ดารัณสะอื้นไห้จนตัวโยน เธอไม่ได้กลัวความผิดที่ก่อ เมื่อแน่ใจ ชายแก่ผู้นี้หลงใหลตนเองยิ่งนัก แต่จะทำยังไงให้เขาไม่อับเปหิตนเองออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ ไม่อย่างนั้นละก็...ความสะดวกสบายที่เคยได้รับ...คงได้จบสิ้นลง เธอจึงแสร้งทำเป็นฟูมฟาย ร่ำไห้อย่างหนักเพื่อให้สามีแก่คราวพ่อเวทนา
“รัณ...รัณ มันไม่ใช่อย่างที่คุณพี่คิดนะคะ รัณแค่กำลังเอ่อ...” มันกระดากปากที่จะพูดปด เพราะเทียมเห็นด้วยตาตนเอง เธอจะแถอะไรได้
“พอเถอะดารัณ ฉันไม่ได้โง่!! หรือเป็นคนตาบอดนะ...ฉันรู้ ฉันเห็น!!” แม้จะรู้สึกโกรธจัด เมื่อภรรยาสุดรักกำลังสวมเขาให้ แต่เมื่อมันยังไม่เกินเลยไปถึงไหน...เขาก็ควรหาวิธีแก้ไข ยังไงเสีย เขาก็ตัดใจเฉดหัวหล่อนไม่ลง เมื่อพิศวาสหวามที่ดารัณปรนเปรอให้ยามค่ำคืน เทียมไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนทำได้เท่าที่ดารัณทำ “เรื่องนี้จะเป็นความลับ ฉันจะส่งตาธรรไปเมืองนอก ขออย่างเดียว อย่ายุ่งกับลูกชายฉันอีก” เทียมตวาดเสียงกร้าว...วิธีแก้คือการกันธรรวาออกไปไกลๆ ตา เวลาจะช่วยให้บุตรชายท่าน ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้เอง แม้จะรู้สึกผิดกับบุตรชาย
“รัณสัญญา...” สาวร่านรีบคลานเข่าเข้าไปใกล้ หล่อนรีบสัญยิงสัญญา แต่ในใจกลับค้าน...ไม่มีวันที่หล่อนจะหยุดพฤติกรรมต่ำทราม เมื่อมันคือการระบายออกทางเดียวของเธอ ก่อนที่จะอัดอั้นตาย เมื่อสามีสูงวัย...ทำให้ตนเองถึงสวรรค์ไม่ได้
“กลับขึ้นบ้านเถอะ...ดารัณ” เทียมกล่าวเสียงพร่า มันเจ็บจี๊ดๆ ในอก แต่จะทำไงได้ เวลานี้ ดารัณทำให้เขาหลงใหลจนหัวปักหัวปำ
ห้องนอนของธรรวา...
หนุ่มวัยรุ่นนั่งก้มหน้านิ่ง ดวงตาแดงก่ำเส้นเลือดสีแดงๆ กระจายเต็มหน่วยตา ในเวลานี้เขามีแต่ความเสียใจกับความอดสู กลับกลายเป็นคนชั่ว คนเลวในสายตาบิดาจนไม่น่าให้อภัย ประพฤติผิดแบบตั้งใจ!! แม้จะไม่ได้เป็นคนเริ่ม แต่ความผิดครั้งนี้ของเขา ตัวเองก็มีส่วนกึ่งหนึ่ง เมื่อไม่รู้จักหักห้ามดำฤษณาในร่างกาย ปล่อยใจตนเอง หลงไปตามกระแสเชี่ยวกรากของพายุอารมณ์ มือของเขากำแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือโปนเป็นรอยนูนๆ กรามแกร่งขบไปมา เมื่อความรู้สึกข้างในพลุ่งพล่าน ธรรวากลัวบิดาเข้าใจผิด...เขากลัวว่าผู้หญิงแพทยาคนนั้นจะเป่าหูท่าน จนความรักที่เคยมีหดหาย
แกร๊ก!! ... เสียงประตูห้องนอนถูกดันให้เปิด เทียมเดินผ่านประตูเข้ามา ดวงตาของบิดาเฉยชา จนธรรวาใจหายวูบ!!
“เตรียมเก็บของเถอะธรร พรุ่งนี้พ่อจะให้คนไปส่งที่สนามบิน” บิดากล่าวเสียงเรียบ ท่านเสเบือนหน้าหนี เพราะทันทีที่พูดจบ ธรรวาตัดพ้อท่านทางสายตา
“พ่อ...เลือกผู้หญิงแพทยาคนนั้น...แทนผมเหรอครับ” เสียงของเขาสั่นพร่า ตอนที่เปิดปากพูด
“...” ไม่มีคำตอบ มีแต่ความเงียบที่บิดามอบให้
“เมียพ่อ...ยิ่งกว่าอีตัว!! หล่อนแบให้ผู้ชายเอาไปทั่ว วันหนึ่งพ่อจะเสียใจที่ยังเก็บหล่อนไว้ข้างตัวแบบนี้” เด็กหนุ่มตะโกนลั่น ดวงตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยความคั่งแค้น
“แกไม่เข้าใจหรอกธรร แกยังเด็ก” เทียมอธิบาย มันเป็นความโง่ของผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่ยังมีอารมณ์และความต้องการ ดารัณคือคนคนเดียวที่ทำให้เทียมมีความภาคภูมิใจ แม้อายุเขาจะมากโข แต่ก็ยังทำให้ผู้หญิงสาวๆ คนหนึ่งครวญครางประหนึ่งจะขาดใจตายได้ แต่ที่เขาไม่รู้...นั่นมันแค่ละคร ความจริงแล้ว เทียมไร้น้ำยาที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งถึงจุดสุดยอด เรี่ยวแรงเขามีไม่พอ ไม่แปลกหรอกที่ดารัณจะหาผู้ชายคนอื่นมาสวมเขาให้กับเขา
“ผมยังเด็ก ใช่!! ผมยังเด็ก ผมเลยเป็นคนที่ควรไป...จำไว้นะพ่อ...ถ้ายังมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในบ้านของเรา!! ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่บดินทร์เดชนี่อีก”
ธรรวาตะโกนก้อง เขาวิ่งผ่านบิดาไปแบบฉุนเฉียว นับจากนี้ไป...หากมีดารัณ...จะไม่มีเขาที่นี่
จนกว่าบิดาจะตาสว่าง...หากท่านเลือกที่จะเอาอสรพิษไว้ข้างตัว เขาจะไปเอง...
“ธรร!!”
เทียมถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เขามองตามแผ่นหลังของบุตรชายไป...ความบาดหมางครั้งนี้ใหญ่หลวงจนท่านคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าธรรวาจะตัดเป็นตัดตายกับท่านเช่นนี้
เรี่ยวแรงที่มีธรรวาระบายออกมาด้วยการวิ่ง เขาวิ่งไปเรื่อยๆ ไม่สนใจทิศทาง...เพียงแค่ไปให้พ้นความน่าอดสู...เขาเป็นลูก...แต่ดูเหมือนว่าไม่มีความสำคัญกับบิดาเลย ท่านเลือกผู้หญิงแพทยานั่นไว้ แต่กลับเสือกไสเขาไปไกลตา...
“ว้าย...” เพราะความโกรธ ธรรวาหลับหูหลับตาวิ่ง เด็กหนุ่มไม่คิดว่า...กลางดึกเช่นนี้ ภายในตัวบ้านจะยังมีคนมาเดินเพ่นพ่าน
“เดินประสาอะไรหะ!!” เขาสบถ แรงปะทะทำให้เขาล้มลง และคนที่เขาวิ่งชนก็มีอาการไม่ต่างกัน
ดลยากะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอเบะปาก เมื่อมองเห็นรอยแผลถลอกที่หัวเข่าตนเอง
“หุบปากนะ ถ้าเธอร้อง ฉันจะบีบคอเธอให้ตายคามือเลย!!” เมื่อปรับสายตาคุ้นกับความมืด เด็กหญิงตรงหน้าคือญาติโกโหติกาของผู้หญิงคนนั้น เด็กน้อยอายุ12 ปี เด็กน้อยที่ดารัณอุปการะ หล่อนบอกใครๆ ว่าเป็นหลาน แต่ธรรวาไม่เชื่อ เมื่อเด็กคนนี้ถอดเค้าหน้ามาจากดารัณทั้งกระบิ
“หนูกลัวแล้วค่ะ” ดลยายกมือขึ้นประนมไหว้ เกล็ดน้ำตารินไหลอาบใบหน้า ด้วยความตื่นกลัว
“อย่ามาสำออยบีบน้ำตา เธอกับแม่นั่นไม่ต่างกันเลย” ใบหน้าดารัณซ้อนทับใบหน้าเล็กๆ ของดลยา ธรรวาจึงประเคนความรังเกียจนั่นใส่เด็กน้อยจนหมด
“หนู...หนู...” เด็กหญิงกระอึกกระอัก เหลือบสายตาหวาดๆ มองหาทางหนี แต่ดูเหมือนจะไม่มี เมื่อบริเวณนี้อับจากสายตาผู้คน และกลางดึกเช่นนี้ จะมีใครช่วยเธอได้...
“ผู้หญิงร่าน!! น่าจะเหมาะที่สุดสำหรับพวกเธอ เลือดสีเดียวกันก็คงไม่ต่างกันสินะ”
หนุ่มน้อยยังไม่หยุดทุ่มความเกลียดนั่น...มาที่คนไม่รู้เรื่อง เพียงเพราะดลยาเป็นญาติคนเดียวของดารัณ ผู้หญิงที่เขาเกลียดสุดใจตอนนี้
“ร่าน อัปรีดิ์ ไม่ต่างกับอีตัวเหมือนกันเลย!!” หนุ่มน้อยตวาด ยกมือผลักดลยาจนเด็กหญิงผงะหงายหลังซ้ำอีกครั้ง ชุดนอนผ้าฝ้ายร่นขึ้นสูงจนถึงโคนขา มุมปากสีสดกระตุกยิ้ม นึกสนุกๆ ขึ้นมาในใจ เขาโน้มตัวลงกระชากชุดนอนเนื้อบางเบานั้นแรงๆ
แคว๊ก!! ผ้าขาดแล่งติดมือธรรวาไป เขาเงยหน้าขึ้น หัวเราะเสียงก้อง “ฮ่าๆ”
ธรรวากระโจนพรวดเดียว คร่อมร่างผอมบางของดลยาไว้ เด็กหญิงหวาดกลัวสุดขีด เธอเบิกตาโพลง เตรียมจะอ้าปากร้อง
“อย่าได้แหกปากเชียวนะ!! ไม่อย่างนั้นเธอได้ตายคามือฉันแน่...” มือผอมบางยกขึ้นกุมลำคอเล็กๆ ของดลยาไว้ พร้อมกับคำขู่
“ยะ อย่าทำหนูเลย...กลัวแล้ว” น้ำตาไหลเป็นทาง หวาดกลัวจนแทบหมดสติ
“อีนั่นทำให้ฉันกระเด็นออกไปจากบ้านหลังนี้... เธอเป็นหลานมัน ฝากไปบอกมันด้วยล่ะ!! ฉันไม่มีวันลืมวันนี้ ฉันจะกลับมาเอาคืน” ธรรวาเปรยเสียงเคร่ง เขากระแทกปากกด ‘จูบ’ ดลยาเต็มแรง ไม่ใช่เพราะอารมณ์ปรารถนา แต่นี่คือการลงโทษ น้ำลายเปียกๆ ทำให้ดลยารู้สึกอยากอาเจียน เธอเบี่ยงใบหน้าหนี พยายามดิ้นรน เพื่อให้ตนเองพ้นไปจากสภาพน่าทุเรศนี่สักที
เด็กหญิงน้ำตาไหลพราก...เธอมองหาทางรอด มือเล็กๆ ควานหาอะไรสักอย่างที่จะช่วยตนเองได้
ท่อนไม้เล็กๆ ที่ดลยาสามารถคว้ามาได้ เธอหลับหูหลับตาฟาดใส่แผ่นหลังของธรรวาเต็มแรง!!
“โอ้ย!! ยัยเด็กบ้า” ชายหนุ่มสบถ เขาผงะถอยหลังมา รู้สึกเจ็บจนแสบไปทั่วแผ่นหลัง
ดลยากัดฟันรวบรวมแรงที่เหลือ เธอดันตัวกระโจนพรวด!! วิ่งทะยานไปข้างหน้า ไม่ได้สนใจทิศทาง...ขอเพียงแค่...ไปให้พ้นๆ จากตรงนี้
สายตาอาฆาตมองตามเด็กหญิงไป มุมปากได้รูปกระตุกยิ้มเย้ยหยัน...เย้ยหยันตัวเองนี่แหละที่ไม่สามารถคัดง้างคำสั่งของบิดาครั้งนี้ได้ ธรรวานั่งจมอยู่กับความขุ่นใจ เขาใช้เวลาไม่น้อยกับการทอดถอนใจ เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ ร่างผอมบางของเด็กชายลุกขึ้นยืนช้าๆ เขาแหงนมองบนฟ้า พร้อมกับคำสัญญาของตนเอง
“ในเมื่อพ่อไม่อยากให้ผมอยู่ เพราะผมมันคงขัดนัยน์ตาพ่อ...ผมก็จะไป แต่จำไว้...ผมจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
เป็นรอยจารึกในหัวใจดวงน้อย เขาไม่มีความสำคัญเท่าผู้หญิงแพทยาคนนั้น...