"แม่นางเถียน" หลิวถานซวงลงจากรถม้าก็เดินตรงมาที่เถียนซูหลิน นางยิ้มละไมส่งให้ตามมารยาทแม้จะเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีไมตรียื่นให้กับตนยามพบหน้า ทั้งยังฉีกหน้าโดยหันไปสนทนากับบุรุษที่มาด้วยกับตนเอง
"โหย่งเฉียนวันนี้เจ้าว่างหรือ ข้าก็เพิ่งมาได้สักพัก ถ้าเช่นนั้นเราไปด้านนั้น ไหว้พระกันดีไหม" นางเอ่ยพร้อมยื่นมือไปสัมผัสที่ลำแขนแต่กลับถูกเขาเบนตัวหลบได้อย่างแนบเนียน ทำให้ปลายนิ้วมือยังมิได้สัมผ้สแม้แต่ผิวผ้า ใบหน้าแข็งค้างและรู้สึกชาระคนอับอาย ความดีใจเมื่อครู่พลันหายไป กลับกลายเป็นหัวใจที่โหวงเหวง เจ็บแปลบขึ้นมา ลำคอตีบตันแสบร้อนแต่นางทำได้แค่ให้ฟันกัดเข้าที่ริมฝีปากด้านในเพื่อข่มความรู้สึกนี้ และเค้นรอยยิ้มออกมาแสร้งทำเป็นว่าเมื่อครู่นี้เขาอายที่เห็นว่านางกับเขาสนิทกัน แต่ดูเหมือนว่าสตรีที่มากับเจิ้งโหย่งเฉียนจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป นางเอ่ยเรียกชื่อบุรุษเหมือนอย่างที่เถียนซูหลินเรียก
"โหย่งเฉียน" เสียงอ่อนหวานเรียกเขาให้หันหน้ามาทาง หลิวถานซวง เข้าใจอีกฝ่ายที่ต้องการสื่อจึงพยักหน้ารับแล้วเดินนำไปโดยมีหลิวถานซวงเดินตามอยู่ด้านหลังพร้อมบรรดาสาวใช้ที่ติดตามมาด้วย มีหรือที่คนอย่างเถียนซูหลินจะยอมให้สตรีอีกนางฉีกหน้าและพรากบุรุษของตนไปต่อหน้าต่อตา สาวใช้ที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกใจคอไม่ดีภาวนาว่าอย่าให้นายของตนมีเรื่องเลย
"ทำไมนางถึงเรียกชื่อเจ้าตรงๆ ได้?" เจิ้งโหย่งเฉียนหยุดเดินเมื่อถูกเถียนซูหลินวิ่งไปดักหน้า เขาไม่ได้ตอบทำเพียงจ้องหน้าอีกฝ่าย "ไม่ใช่เจ้ายอมให้ข้าเรียกชื่อเจ้าได้คนดียวหรือ?" เขาถอนหายใจยาวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์เอ่ยตอบห้วนๆ "ก็แค่ชื่อ" เขาตอบสั้นๆ และจะเดินตรงไปยังอาราม เถียนซูหลินไม่ยอมแพ้นางเดินตามไปด้วย
"ข้าไปด้วย!" นางพูดโพล่งขึ้นมา เขาก็สวนกลับทันที "ไม่ได้!"
"แล้วทำไมนางไปกับเจ้าได้"
"ข้าดูแลทั้งสองคนไม่ไหว"
"แต่ข้าเป็นคู่หมั้นหมาย เจ้าควรที่จะดูแลข้าไม่ใช่นาง" เขารู้สึกระอาที่ต้องโต้เถียงกับเถียนซูหลิน จึงกล่าวเสียงเรียบข่มอารมณ์โกรธ
"ข้ามาทำธุระและไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องตามไปก่อกวน"
"ข้าก่อกวน? หึ...เจ้าไปทำธุระ เป็นใครบ้างจะเชื่อ ข้าไปกับเจ้าไม่ได้แต่นางสามารถเดินเคียงข้างเข้าอารามไปพร้อมกับเจ้าได้ ผู้คนมากมายเห็นจะคิดอย่างไร"
"ใครจะคิดอย่างไรเกี่ยวอะไรกับข้า ส่วนเจ้าจะคิดอย่างไรนั่น ก็สุดแล้วแต่เจ้า" เขาพูดจบก็สาวเท้าเดินไปโดยที่ยังคงมีหลิวถานซวงเดินตาม นางทำเพียงก้มหน้า เมื่อนางผ่านร่างเถียนซูหลิน จู่ๆ นางก็ต้องหยุดฝีเท้าลงและแทบจะเซเพราะจู่ๆ แขนของนางก็ถูกกระชากจากอีกฝ่ายไม่ให้เดิน
"เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่" เสียงตวาดอย่างไม่ยินยอมของ
เถียนซูหลินเปล่งออกมา แววตาวาบผ่านความไม่พอใจและเปลี่ยนเป็นความโกรธเกรี้ยว ยิ่งหลิวถานซวงไม่ตอบรวมทั้งบรรดาสาวใช้พากันกรูเข้ามาปกป้องนาง เถียนซูหลินยิ่งเพิ่มแรงบีบแขนของอีกฝ่ายจนนางเม้มปากเพื่ออดทนไม่ร้องออกมาซักแอะ
“อดทนเก่งนี่!” เถียนซูหลินยิ้มหยันออกมาและเพิ่มแรงบีบให้มากขึ้น
เจิ้งโหย่งเฉียนที่เดินนำเมื่อครู่หันมาเห็นเหตุการณ์ จึงเดินย้อนกลับมาหยุดอยู่ตรงหน้า เขาเอ่ยปากให้เถียนซูหลินปล่อยมือทว่านางไม่ฟังและไม่ปฏิบัติตามเขาจึงจับที่ข้อมือเถียนซูหลินที่ยังคงบีบแขนของหลิวถานซวงอยู่ เมื่อเห็นเถียนซูหลินบีบแขนอีกฝ่ายไม่ปล่อย เขายิ่งบีบข้อมือของเถียนซูหลินหนักขึ้น หมายจะให้นางปล่อยมือจากการเกาะกุมมือของสตรีอีกนาง
เมื่อเถียนซูหลินเจ็บ นางก็ยิ่งลงแรงบีบมือลงไปยังข้อมือของหลิวถานซวงมากยิ่งขึ้นทำให้หลิวถานซวงร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บ
เจิ้งโหย่งเฉียนตกใจปล่อยมือจากเถียนซูหลินและไปคว้าที่ข้อมือของหลิวถานซวง ใช้ฝ่ามืออีกข้างผลักเถียนซูหลินให้ออกจากตัวอีกฝ่าย แม้เขาจะไม่ใช้แรงมากนักทว่าแรงผู้ชายย่อมมีมากกว่าทำให้นางเซเกือบล้มลงและหันไปมองหน้าฝ่ายชาย
"เจิ้งโหย่งเฉียน!" เขาหันไปมองเขม็งและตอบกลับไป
"เจ้าคิดจะทำอะไร?" นางไม่ตอบคำของเจิ้งโหย่งเฉียน เพียงสบตาเขาสักครู่และเบนสายตาไปยังมือของเขาที่ประคองสตรีตรงหน้า
“ข้าถามว่าเจ้าคิดจะทำอะไร?” เขาเอ่ยเสียงเรียบคาดคั้นหาคำตอบ ทว่าคำตอบของนางไม่ได้ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
“ข้าปกป้องตัวเอง”
“ปกป้อง? เห็นได้ชัดว่าเจ้าทำตัวเป็นอันธพาลระรานคนอื่น”
“ข้ากำลังปกป้องศักดิ์ศรีของข้าและคนรักของข้า เจ้าจะมากล่าวหาว่าข้าระรานคนอื่นได้ยังไง” เขาส่ายหน้ากับความคิดตื้นเขินของนางยิ่ง เขาหันไปสบตากับหลิวถานซวงเอ่ยปากให้เข้าไปตัวอาราม นางเห็นว่าเขาทำราวกับนางไร้ตัวตนจึงเปิดปากพูดเสียงดัง
"หึ! เจ้าแตะต้องตัวข้าและข้ายังมีฐานะเป็นคู่หมั้นหมาย อย่างไรเจ้าก็ต้องแต่งข้าเป็นฮูหยิน"
"เจ้าป่าวประกาศว่าไม่ต้องการให้ข้ารับผิดชอบ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเจ้าตกน้ำ หากเจ้าจะหาคนรับผิดชอบคงต้องเพิ่มบ่าวชายที่ลงไปช่วยเจ้าครั้งนั้นด้วย ส่วนว่าเรื่องหมั้นหมายและต้องแต่งก็คงต้องรอไปก่อน เพราะข้ายังไม่พร้อมแต่งฮูหยิน" คำพูดนี้แท้จริงไม่สมควรหลุดจากปาก หากจะหลุดย่อมสมควรเป็นที่รโหฐาน ทว่าเวลานี้เขากล่าวอย่างไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย ทำให้นางมองไปทางใดก็เห็นสายตาของผู้คนที่มายังอารามจับจ้องมาที่ตน น้ำตาที่ไม่เคยไหลให้ใครได้เห็น จู่ๆ ก็ไหลลงข้างแก้ม
"อ๋อ...ถ้าเป็นคุณหนูหลิว เจ้าคงไม่ปฏิเสธกระมัง ท่านทำร้ายข้าเกินไปแล้วนะโหย่งเฉียน ข้าจะกลับจวน" เขาทำเพียงมองหน้า ไม่แม้จะเอ่ยปลอบประโลมเห็นเพียงนางเช็ดน้ำตาลวกๆ และเดินไปขึ้นรถม้า สาวใช้ที่ติดตามมาด้วยรีบสาวเท้าหาผู้เป็นนายทันที
รถม้าออกไปไกล หลิวถานซวงเอ่ยกับเจิ้งโหย่งเฉียนด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง
"เป็นเพราะข้าทำให้เจ้าทั้งสองต้องผิดใจกัน แล้วท่านจะไม่ปลอบนางจริงๆหรือ" เขาส่ายหน้า "นางนิสัยเสียมาตั้งแต่ไหนแต่ไร" หลิวถานซวงพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจอีกฝ่าย และก็เดินตามเข้าไปยังตัวอาราม