"เดี๋ยวรสจะพารสาออกไปที่ไร่นะคะ จะได้ไปดูว่าคนงานที่นี่เขาทำงานกันยังไง แล้วก็จะได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย" รสรินอาสาพาพี่สะใภ้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไร่ หญิงสาวรู้สถานะของรสาดีว่าเธอไม่มีทางได้รับความรักความเอาใจใส่จากพี่ชายของตน เธอจึงอาสาทำหน้าที่ดูแลพี่สะใภ้ผู้งดงาม
"ขอบคุณพี่รสมากนะคะ"
"ไม่มีอะไรต้องขอบคุณเลย เราต่างหากที่ต้องขอบคุณรสา ที่ช่วยทำให้นาราออกไปจากชีวิตของพี่สิงห์ได้"
"แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือคะ?" คำพูดของรสาทำให้รสรินครุ่นคิด ครู่หนึ่งเธอจึงถามเรื่องการศึกษาของพี่สะใภ้ขึ้นมา
"เห็นบอกว่ารสาเรียนจบกฎหมายมาใช่หรือเปล่าคะ?"
"ใช่ค่ะ แต่ว่ายังไม่ได้ทำงานเพราะเพิ่งเรียนจบมายังไม่ถึงปีด้วยซ้ำ พี่รสมีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่ถามไว้เผื่อวันหนึ่งเราอาจจะต้องใช้กฎหมายเล่นงานนารา ผู้หญิงคนนี้ไม่มีทางจบที่การแต่งงานของพี่สิงห์แน่ ถ้าเขายังสวมบทเป็นเมียน้อยที่ไร้ยางอาย เราก็ต้องใช้กฎหมายฟ้องร้องเขา" คำพูดของรัสรินทำให้รสามีแววตาประกายเศร้าหมองลง
"แม้เรื่องราวจะดูเหมือนรสาเป็นคนที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขาอย่างนั้นหรือคะ?"
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ พี่สิงห์ควงผู้หญิงคนนี้ไว้เป็นคู่นอนเท่านั้น เขาไม่เคยประกาศด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟน คุณแม่ก็ไม่เคยชอบนาราเพราะว่าพ่อของเขาชอบทำเรื่องผิดกฎหมาย และตอนนี้ครอบครัวนี้ยิ่งกำลังเป็นที่จับตามองของตำรวจด้วย เพราะฉะนั้นคุณแม่ไม่มีทางปล่อยให้พี่สิงห์คบกับนาราต่อไปแน่นอนค่ะ" รสรินพูดจบแล้วจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ร่างบางหยัดกายลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงรถที่คุ้นหูประจำทุกรุ่งเช้า
"รสาก็มีความตั้งใจที่จะทำให้พ่อเลี้ยงสิงห์เลิกกับคุณนาราให้ได้เหมือนกัน แต่เหตุผลเพราะทำเพื่อช่วยคุณแม่แล้วก็พี่รสนะคะ" คำพูดแสนอ่อนโยนของรสาสามารถทำให้คนฟังสามารถเชื่อมั่นในน้ำเสียงนั้นได้เสมอ
"เห็นเรียบร้อยอ่อนหวานแบบนี้ พี่สะใภ้ของรสไม่ธรรมดานะคะเนี่ย" หญิงสาวคลี่ยิ้มให้พี่สะใภ้พลางชะเง้อมองออกไปทางประตูหน้าบ้าน
"พี่รสมองหาใครอยู่หรือเปล่าคะ?"
"ไปกันได้หรือยังครับ?" ทันใดนั้นเสียงทุ้มของบุรุษคนหนึ่งก็ดังขึ้น รสรินฉีกยิ้มกว้างให้เขมผู้จัดการไร่หนุ่มที่กำลังเดินตรงเข้ามา
"คุณเขม"
"อรุณสวัสดิ์ครับคุณรส คุณรสา"
"คะ?" รสาคลี่ยิ้มและหันไปหารสรินเพราะรู้สึกแปลกใจที่บุรุษผู้นี้รู้จักตน
"นี่เขมผู้จัดการไร่ของพี่สิงห์เขาน่ะค่ะ" รสรินแนะนำ
"เมื่อคืนคุณรสาสวยมากเลยนะครับ ผมอยู่ในงานแต่งด้วยนะ"
"อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณเขม" รสาตอบกลับเสียงอ่อนโยน เขมยิ้มแก้มปริเพราะวางไม้วางมือไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวสวยงามหยาดเยิ้มปานนางฟ้า
"คุณเขมจะคลั่งไคล้ภรรยาของพ่อเลี้ยงสิงห์ทำไมคะ?" รสรินพูดเสียงประชดหยอกล้อ
"งั้นเชิญไปขึ้นรถเลยดีกว่าครับ" ผู้จัดการไร่หนุ่มผายมือเชิญทั้งสองสาวเดินออกไปขึ้นรถเพื่อออกไปยังไร่
ไร่ชา
รสามองผ่านกระจกใสออกไปยังไร่ชาที่ถูกปลูกเป็นทิวแถวไล่ลำดับคล้ายเนินเขา พื้นที่ไร่ชาของพ่อเลี้ยงสิงห์กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา คนงานกำลังเริ่มต้นทำงานในเช้าวันใหม่กันอย่างขะมักเขม้น
"อื้ม...นี่คือนิยามของคำว่าอากาศบริสุทธิ์ที่คนกรุงเทพฯไม่มีวันได้พบเจอ" หญิงสาวพึมพำในขณะที่ก้าวลงจากรถ จากนั้นแล้วจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สัมผัสไอเย็นจากขุนเขากระทบเข้ากับใบหน้าสวยละมุนจนรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก
"ตายจริง เราไม่ได้เอาเสื้อมาด้วยเลยนะเนี่ย คิดไม่ถึงว่าอากาศจะเย็นลงเร็วขนาดนี้"
"ช่วงนี้ก็จะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้วสินะ อยู่กรุงเทพฯไม่มีทางได้สัมผัสฤดูหนาวแบบนี้หรอกค่ะ" รสาเอ่ยทั้งยังขยับมือขึ้นมากอดตัวเองไว้เพราะรู้สึกหนาวเย็น
"ใส่เสื้อผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมหาอีกตัวในรถให้คุณรสา" เขมถอดเสื้อของตนเองออกให้รสรินสวมไว้ ระหว่างที่เขากำลังหาเสื้ออีกตัวหนึ่งในรถอยู่ก็มีบุรุษคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังรสา เขาถอดเสื้อคลุมของตนเองออกและถือวิสาสะห่มกายบอบบางให้กับหญิงสาว ใบหน้าสวยละมุนที่ตอนนี้ปลายจมูกโด่งรั้นกลายเป็นสีแดงเพราะอากาศหนาวเย็นหันกลับไปมองบุรุษผู้นั้นด้วยความรู้สึกแปลกใจ
"เอ่อ... ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกหนาวขนาดนั้น" รสากำลังจะถอดเสื้อตัวนั้นกลับคืนบุรุษร่างสูงกำยำแต่ทว่าถูกเขากดเสื้อไว้แนบหัวไหล่เล็ก
"สวมไว้เถอะครับ เพราะถ้าไม่สบายขึ้นมาไม่มีคนดูแลเอานะครับ" เอกราชเอ่ยขึ้น รสรินคลี่ยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของพี่ชายมาเยี่ยมเยือนไร่ชาแต่เช้าราวกับเป็นเจ้าของไร่เองเสียอย่างนั้น
"ที่ไร่พี่เอกน่าจะไม่มีอะไรทำนะคะ มาที่นี่ตั้งแต่เช้าเลย" น้องสาวเจ้าของไร่เอ่ยแซวด้วยความสนิทสนม
"พี่ไม่ได้มาดูเขาเก็บใบชาก็แล้วกัน พี่มาดูอย่างอื่น" เอกราชพูดพลางจ้องมองรสาด้วยแววตาเปล่งประกายไปด้วยความรู้สึกดี
"พี่เอก อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะคะ คนนี้พี่สะใภ้ของรสนะ รสหวง"
"น้องรสหวงแล้วยังไงครับ ไอ้สิงห์มันไม่หวงซะหน่อย" คำพูดของเอกราชทำให้รสาเงียบไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอเลือนรางลง
"พี่เอกพูดอะไรแบบนั้นคะ?" รสรินเห็นแววตาของพี่สะใภ้แล้วจึงค้อนเอกราชเสียงเบา
"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับคุณรสา
"ไม่มีอะไรที่จะต้องขอโทษเลยค่ะ ที่คุณพูดมามันก็เป็นเรื่องจริง"
"รสา คนนี้คือพี่เอกราชเป็นเพื่อนของพี่สิงห์ค่ะ" รสรินแนะนำ
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" หญิงสาวคลี่ยิ้มทักทายเป็นการทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ
"คุณรสาอย่าใส่ใจเรื่องที่ผมพูดเมื่อกี้เลยนะครับ เพราะถึงยังไงผมก็มาที่นี่เพื่อที่จะอาสาดูแลคุณอยู่แล้ว"
"เอ่อ..." ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงเมื่อเห็นสายตาที่เอกราชจ้องมองตน
"ผมว่าเราไปคุยกันที่ใต้ต้นไม้ด้านนู้นดีกว่าครับ ตรงนี้อากาศเย็นเกินไป" เขมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่ารสาลำบากใจกับคำพูดของเอกราชเมื่อครู่ เขาจึงเดินนำทั้งสามคนไปยังแคร่พักใต้ต้นไม้ใหญ่
จังหวะนั้นสิงห์ซึ่งกำลังคุมงานคนเก็บใบชามองมาเห็นทั้งสี่คนกำลังเดินไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และยังสังเกตเห็นเสื้อที่ภรรยาสาวสวมอยู่จึงจำได้ดีว่าเป็นเสื้อของเอกราช เขารู้สึกขุ่นข้องเคืองใจขึ้นมาจนน่าประหลาด จึงตัดสินใจรีบเดินพรวดพราดตรงเข้ามาหาหนุ่มสาวทันที
.