หนิงซินดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ลูกน้อย ก่อนจะรีบเก็บเสื้อผ้าของทั้งคู่ออกไปซักแล้วอบแห้ง ระหว่างที่รอเครื่องซักผ้าเธอเดินไปที่ประตูหน้าร้านที่เป็นกระจกใส มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าที่นั่นเป็นมินิมาร์ทของเธอ
หากไม่จำเป็นเธอก็ยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปเลือกสิ่งของที่นั่นในตอนนี้ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อมีหลายอย่างที่เธอจำเป็นต้องเข้าไปหยิบ และยังต้องดูด้วยว่ามีอะไรบ้างที่จะสามารถทำเงินให้เธอได้
"น่าขันสิ้นดี ร้านนี้สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของฉันแท้ ๆ แต่ฉันกลับไม่กล้าเดินเข้าไปอย่างนั้นเหรอ"
แอดดดด
"เธอต้องผ่านมันไปให้ได้สิหนิงซิน"
ในที่สุดหนิงซินก็ฮึดสู้แล้วเดินผ่านธรณีประตูเข้าไปในมินิมาร์ท ที่แรกที่เธอไปก็คือจุดที่มีชุดของเด็กแขวนอยู่ เธอเลือกไม่นานก็ได้ชุดไปให้ยัยหนูมากกว่า 10 ชุดทว่า...
"เฮ้ย! หยิบออกก็ผุดขึ้นมาใหม่ ว้าวว นี่มันน่าทึ่งจริง ๆ"
สิ่งที่เห็นทำให้หนิงซินตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เป็นแบบนี้ก็แสดงว่าเธอสามารถใช้สิ่งของในนี้ทำทุนสร้างตัวได้ พอนึกถึงจุดนี้หนิงซินก็วางของทุกอย่างลงบนเคาน์เตอร์ แล้วตัดสินใจเดินขึ้นไปบนห้องนอนของเธอกับแฟนเก่า ซึ่งที่นั่นมีสิ่งของของมารดาของเธอถูกเก็บรักษาเอาไว้
แอดดดด
หนิงซินมุ่งหน้าไปที่กล่องเก็บของที่ระลึกของแม่เธอ ในนั้นยังมีทองคำแท่งอยู่หลายบาทและเงินในยุค 1980 ที่แม่ของเธอเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ท่านได้ยกให้เธอก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตไปเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งบ้านของท่านก็ถูกดัดแปลงให้เป็นมินิมาร์ทแห่งนี้
"5,000 หยวน ขอบคุณนะคะแม่ หนูจะใช้ชีวิตให้ดี แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ"
กล่องเสื้อผ้าของแม่และยายถูกยกลงไปที่ชั้นล่างของตึก เพื่อเตรียมขนย้ายไปไว้ที่ห้องพักในร้านอาหารแทน
"รอให้ออกจากครอบครัวสกุลมู่ก่อนเถอะ ชุดสวย ๆ ของแม่กับยายหนูเอากลับมาชุบชีวิตให้มันใหม่อีกครั้ง"
หนิงซินขึ้นมาบนห้องอีกครั้งเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เธอกวาดกล่องนาฬิกาเกือบ 30 เรือนที่เป็นของสะสมของแฟนเก่าเธอลงในถุงผ้า ความตั้งใจแรกของเธอคือทำเงินจากนาฬิกาพวกนี้ก่อน
"นาฬิกา เข็มขัด รองเท้าหนัง เงินฉันทั้งนั้น ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ขอให้แกไม่ได้ตายดี"
หลังจากรวบรวมสิ่งของลงในกล่องเสร็จ หนิงซินจึงรีบเดินกลับไปที่ร้านอาหารเพื่อเก็บสิ่งของและตากผ้าที่ซักเอาไว้ พอนำผ้าไปตากเสร็จเธอก็รีบไปนอนบนเตียงนุ่มกับลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับอุตุอยู่กับพี่กระต่าย ก่อนนอนเธอไม่ลืมหยิบยาลดไข้ขึ้นมากินถึง 2 เม็ด
ค่ำคืนนี้มีเรื่องมากมายให้เธอต้องคิด กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบเที่ยงคืน ต่อให้มีเรื่องราวมากมายแค่ไหน แต่สภาพร่างนี้ก็ไม่อาจต้านทานความเหนื่อยล้าได้ไหว บวกกับฤทธิ์ยาลดไข้ที่กำลังทำงานจึงทำให้เธอหลับลึกได้อย่างง่ายดาย
ตี 4 ครึ่ง
หนิงซินรู้สึกตัวตื่นโดยอัตโนมัติด้วยความเคยชินของร่างนี้ เธอรีบลุกไปแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดเก่า พร้อมกับใสชุดเดิมให้เสี่ยวเปาจนเสร็จ เธอไม่ได้ตั้งใจปลุกเป่าเปาแต่หนูน้อยกลับลุกขึ้นมานั่งตาใสแป๋วโดยที่ไม่อิดออดหรืองอแงเหมือนเด็กคนอื่น ๆ
"เป่าเปา หนูจะนอนต่ออีกซักหน่อยไหมลูก เดี๋ยวแม่จะอุ้มหนูไปเอง"
"มะเอาแม่จ๋า จ้วยกังทำงาง" (ไม่เอาแม่จ๋า ช่วยกันทำงาน)
"งั้นเราลงไปข้างล่างกัน แม่จะอุ่นซาลาเปาให้หนูกินรองท้องไปก่อนนะลูก"
พูดจบหนิงซินก็อุ้มลูกน้อยลงไปชั้นล่าง เสี่ยเปาที่ได้ยินว่ามีของให้กินตอนเช้าก็ดีใจมาก
"มีของกิงหย๋อแม่จ๋า" (มีของกินเหรอแม่จ๋า)
"มีจ้ะ แต่กินได้นิดเดียว กลับมาจากบ้านโน้นค่อยกินเยอะ ๆ ได้นะลูก"
"โตะยงค่า" (ตกลงค่า)
ซาลาเปาหมูลูกใหญ่ถูกอุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟ รวมไปถึงนมสดที่เติมน้ำผึ้งลงไปอีกเล็กน้อย หนิงซินอุ่นนมแล้วเอามาให้ลูกน้อยกินพร้อมกับซาลาเปาครึ่งลูก ส่วนอีกครึ่งลูกเธอก็กินรองท้องไปเช่นกัน
ก่อนจะออกจากมิติหนิงซินนึกอะไรออกบางอย่าง เธอจึงเดินไปที่ตู้เย็นใหญ่แล้วหยิบกระปุกเลือดหมูออกมา เธอเลือกลิ่มเลือดขนาดพอดีหลายก้อนใส่ถุงเล็ก ๆ ไปด้วย แล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อกันหนาวตัวเก่าของเธอ
จากนั้นสองคนแม่ลูกก็เดินมุ่งหน้าไปที่บ้านสกุลมู่เพื่อทำหน้าที่ทำอาหาร หาบน้ำ ล้างถ้วยและซักผ้า หากเป็นช่วงหน้าหนาวก็ต้องต้มน้ำเตรียมไว้ให้ทุกคนอาบด้วย
"เสี่ยวเปา มืดขนาดนี้ไม่กลัวเหรอลูก"
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ เธอก็พอจะเข้าใจว่ากระท่อมนั้นมันอันตรายเกินกว่าจะให้ลูกน้อยนอนอยู่ได้ แต่การที่ยัยหนูเดินดุ่ม ๆ ท่ามกลางความมืดได้อย่างสบายใจมันกลับทำให้หนิงซินหดหู่ใจ วัยแค่นี้ควรได้พักผ่อนให้มากแท้ ๆ
"มีแม่จ๋า เป่าเปาม่ายกัว" (มีแม่จ๋า เป่าเปาไม่กลัว)
"แม่จะปกป้องหนูเอง"
ไม่นานสองแม่ลูกก็เดินมาถึงหน้าบ้านสกุลมู่ที่เป็นบ้านชั้นเดียว กลางบ้านเป็นลานกว้าง มีห้องเรียงกันอยู่ถึง 4 ห้อง ทุกห้องปิดสนิทไม่มีแสงไฟส่องสว่างเลยสักดวง หนิงซินจึงเกินเข้าไปจุดตะเกียงไฟตามความเคยชิน
"เป่าเปาทำอะไรลูก"
หนิงซินเห็นลูกสาวกำลังจะเดินเข้าไปในครัวจึงรีบเอ่ยถาม
"จุกไฟให้แม่จ๋า เป่าเปาทำเป็งน๊า" (จุดไฟให้แม่จ๋า เป่าเปาทำเป็นนะ)
สิ่งที่หนูน้อยพูดไม่เกินจริงเลยสักนิด ในความทรงจำของร่างนี้ยัยหนูตัวน้อยช่วยแม่ของเธอจุดไฟทุกเช้า ส่วนคนเป็นแม่ก็รีบตั้งเตาทำข้าวต้มไว้รอทุกคน
"แม่ทำเองได้ลูก หนูนั่งรอแม่จ๋าตรงนี้"
"มะอาว มะยอหยอก ช่วยกังนะแม่จ๋า" (ไม่เอาไม่รอหรอก ช่วยกันนะแม่จ๋า)
พอเห็นลูกสาวไม่ยอมตกลง เธอจึงปล่อยให้หนูน้อยได้ช่วยงานตามที่ต้องการ จากนั้นเธอจึงรีบเตรียมหม้อ เตรียมข้าวมาต้ม แล้วไปล้างถ้วยอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นหนูน้อยก็ก่อไฟติดอย่างที่คุยเอาไว้ หนิงซินจึงรีบตั้งหม้อข้าวแล้วไปล้างถ้วยต่อ
แค่ก แค่ก แค่ก
แค่ก แค่ก แค่ก
แอดด
"นังหนิงซิน แกเป็นอะไร ทำไมแกไอบ่อยขนาดนั้น"
เสียงแหลมจนแสบแก้วหูของนางมู่หลี มารดาของมู่ปิงเฉิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
"มะ..ไม่ค่ะคุณแม่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่ก แค่ก"
ในระหว่างที่หนิงซินกำลังจะเอาถ้วยจานที่ล้างเสร็จแล้วขึ้นไปเก็บ เธอฉวยโอกาสหยิบเอาถุงลิ่มเลือดชิ้นขนาดพอดีออกมาบีบ พร้อมกับกระแอมไอให้นางมู่หลีหันมามอง
แค่ก แค่ก
"นะ..นั่นอะไร อะไรแดง ๆ อยู่ในมือแก ยื่นมือออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เมื่อกี้แกเอามือไปปิดปาก อย่าบอกนะว่าแกไอออกมาเป็นเลือด เอามือมา!"
"คุณแม่ฟังฉันก่อนนะคะ ฉันอธิบายได้"
นางมู่หลีรีบพุ่งเข้าไปดึงมือของหนิงซินออกมาดู พอเห็นว่าในฝ่ามือของหนิงซินมีลิ่มเลือดอยู่จริง ๆ นางยิ่งแสดงความรังเกียจออกมามากกว่าเดิม จนเป่าเปาที่อยู่ใกล้ ๆ น้ำตาคลอ
"ตายแล้ว! นังบ้านี่ แกเป็นโรคจริง ๆ ด้วย ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ! อาผิงมาช่วยนังสองแม่ลูกนี่เร็วเข้า"
"ฮีก คุณแม่ได้โปรดอย่าไล่ฉันกับลูกเลยนะคะ ฉันกับลูกจะไปกินข้าวที่ไหนถ้าไม่ให้มาที่นี่ ฉันจะทำงานบ้านให้หนักกว่าเดิม คุณแม่อย่ารังเกียจฉันเลยนะคะ แค่วัณโรค ฉันจะไม่ทำให้ทุกคนต้องติดโรคไปด้วยแน่นอน"
"วัณโรค! มิน่าล่ะแกถึงไอออกมาเป็นเลือด ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วอย่าโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก ระหว่างนี้พวกแกจะไปหากินที่ไหนก็ไป อีก 1 สัปดาห์ฉันจะให้ปิงเฉิงมาเซ็นใบหย่าแล้วก็ตัดขาดกับแก! ออกไป!"
"อย่าไล่พวกเราเลยนะคะคุณแม่ ฮึก"
"โอ๊ย! หนวกหู คนจะหลับจะนอนก็เสียงดังรบกวนอยู่ได้ น่ารำคาญจริง ๆ แล้วแม่ไปไล่นังสองแม่ลูกนั่นทำไม ก็ปล่อยให้พวกมันทำงานไปสิ"
มู่ผิงผิง ลูกสาวคนเล็กของบ้านเดินออกมาด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว
"มันเป็นวัณโรค! โรคติดต่ออีกไม่นานก็ตายน่ะ แกรู้จักไหม"
"ห๊า! นังบ้าเอ๊ย แกสองแม่ลูกรีบออกไปจากบ้านของฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ไสหัวไป"
มู่ผิงผิงเดินไปกระชากเสื้อเสี่ยวเปาแล้วเหวี่ยงร่างเล็กจ้อยออกนอกตัวบ้าน จนหนูน้อยก้นจ้ำเบ้ากระแทกเสียงดัง อั่ก
"โอ๊ย ฮื้ออ"
"อย่าทำลูกฉัน"
หนิงซินใช้มือที่เปื้อนเลือดจับข้อมือขอมู่ผิงผิง จนทำให้เจ้าตัวที่เห็นว่ามีลิ่มเลือดติดที่ข้อมือของเธอกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาคนที่นอนอยู่ในห้องต้องรีบลุกออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
กรี๊ดดดดดดด
"นังบ้า แกเอาเลือดสกปรกของแกมาโดนตัวฉันทำไม แม่ช่วยฉันด้วย กรี๊ดดด ฉันไม่อยากติดโรคกับพวกมัน"
"รีบไปล้างมือเร็วเข้า พวกแกสองแม่ลูกรีบไสหัวไปให้พ้นบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ"
นางมู่หลีรีบพาลูกสาวไปล้างมือออก ปากของนางก็เอาแต่ขับไล่สองแม่ลูกให้ออกไปจากบ้าน
"เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องโวยวายเสียงดังแต่เช้า"
"พ่อจ๊ะ นังสองแม่ลูกนั่นมันเป็นโรคติดต่อ เมื่อกี้เลือดในมือมันมาเปื้อนแขนฉัน พ่อต้องไล่พวกมันออกไปนะ ก่อนที่มันจะเอาโรคร้ายมาติดพวกเรา"
มู่ผิงผิงรีบโผเข้าไปฟ้องบิดาที่เดินออกมาจากห้อง เมื่อมู่ชิงผู้เป็นพ่อได้ยินแบบนั้นก็เดินย่างสามขุมเข้าไปหาสองคนแม่ลูก พร้อมกับถือไม้ท่อนขนาดพอดีมือออกไปด้วย
"คุณพ่อคะ คุณพ่อฟังฉันก่อนนะคะ"
"หุบปากของเธอซะ! แล้วรีบไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้ อย่ากลับมาที่นี่อีก ปิงเฉิงกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะให้คนไปเรียก ถึงเวลานั้นหวังว่าเธอจะยอมไปหย่า เธอไม่ควรทำตัวเป็นภาระหรือตัวถ่วงของลูกชายฉัน รู้จักสำเหนียกดูข้อบกพร่องของตัวเองบ้าง กลับไปซะ"
ปัง!
มู่ชิงรีบปิดประบ้านหลังจากจัดการกับตัวปัญหาของครอบครัวเสร็จแล้ว จากนั้นเขาจึงเดินกลับเข้าไปดูลูกและภรรยาที่อยู่ในลานบ้าน
"เป็นยังไงบ้างอาผิง"
"ฉันกลัวจ้ะพ่อ ฮื้ออ อย่าให้มันเข้ามาในบ้านของเราอีกนะจ๊ะ"
"พ่อจัดการให้แล้ว ล้างมือสะอาดแล้วก็รีบไปทำกับข้าวแล้วก็ช่วยแม่เค้าทำงานบ้านเถอะ"
งานบ้านที่กองอยู่ตรงหน้าทำให้สองคนแม่ลูกกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก มู่ชิงที่เห็นแบบนั้นจึงรีบเอ่ยเตือนเสียก่อน
"..." "..."
"ทำไม ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกินอะไรทั้งนั้น หรือจะให้ไปเรียกนังตัวเชื้อโรคนั่นกลับมา"
"ไม่นะจ๊ะพี่/ไม่นะจ๊ะพ่อ"
"ถ้าไม่ก็รีบไปทำงาน ฉันจะไปโทรเรียกปิงเฉิงกลับมาเซ็นใบหย่ากับนังผู้หญิงคนนั้นให้เร็วที่สุด"
หลี่หนิงซินที่แอบฟังอยู่ก็ได้เวลาหันหลังเดินกลับกระท่อมน้อยไปพร้อมกับลูกสาวของเธออย่างมีความสุข ต้องขอบคุณเลือดหมูที่เธอพกมาแท้ ๆ จึงทำให้เธอหลุดพ้นจากบ้านมู่ได้เร็วถึงเพียงนี้ เหลือก็แต่รอเวลาเซ็นใบหย่าเท่านั้น
"เป่าเปากลับบ้านกันลูก ต่อไปนี้เราไม่ต้องมาที่บ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้ว"
"จิงหย๋อแม่จ๋า ดีตี้ฉุด ฮะ ฮะ ฮะ"
ได้เวลาทำเงินกันแล้ว