ตอนที่ 1 บททดสอบของบอดี้การ์ด
สนามยิงปืนในพื้นหลายไร่ มีชายฉกรรจ์นับสิบยืนเรียงแถวหน้ากระดานเพื่อรอทดสอบร่างกาย ครั้นมีการเปิดรับสมัครคนบอดี้การ์ดคนใหม่และค่าตอบแทนต่อเดือนที่สูงลิ่ว อีกทั้งมีสวัสดิการที่เพียบพร้อมโดยไม่ต้องควักกระเป๋าเงินส่วนตัวในความเป็นอยู่เลยก็ว่าได้
เหล่าชายกำยำทั้งหมดมาด้วยความสมัครใจเพราะอยากร่วมงานเป็นลูกน้องของเกริกพล สันติธานันท์ นักธุรกิจพ่อหม้ายรุ่นใหญ่ เขาคือผู้อิทธิพลหลายแขนงเกี่ยวกับธุรกิจทั้งถูกกฎหมาย
เมื่อประกาศเปิดรับสมัครคัดเลือกชายอายุตั้งแต่ 25-35ปีเพื่อเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดประจำตัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของเขาคือเกลวริน สันติธานันท์ หญิงสาววัยยี่สิบห้าปี เธอถูกส่งไปเรียนต่อต่างประเทศเมื่อห้าปีก่อนจวบกระทั่งเรียนจบก็ไม่ยอมย้ายกลับมาเมืองไทย จนคนเป็นพ่อต้องขู่ตัดเงินเดือนเพราะอยากให้ลูกสาวกลับมาช่วยธุรกิจบางตัว
“นายครับ นี่คือรายชื่อผู้สมัครเข้ามาทดสอบร่างกาย”
พีเค มือขวาคนสนิทของเกริกพล ทาสรับใช้ที่เกริกพลเลี้ยงดูมากับญาติคนหนึ่ง ครั้นพ่อของพีเคเคยทำงานเป็นบอดี้การ์ดมือขวา ทว่าถูกยิงตายในหน้าที่เพราะปกป้องเจ้านายผู้ทรงอิทธิพลจากถิ่นอื่น จึงรับพีเคเข้ามาดูแลครั้นพ่อลูกสองคนนี้มีเพียงยายแก่ๆ ที่ต้องเลี้ยงดู กระทั่งยายเสียชีวิตด้วยโรคชรา เกริกพลจึงรับพีเคเข้ามาอยู่ด้วยส่งเสียให้เรียนควบคู่ไปกับการฝึกวิชายิงปืนขั้นสูง
เกริกพลรับซองสีน้ำตาล ด้านในเป็นเอกสารการสมัครที่ปริ้นออกมาจากคอมพิวเตอร์ เพ่งมองประวัติของผู้ประวัติอย่างถี่ถ้วนไม่ให้คลาดสายตา เมื่อคนที่ต้องคัดเลือกมาจะต้องมีศักยภาพและคุณสมบัติตรงตามที่เขาต้องการ
“หน่วยก้านดีทุกคน”
ค่อนข้างพอใจกับชายหนุ่มผู้สมัครเข้ามา แต่ละคนหากมองภายนอกรูปร่างสูงใหญ่กำยำสมเป็นชายชาตรี เกริกพลลุกจากที่นั่งเดินตรงเดินไปลานด้านหน้าที่มีชายฉกรรจ์ยืนเรียงเถียงมือขัดหลังราวกับทหารในกรมฝึกก็ไม่ปาน ยืนประชันหน้าตามบุคลิกของการผู้มีอำนาจอย่างน่าเกรงขาม ทว่ามีร่มคันใหญ่สีดำคอยตามประกบกันแสงแดด
“ฉันต้องการแค่หนึ่งเดียวที่จะเข้ามาร่วมงานกันในครั้งนี้ คุณสมบัติง่ายๆ ของคนที่จะมาอยู่ที่นี่ก็คือไม่กลัวตายและปกป้องลูกสาวฉันเท่าชีวิต ส่วนการเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกสาวคนเดียวของฉัน อย่างแรกคือ...”
“….”
เหล่าชายทั้งหลายยืนยืดอกรอฟังหน้าที่หลักที่ต้องรับผิดชอบ หากถูกคัดเลือกเป็นที่หนึ่งในครั้งนี้
“ต้องอดทน ต้องอดกลั้นเพราะยัยเกลลูกสาวของฉันค่อนข้างเอาแต่ใจ และอย่างที่สองต้องจำให้ใจ ห้ามมายุ่งและวุ่นวายกับลูกสาวฉันเด็ดขาด ถ้าใครคิดหรือบังอาจก็น่าจะรู้ว่าต้องเจออะไร”
เสียงทุ้มลดระดับลงเป็นสุขุมแต่เยือกเย็นพร้อมดวงตาคมเข้มมองชายที่ยืนเรียงแถวเป็นหน้ากระดาษทีละคนอย่างเอาเรื่อง พลันแววตานั้นจดจ้องชายฉกรรจ์ต่างหลบใบหน้าต่ำกันพร้อมเพรียง รับรู้ถึงกิตติศัพท์ความโหดของเกริกพลอยู่บ้าง แต่เพราะผลตอบแทนของการเป็นบอดี้การ์ดมันทำให้ตาลุกวาวกันถ้วนหน้า
“ครับผม!!
บรรดาชายหนุ่มต่างขานรับถึงข้อตกลงที่เกริกพลกล่าวขึ้น จากนั้นการทดสอบก็เริ่มต้น โยนปืนด้ามสั้นขัดเงาให้ทีละคนเป็นการทดสอบการยิงปืนเพราะถือเป็นพื้นฐานที่ต้องมี การเลือกชายที่จับปืนไม่เป็นหรือยิงปืนไม่ได้ถือว่าเสียเวลากับการนำมาฝึกเพราะอีกไม่นานเกลวรินก็เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ทุกอย่างมันต้องพร้อมที่จะเข้ามาดูแลชีวิตของลูกสาวเขา
ปัง!! ปัง!!
เสียงปืนดังสนั่นในสนามยิงเป้า ท่าท่างทะมัดทะแมงบ่งบอกถึงการฝึกฝนมาอย่างดี แต่ละคนมักทำงานให้กับผู้มีอิทธิพลมาแล้วทั้งนั้น บางคนเป็นตำรวจชั้นใหญ่มาเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหลายคนเป็นที่น่าพอใจและเข้าตาเกริกพลเป็นอย่างมาก
“การทดสอบด่านแรกคือความแม่นของการยิงปืนและในรอบนี้มีคนตกรอบไปสามคน เหลือเจ็ดคนครับนาย”
พีเครายงานเจ้านายที่นั่งดูดบุหรี่อยู่ในห้องแอร์มองผ่านผู้ทดสอบผ่านหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่มันสามารถมองเห็นด้านนอกได้อย่างชัดเจน
“ต่อได้เลย”
บททดสอบผ่านไปเรื่อยๆ ทั้งทดสอบความอดทน การหลบวิถีกระสุน การปืนป่ายไม่ต่างจากการฝึกทหารสักเท่าไหร่ กระทั่งในด้านสุดท้ายชายผู้กล้าเพียง 3 คนที่ผ่านเข้ามาได้
“เหลือเพียง 3 คนที่ผ่านมาถึงด่านของการทดสอบด่านสุดท้าย และนายต้องการเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ด่านต่อไปคือ….การเลือกเป่าหัวคนใดคนหนึ่งในสามคนนี้”
มันเป็นด่านทดสอบที่ไม่มีใครคาดคิด การคัดเลือกทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้และก็คงไม่มีใครกล้าเสี่ยง แม้จะถูกเสนอหากถูกเป่าหัวจากผู้ทดสอบด้วยกันแล้วถึงแก่ความตายจะจ่ายให้คนละ 3 ล้านทว่ามันไม่คุ้มกับชีวิตของคนคนหนึ่ง จนชายสองคนขอถอนตัวกะทันหันและไม่คิดจะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับการทดสอบแบบนี้
มันก็แค่หลักจิตวิทยาความกล้า ก็แค่นั้น!!
“นายครับ ขอถอนตัวไป 2 คน เหลือไอ้นี่คนเดียว”
พีเคชี้ไปยังชายหนุ่มยังยืนมือขัดหลังท่ามกลางแสงแดดสภาพเหงื่อท่วมตัวแต่ก็ไม่ถอย
“มันชื่ออะไร”
“อานนท์ สิงการเวฬ อายุ 28 ปีครับ” ชื่อเสียงเรียงนามเขาไม่รู้จักมาก่อนแต่ฝีมือของคนด้านนอกทำให้เกริกพลค่อนข้างพอใจและนี่คือคนที่เขาค้นมานานคือคนที่ต้องการมาดูแลลูกสาว
“ไม่กลัวตายดี คนแบบนี้สิกูชอบ”
“ทดสอบต่อเลยไหมครับนาย”
“ไม่ต้อง มึงไปบอกมันว่ากลับบ้านไปเตรียมตัว แล้วขนของเฉพาะจำเป็นมาเท่านั้นและย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักบอดี้การ์ดได้เลย”
พีเคโค้งตัวต่ำก้มรับสั่งของเจ้านายและเตรียมที่จะก้าวขาเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน”
“ครับนาย” หมุนตัวกลับเมื่อถูกแล้ว จากนั้นเกริกพลโยนเงินแบงก์สีเทาลงบนโต๊ะ มองด้วยสายตาคร่าวๆ ก็น่าจะประมาณสองหมื่นบาท
“อะไรครับนาย”
“มึงถือไปให้มันด้วย ในใบสมัครมันกรอกประวัติระบุว่าอยากได้เงินไปให้แม่รักษาตัวไม่ใช่เหรอ”
ถือว่าใส่ใจพอสมควรเกริกพลอ่านประวัติของอานนท์จนเห็นว่าชายหนุ่มค่อนข้างเดือดร้อนกับสภาพความเป็นอยู่ อีกทั้งคนเป็นแม่ที่ป่วยเรื้อรังมานานและรักษาตามอาการ ทว่าคนเป็นลูกก็อยากพาแม่ไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดและแน่นอนว่าทุกอย่างมันต้องใช้เงิน
“…..”
“กูถูกชะตากับมัน นานๆ จะเจอคนแบบนี้สักที”
“ครับนาย” พีเคกวาดต้อนเงินเข้าอุ้งมือเป็นปึกก่อนจะเดินออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของเกริกพลอย่างว่องไว
ด้านนอก
“เฮ้ย!! เข้ามา”
กวักมือเรียกอานนท์ให้เข้าร่มหลังจากยืนตากแดดมาเป็นเวลานานจนผิวเริ่มกร้านจากแดดเลีย
“ครับพี่” ชายหนุ่มเข้าร่มภายใต้อาคารขนาดเล็กที่อยู่ด้านข้างสนามยิงปืน นั่งบนเก้าอี้ตัวยาวตรงข้ามกับพีเค จากนั้นลูกน้องคนสนิทอธิบายการทำงานต่างๆ ที่อานนท์ต้องเจอ ทุกอย่างมันก็ดูง่ายดีไม่ได้มีอะไรหนักใจ หน้าที่หลักที่คือการดูแลลูกสาวของผู้ว่าจ้างที่เรียกกันว่า คุณหนูเกล
“สงสัยอะไรอีกไหม”
“ไม่แล้วครับ ผมเข้าในหน้าที่ที่ต้องทำ”
เมื่อเห็นว่าบอดี้การ์ดคนใหม่ของคุณหนูจะเข้าใจอะไรได้ง่าย ก็ไม่มีอะไรที่ต้องสนทนา พลันลุกขึ้นแล้วออกคำสั่งในขั้นตอนต่อไป
“มึงกลับบ้าน แล้วขนของที่จำเป็นมาได้เลย”
“ได้ครับพี่”
“เอาแค่ของจำเป็นนะเว้ย อย่างอื่นที่บ้านนายมีหมดทุกอย่างแล้ว”
“ครับ”
อานนท์ก้มหัวหนึ่งทีลุกจากเก้าอี้หลังจากคุยทุกอย่างเสร็จเรียบแต่ก็ต้องชะงักเมื่อพีเคควักเงินเป็นปึกออกมาวางไว้ตรงหน้า
“….”
“นายให้มึงเอาไปก่อน เอาให้แม่มึงไปรักษาตัว”
เมื่อได้ยินถึงกับตกใจไม่น้อย ยังไม่ทันได้เริ่มงานก็ได้เงินมาหนึ่งก้อน มันอาจจะไม่มากสำหรับคนอื่น ทว่ากับเขาถือว่ามากมายในสภาวะเช่นนี้
“ให้ผมเหรอ”
“อืม รับไปสะแล้วพาแม่มึงไปหาหมอ จากนั้นก็เข้ามาบ้านนาย”
“ขอบคุณมากครับพี่”
ยกมือไหว้พีเคด้วยความดีใจ จากที่หวังจะรอทำงานมีเงินเดือนแล้วต้องพาแม่ไปหาหมอ ก็ไม่ต้องรออีกต่อไปและเหลือเวลาอีกครึ่งวันเขาจะพาแม่ไปตรวจร่างกายอย่างที่ตั้งใจ
“เออ แล้วอย่าเบี้ยวนายแล้วกัน ไม่งั้นมึงจะถูกเด็ดหัวทั้งแม่ทั้งลูก”
“ไม่แน่นอนครับ นายอุตส่าห์ให้โอกาสทั้งที”
อานนท์เดินออกจากสนามยิงปืนอย่างดีอกดีใจ ต่อไปนี้จะมีเงินส่งให้แม่ทุกเดือนความเป็นอยู่คงดีขึ้นกว่าเดิมหลังจากตกงานมาหลายเดือน