แรกพบก็ตกใจ

1798 คำ
“ขอโทษนะคะ ขอเข้าไปข้างในหน่อยค่ะ คุณคะ ขอเข้าไปหน่อยค่ะ” ผู้ชายตัวสูงใหญ่นั่งเหยียดขายาวเต็มที่นั่ง อยู่ที่เก้าอี้ตัวนอก ซึ่งเก้าอี้ตัวในเป็นเลขที่ๆ น้ำอบต้องนั่ง อยู่ติดหน้าต่าง ผู้ชายตัวใหญ่ร่างสูงนั้นขยับขาเข้ามาหาตัวเอง เพื่อเปิดทางให้หญิงสาวเข้าไปนั่งข้างใน “ขอบคุณค่ะ” น้ำอบเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ นี่ฉันต้องมานั่งคู่กับตายักษ์นี่ถึงไหนกันนะ ดูท่าทางเขาน่ากลัวมาก น้ำอบไม่กล้ามองเขาตรงๆ แต่ที่เห็นผ่านๆ ตาคือเขาใส่เสื้อยีนส์แขนขาว กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าหนังอย่างดี ใส่แว่นตา นั่นทำให้หญิงสาวไม่กล้ามองหน้าเขา ใครจะกล้า ขนาดเธอขอเข้ามานั่งด้านในที่ของเธอ เขายังแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ เขาแค่ยกขากลับเข้ามา พอเธอเข้านั่งที่แล้ว เขาก็เหยียดขาเหมือนเดิม นี่ถ้านอนได้เขาคงนอนไปแล้วล่ะ น้ำอบจัดการกับเป้ของตัวเอง หญิงสาวไม่เก็บไว้บนชั้นวางของ เพราะในเป้เธอมีผ้าห่มเล็กๆ เอาไว้สำหรับห่มเวลากลางคืน ดึกๆ อากาศบนรถทัวร์จะเย็นมากๆ เธอไม่แน่ใจว่าผ้าห่ม ของรถจะสะอาดไหม เธอก็เป็นแบบนี้ สะอาด ไม่ค่อยอยากใช้ของร่วมกับใคร เวลาเดินทางเลยต้องพกผ้าห่มแบบเป็นหมอนไปด้วยเสมอ คนข้างๆ นั่งนิ่งๆ น้ำอบไม่รู้ว่าเขาหลับ หรือเขาแค่พักสายตา หวังว่าตลอดการเดินทาง ตายักษ์นี่คงไม่ได้เป็นโรคจิตนะ พอคิดมาถึงตรงนี้ น้ำอบก็รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจนัก แล้วเธอจะได้หลับไหมคืนนี้ อีกตั้งหลายชั่วโมงที่จะต้องนั่งรถไปด้วยกัน สาธุ ขอให้เขาถึงจุดหมายปลายทางก่อนเธอเถอะ คงไม่ได้ไปที่เดียวกันหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น คงจะทรมานและหวาดระแวงมากๆ เมื่อเห็นเขานิ่ง เธอก็ไม่สนใจเขาอีก เธอจัดการกับกระเป๋าเป้ หยิบโทรศัพท์ออกมา ผู้โดยสารขึ้นมาเต็มทุกที่นั่งแล้ว ไม่นานรถก็เริ่มเคลื่อนตัวช้าๆ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ เจษฎา โทรหาน้ำอบเกือบ 10 สาย เหนื่อยใจกับเขาเหลือเกิน เธอเบื่อ ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เธอจะไม่ยอมไปให้ความคิดสนิทสนมกับเจษฎาเด็ดขาด คนใจง่าย โลเล หลอกลวง ไม่มีความเป็นผู้ชาย ดีที่เธอถอนตัวทัน ไม่ทันได้มีใจให้ กรรณญาวีร์ บล็อกเบอร์ของเจษฎา นี่เธอจะต้องทนนั่งรถนี่ไปอีกนานไหมนะ รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย คนข้างๆ เหมือนเขาจ้องมองเธอตลอดเวลา เขาใส่แว่นก็จริง กรรณญาวีร์นั่งตัวลีบ ทำยังไงดี อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย หญิงสาวขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอรู้ว่าเขาจ้องมองตลอดเวลา หญิงสาวสะดุ้ง คนข้างๆ วางแขนมาบนที่พักแขน แขนเขาใหญ่ ทำให้กระทบกับส่วนแขนของเธอ น้ำอบไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ เขาเอนตัวมาหาเธอ มากเกินไป หญิงสาวเอนตัวไปติดกับฝั่งของหน้าต่าง ติดจนเหมือนกับเธอต้องเอนไปทั้งตัว ทำให้ท่านั่งของเธอไม่สบายเลย หญิงสาวถอนหายใจ อีกไม่นานรถจะแวะพัก 15 นาที โล่งอกเหลือเกิน หลังจากลงจากแท็กซี่แล้ว กรรณญาวีร์แวะเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อของใช้จุกจิกนิดหน่อย ก่อนที่จะเข้าพักที่โรงแรม ค่อยโล่ง โชคดีที่โรงแรมไม่ไกลจาก ที่จอดแวะพักรถเท่าไหร่ คนขับรถและเด็กรถทำหน้าสงสัย เมื่อเธอแจ้งความประสงค์ว่าจะไม่ไปต่อ เธอยอมเสียค่ารถ นั่งมาไม่เท่าไรเลย แต่ช่างเถอะ ดีกว่านั่งคู่ไปกับผู้ชายคนนั้น เขาน่ากลัวมาก และเธอก็ไม่ไว้ใจเขาเลย พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ค่อยโทรบอกย่า พ่อกับแม่คงไม่โทรมาตอนนี้ เสียเวลาไปไม่กี่ชั่วโมง สบายใจกว่า ถึงบ้านย่าช้าไปหนึ่งวันเอง ไม่เป็นไรหรอก เชิญนายคนนั้นนั่งสบายๆ ไปคนเดียวเถอะ เธอไม่นั่งไปพร้อมเขาหรอก น่ากลัวซะขนาดนั้น นี่ขนาดไม่ได้ยินเสียงเขา ไม่เห็นหน้าตาเขาเต็มตา ยังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้าถอดแว่นออก คงน่ากลัวมากกว่าที่เห็นมาก มีโทรศัพท์และเนตนี่ดีเหลือเกิน หญิงสาวหาโรงแรมที่ใกล้และดูปลอดภัยที่สุดได้ พรุ่งนี้เธอจะนั่งรถตู้ไปหาย่า ช่างเถอะอึดอัดก็ช่างมัน สบายใจ และปลอดภัยกว่า เธอจะไม่เดินทางด้วยรถทัวร์ไกลๆ กลางค่ำกลางคืนแบบนี้อีกเลย สาธุ หญิงสาวยกมือพนม ขออย่าให้ได้เจอสิ่งที่ไม่ดีเลย ใจของเธอหวั่นๆ ชอบกล ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย นั่งรถตู้ถึงจะอึดอัด แต่เป็นเวลากลางวัน ก็ยังถือว่าปลอดภัย เธอยอมเสียเงินค่าวางกระเป๋าเพิ่มเท่าค่าตั๋ว ไม่ต้องให้ใครมานั่งด้วย เธออยากนั่งคนเดียว ทีแรก พนักงานที่รับจองไม่รับปาก แต่สุดท้ายก็ทนลูกตื้อของเธอไม่ได้ ไม่น่าเอากระเป๋าใบใหญ่มาเลย เป็นภาระจริงๆ ดีที่เธอได้โรงแรมที่มีลิฟท์ ถือว่าปลอดภัยเลยล่ะ ยอมเสียเงินเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พนักงานรถทัวร์ที่มีหน้าที่เช็คจำนวนผู้โดยสารบนรถ ร้องบอกคนขับว่าคนครบ "มีผู้โดยสารผู้หญิงขอลง 1 คน ออกเดินทางต่อได้เลยค่ะ" เสียงพนักงานรถทัวร์แจ้งกับคนขับรถ การันต์ กัมปนารถนรากร กำลังจะสงสัยว่า ผู้หญิงคนนั้นหายไปนานจัง เขาให้พัก 15 นาที หล่อนไปอยู่ตรงไหน เขาเพิ่งรู้จากปากพนักงานบนรถ ว่าหล่อนไม่ไปต่อ ขอลงที่นี่ ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย เขารับรู้ได้ว่า หล่อนกลัว และระแวงเขา นี่ถึงขนาดต้องลงรถหนีกันเลยเหรอ น่าหมั่นไส้จริงๆ ขนาดเขาเห็นหน้าเธอไม่ถนัด แต่ก็พอจะรู้ว่า หน้าตาดีมาก เขาจำดวงตาดำขลับคู่นั้นได้ มีแต่ความหวาดระแวง ไม่ไว้ใจใครเลย ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้นั่งสบายๆ ไม่ต้องรำคาญท่าทางระแวดระวังภัย ของผู้หญิงคนนั้น อะไรจะเวอร์ขนาดนั้น ถึงกับต้องลงรถ ไม่ไปต่อ นี่เขาน่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ คิดไปคิดมาเขาก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา นึกโมโหด้วยผู้หญิงคนนั้นด้วย ผู้หญิงบางคน ยังไม่เคยได้พูดคุยกับเขาเลย ก็ให้ท่าเขาแล้ว ไม่เคยพลาดสักราย แล้วเด็กนั่นเป็นใคร กล้ามาแสดงความรังเกียจเขา ถึงเด็กนั่นจะไม่พูดออกมา เขาเห็นอาการ เขาก็รู้แล้ว บางทีเขาทำอะไร เขาก็ไม่มีเหตุผล เหตุเล็กน้อย เขาก็ทำให้มันใหญ่ขึ้นมาได้ เด็กนั่นจะมาแสดงอาการรังเกียจเขาแบบนี้ไม่ได้ การันต์จ่ายเงินเพิ่มให้เด็กรถเป็น 2 เท่าของค่ารถ แลกกับรายละเอียดของผู้หญิงคนนั้น โชคก็เข้าข้างเขา ได้ห้องพักตรงข้ามกับเด็กนั่น แถมพนักงานประจำรถก็จองรถตู้ให้เขาได้ด้วย แปลกเด็กนั่นไปทำอะไรที่หมู่บ้านเขา ช่างบังเอิญจริงๆ เขาจ่ายให้พนักงานคนนั้นเพิ่มอีกแบบไม่เสียดายเงินเลย หล่อนจัดการให้เขาเรียบร้อยดี การันต์ตัดสายทิ้ง เขาทำแบบนี้ คนปลายสายก็รู้ว่าธุระด่วนขนาดไหน ก็ห้ามโทรมารอบสอง ใครๆ ก็รู้กิตติศัพท์ของเขาดี มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเขา อย่าทำให้เขาโมโห เขากัดไม่ปล่อยแน่ เขารู้ว่าตัวเองใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ แถมบางคนชอบว่าเขาใจร้าย ก็ถ้าใครมารังแกเขาก่อน เขาก็จะใจร้ายตอบ แบบไม่ไว้หน้าเลย แต่ถึงเขานิสัยไม่ดียังไง เขาก็รักครอบครัว พ่อกับแม่เขา ไว้ใจให้เขาทำธุรกิจ แทนท่าน ทั้งสองก็คอยดูอยู่ห่างๆ ในความบ้าระห่ำของเขา เรื่องธุรกิจเขาก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน ความร้ายของเขา ใครๆก็รู้ ทั้งคนที่ทำกิจการค้าร่วมกัน และคนใกล้ชิด เขาไม่ใช่คนขี้เหร่ รูปร่างที่สูงใหญ่ หน้าเข้มๆ จมูกโด่ง ผิวสีแทนเกือบเข้ม แทบไม่เคยมีรอยยิ้ม เวลาปกติเขาไม่ค่อยพูด แต่ถ้าได้ดื่ม ก็ลื่นไหล มีเสน่ห์ ทำให้ทั้งผู้หญิงทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก ติดเขางอมแงม เขาไม่เคยจริงใจกับใคร ยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว แต่ก็มีไว้บ้างเวลาที่เขาเกิดอาการเหงาขึ้นมา เขาคิดว่าอายุแค่นี้เอง ยังอยากใช้ชีวิตโสด ทำงาน ดูแลพ่อแม่ และน้องสาวคนเดียวของเขา การันต์ขึ้นมาดูงานที่กรุงเทพฯ ติดต่อธุระเกี่ยวกับบริษัทฯ ก่อสร้างของเขา ทุกๆ เดือน เขาจะต้องเดินทางขึ้นมา กรุงเทพฯ เป็นประจำ พ่อกับแม่ซื้อคอนโด ไว้ให้เขาอยู่ตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ พอเขาจบ น้องสาวเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็อาศัยอยู่ที่คอนโดนี่ พุดกรองเรียนจบก็กลับใต้ แต่คอนโดก็ยังคงยังอยู่ เอาไว้เวลาที่เขาขึ้นมาธุระที่กรุงเทพฯ เก็บไว้นอนพักผ่อน ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากเลิกประชุมแล้ว เขารีบกลับคอนโด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ รีบเดินทางมายังสถานีขนส่งสายใต้ ขามาเขามาเครื่องบิน เขาไม่ค่อยชอบขับรถทางไกล จริงๆ ให้ลูกน้องขับรถมาให้ทั้งไป ทั้งกลับก็ได้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้เขาอยากเดินทางด้วยรถทัวร์ ถ้ารู้ว่าจะมาเจอเรื่องกวนใจเขาแบบนี้ เขาคงไม่มาหรอก รำคาญใจจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงหงุดหงิดนัก พื้นฐานบรรพบุรุษเขา เป็นคนใต้โดยแท้ เขาได้นิสัยปู่กับลุงมาเต็มๆ สมัยเป็นหนุ่มวัยรุ่น เขาเกเร กินเหล้าเมายา มีเรื่องชกต่อยกับคนไปทั่ว เพราะความใจร้อนของเขา แต่เรื่องการเรียนเขาไม่เคยเสีย กระทั่งขึ้นไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ยังติดนิสัยเกเร ไปมีเรื่องให้พ่อกับแม่ต้องตามไปเคลียร์ จนล่าสุดที่เขาเลิกเกเรถาวร เพราะเห็นแม่ร้องไห้ พร่ำบ่น โทษตัวเองว่าเลี้ยงลูกไม่ดี แม่ไม่เคยต่อว่าเขาเลย ที่สำคัญน้องสาวเขาเริ่มโต เลยต้องคิดให้มากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง แต่นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง และความใจร้อนเขาก็ยังแก้ไม่หายสักที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม