอได้เพิ่มปัญหาให้กับเพื่อนทั้งสองโดยใช่เรื่อง...
"แต่มึงยังไม่แตะเค้กชิ้นโปรดของมึงเลยนะอีวีวี่ กูรู้ว่ามึงไม่อยากให้พวกกูเป็นห่วงแต่... ครั้งนี้มันคงจะรุนแรงมากเลยใช่ไหมอีวีวี่" แซนดี้ที่แม้จะพยายามอย่างหนักที่จะไม่มีน้ำตาออกมาให้วีวี่ได้เห็น ด้วยรู้ดีว่าคนที่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่นอย่างวีวี่นั้นก็คงเลือกที่จะไม่บอกกล่าวถึงปัญหาที่กำลังเจอให้เธอรับรู้และช่วยกันแก้ไขอีกต่อไปในภายหลัง หากแต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถที่จะหักห้ามความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้เลยจริงๆ...
"กูไม่เป็นไรหรอกอีแซนดี้... จริงๆ นะ" เด็กสาวฝืนเผยรอยยิ้มออกมาเพื่อให้คนทั้งคู่รู้สึกสบายใจ แต่อีกฝ่ายกลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บและช้ำจากรอยยิ้มนั้นที่เพื่อนสาวพยายามแสดงมันออกมา...
"กูกลับก่อนนะ..."
หลังจากแยกตัวออกมาน้ำตาของคนที่เคยฝืนเผยรอยยิ้มก็รินไหลลงมาด้วยความบอบช้ำไปทั้งร่างกายและดวงใจในทันที แม้จะมีใครหลายคนที่คิดว่าเธอเป็นเด็กหญิงกร้านโลกที่ไม่สะท้านต่อสิ่งใดก็ตามที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิต แต่จะมีใครสักกี่คนเล่าที่รู้ว่า...แท้จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งที่เจ็บปวดได้และร้องไห้เป็นไม่ต่างไปจากผู้หญิงโดยทั่วไป...
"ใครทำเธอวีวี่..."
"อ๊ะ! อะไรอย่ามาแตะนะ!" วีวี่ที่กำลังคร่ำครวญถึงชะตาชีวิตตัวเองอยู่ภายในใจ เผลอสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อมีปลายนิ้วมือปริศนาได้ยื่นเข้ามาลูบคลำรอยช้ำบริเวณลำคอของเธอ...
"มันเรื่องของฉันไหม" เมื่อเห็นว่าเจ้าของมือนั้นเป็นใครวีวี่จึงสวนกลับทันควันด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะค่อยๆ ดึงรั้งผ้าพันคอมาปกปิดรอยฟกช้ำดำเขียวเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น
"บอกฉันมาวีวี่ สัญญาด้วยเกียรติของเฟย์ตันว่าเลยว่าฉันจะลากตัวมันมาปลิดชีวิตมันให้ตายด้วยมือของฉันเอง..."
หูย...เค้าปกป้องกันด้วยอะ