“เฮ้อ...น่ารำคาญจริง ทำไมกวนใจฉันอย่างนี้นะ” ถามตัวเองในตอนที่ยืนอยู่หน้ากระจกเงา เมื่อให้คำตอบไม่ได้ก็เข้าไปในห้องน้ำ อาบน้ำเสียใหม่ มันอาจจะทำให้เธอสดชื่นขึ้นมาบ้าง และก็จริงที่มันเป็นเช่นนั้น สมองของเธอปลอดโปร่งขึ้นตอนที่ได้อาบน้ำสระผมอย่างนี้ เธอเข้าไปแต่งตัวในห้องแต่งตัวของสามี พอกลับออกมาก็เห็นเขาออกมาจากห้องน้ำบ้าง เขาสบตาเธอเล็กน้อย ก่อนจะเดินสวนกันที่ประตูห้องแต่งตัว
“อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวนะ น้าแรมตั้งโต๊ะแล้ว” เขาบอก
คนถูกแนะไม่ใส่ใจเสียงนั้น เดินไปที่หน้าห้องน้ำ หยิบเสื้อตัวที่เขาเพิ่งถอดทิ้งขึ้นมาดู มีรอยลิปสติกของแพรดาวติดอยู่ตรงอกเสื้อเขา ตรงตามสเต็ปนางร้ายในละครเป๊ะๆ
“อ่า...นั่นมัน...” โกมินทร์เคืองนิดๆ ที่มาลุลีดันไปเห็นเสื้อที่เขาเพิ่งถอดทิ้ง เขาไม่ได้ตั้งใจ แพรดาวก็ด้วย หล่อนเผลอทำลิปสติกเปื้อนเสื้อเขาโดยไม่รู้ตัว
หญิงสาวมองเขาตาขวาง รออยู่ว่าสามีจะตอบว่าอย่างไร
“อุบัติเหตุน่ะ แพรดาวขาแพลง ฉันเลย...อุ้มเข้าบ้าน เธอเลยเผลอทำลิปสติกติดเสื้อ” เขาอธิบาย
มาลุลีพยักหน้ารับรู้ เขายังมองมาเหมือนมีอะไรจะพูดอีก
“เธออย่าคิดอะไรประหลาดๆ ล่ะ”
“ทำไมละคะ”
“เพราะสิบปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยต้องง้อผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่ของฉันน่ะสิ”
เสียงถอนหายใจดังออกมาจากปากของมาลุลี การจะรับมือคนที่พูดตรงอย่างนี้เธอควรทำเช่นไรนะ แล้วในที่สุดเสื้อของสามีก็ถูกหย่อนลงตะกร้าเช่นเดิม
“เธอโกรธไหม” เขาถาม เพราะท่าทีหล่อนไม่ได้แสดงออกชัดเจน
“ไม่รู้สิคะ รำคาญมากกว่าที่ดันรู้ทันผู้หญิงพรรค์นั้น”
“พรรค์นั้น?” เขาย้อนถามด้วยสงสัย
มาลุลีส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ยังจะมาทำเหมือนไม่เข้าใจอีก
“ก็ผู้หญิงเลวๆ ที่คิดจะตีท้ายครัวลุลีไงคะ”
“เธอก็พูดแรงไป แพรดาวไม่ใช่คนแบบนั้น เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ก็ได้”
“ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ผู้หญิงให้ท่าขนาดนั้นยังไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้จริงๆ หรือคะ” เธอถามตรงๆ จะด่าควายก็สงสารควาย ทำไมถึงโง่ขนาดนี้นะ
“ไร้สาระ” เขาเอ่ยแล้วส่ายหัว มาลุลีคงดูละครมากไป
“ค่ะ ไร้สาระก็ไร้สาระ คอยดูนะคะ ชีวิตแต่งงานของเราที่คุณเก้าอยากให้มันราบรื่นน่ะ มันไม่มีวันราบรื่นหรอกค่ะ ตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นยังอยู่ใกล้ๆ เรา เชื่อลุลีเถอะ”
“เฮ้อ...เป็นเอามากนะลุลี นี่ขนาดไม่ได้รักกันเธอยังเป็นถึงขนาดนี้ ถ้ารักฉันขึ้นมา...”
“รับรองว่าคุณแพรดาวไม่มีวันได้มาเหยียบที่นี่แน่นอน บอกแล้วไงคะว่าเป็นคนขี้หวง อะไรที่เป็นของของลุลี ถ้าลุลีไม่เบื่อ ลุลีไม่ให้ใครหรอกค่ะ คุณเก้าก็เหมือนกัน อย่ามองลุลีว่าเป็นของตาย เป็นผู้หญิงที่จะลากขึ้นเตียงเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าลืมนะคะว่าลุลีก็คิดแบบนั้นกับคุณเก้าได้เหมือนกัน”
“โอ...ฉันคงต้องมองเธอใหม่ เธอไม่เหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้”
“จะถือว่านั่นคือคำชมนะคะ ฝากเอาไว้ด้วยเรื่องคุณแพรดาว ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าอยู่กับเธอสองต่อสอง เบื่อจะคอยมาตามแก้ปัญหา อ้อ...พักนี้ไม่ค่อยกินปลาใช่ไหมคะ ไม่ค่อยฉลาดเลย” มาลุลีทิ้งท้ายแล้วยิ้มอย่างผู้ชนะ เธอหยิบเอาบางอย่างจากโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนเดินนวยนาดออกนอกประตูไป ปล่อยสามีให้ยืนอึ้งอยู่กับที่ และกว่าที่เขาจะรู้ตัวว่าถูกด่าทางอ้อม มาลุลีก็เร้นกายออกจากห้องไปแล้ว
มื้อค่ำวันนี้อิหลักอิเหลื่อเหลือทน มาลุลีนั่งเงียบๆ รับประทานอาหารในจานของตนเอง ในขณะที่แพรดาว หมั่นตักโน่นตักนี่ให้หนูเกลกับพ่อของแกไม่หยุด
“เอาไก่ทอดไหมลูก”
“ค่ะแม่” เด็กหญิงยิ้มแป้น ยินดีเสมอเมื่อมารดาเอาอกเอาใจ
แพรดาวตักน่องไก่ใส่จานให้ลูก ก่อนจะตักอีกชิ้นวางลงในจานของโกมินทร์ “ชอบไม่ใช่เหรอ กินเยอะๆ นะ” บอกเขาพร้อมรอยยิ้ม
โกมินทร์ไม่หือไม่อือ มองน่องไก่เหลืองกรอบในจานแล้วอยากจะจิ้มเข้าปาก แต่อยู่ๆ น่องไก่ก็ลอยหนีไปต่อหน้าต่อตา มันลอยไปวางลงบนจานของมาลุลีแทน ด้วยสองมือน้อยๆ ของหล่อนนั่นแหละ
“กินนี่ดีกว่าค่ะ ปลานึ่งดีต่อสุขภาพ ช่วงนี้ขาดโอเมก้าสามไม่ใช่หรือคะพี่เก้าขา...” แนะพลางยิ้มจนตาหยี
พี่เก้าขาเหนื่อยใจกับเสียงหวานๆ นั่นเหลือเกิน โอเค ก็ได้ ปลาก็ปลา ถ้าไม่กินขึ้นมาคงได้โดนด่าว่าฉลาดน้อยอีก
แพรดาวมองคนที่นั่งตรงข้ามลูกสาวตน จำต้องเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้เพียงในใจ แต่ว่า...เรื่องเมื่อหัวค่ำไม่มีผลต่อมาลุลีเลยหรือ หรือว่าเธอเล่นใหญ่ไม่พอ
“อ่า...ขอโทษด้วยนะคะ เรื่องเมื่อหัวค่ำ มันไม่มีอะไรจริงๆ นะคะ พี่เห็นน้องลุลีบนระเบียง กลัวว่าจะเข้าใจผิด”
“โอ๊ย...ไม่หรอกค่ะ ลุลีไม่ใช่เมียขี้หึงนะคะ อดีตก็คืออดีต ลุลีไม่เก็บมาใส่ใจหรอกค่า”
แพรดาวแทบจะกลืนข้าวไม่ลง แต่สีหน้านั้นปั้นแต่งให้แต้มไว้ซึ่งรอยยิ้มยินดี “แหม...ดีจังเลยนะคะ น้องลุลีใจหนักแน่นดีจัง”
“ไม่งั้นจะได้แต่งงานกับพี่เก้าหรือคะ”
เด็กหญิงจิรกานต์มองหน้ามารดาทีมองหน้ามาลุลีที ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงได้ชอบคุยกันบนโต๊ะอาหารนะ
“อะแฮ่ม! กินข้าวดีกว่าไหม มัวแต่คุยกันกับข้าวเย็นหมดแล้ว”
พอโกมินทร์เอ่ยขัด สองสาวเลยต้องยุติสงครามกลางโต๊ะอาหาร
แพรดาวรู้ซึ้งแล้วว่ามาลุลีไม่ใช่ขนมที่เธอจะเคี้ยวได้ง่ายๆ แต่ว่า การทำลายความมั่นอกมั่นใจของมาลุลีนั้นง่ายนิดเดียว คู่แต่งงานน่ะ ลองได้ระแวงแคลงใจต่อกันแล้ว รอยร้าวมันก็ลุกลามได้ง่ายๆ และในที่สุด การหย่าร้างก็เกิดขึ้นตามมา เธอจะไม่เร่งรีบ ไม่ผลีผลาม จะใช้ความเป็นแม่ของจิรกานต์ บ่อนทำลายตำแหน่งเมียของมาลุลีอย่างช้าๆ สักวันหนึ่งข้างหน้า เธอมั่นใจว่าต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน