บทที่ 7
“พี่ดีนหน้ายุ่งราวกับไปมีเรื่องกับยมบาลมายังงั้นแหละ” พาเวลทักขึ้นเมื่ออยู่ภายในห้องอาหารเพื่อทานมื้อค่ำกับพี่ชาย
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ดินิย่าร์ตอบสั้นๆ ห้วนๆ และพยายามจะไม่นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาแต่ก็ทำไม่ได้ เขาอาจจะบ้าไปแล้วก็ได้ที่รู้สึกดีที่ถูกไอ้เมซซี่มันกอด แถมยังรู้สึกร้อนผะผ่าวยามที่ถูกสายตาหวานฉ่ำของมันมองแบบจะกลืนกินอีก เขาเกลียดคนพวกนี้ไม่ใช่หรือ เกลียดพวกเพศที่สาม แล้วทำไม... ทำไมเขาถึงได้รู้สึกสับสนแบบนี้นะ
“ไม่จริงหรอกครับ ต้องมีอะไรแน่ๆ” ผู้เป็นน้องชายพยายามคาดคั้น
ดินิย่าร์กระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด “ก็บอกว่าไม่มีอะไรยังไงล่ะ นายหุบปากก่อนที่พี่จะซัดปากนายดีกว่าแพท”
“ครับคุณพี่ชาย ผมไม่เซ้าซี้แล้วก็ได้ครับ”
พาเวลเลือกที่จะยอมยุติเพราะรู้จักนิสัยของพี่ชายดีว่าหากกำลังร้อนแล้วใครหน้าไหนกล้าเข้าไปขวางก็มีแต่จะบรรลัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ดินิย่าร์ถอนใจอีกครั้ง วางช้อนลง ก่อนจะหันไปพูดกับแกรนด์คนสนิท
“ไปเรียกรวมพลบอดีการ์ดทุกคนที่หน้าตึก ฉันมีเรื่องที่ต้องการให้ทุกคนทราบ”
“ครับนาย”
แกรนด์ออกไปแล้ว ดินิย่าร์กำลังจะลุกขึ้นและเดินออกไป แต่พาเวลน้องชายเอ่ยถามด้วยความข้องใจเสียก่อน
“พี่ดีนมีอะไรกับพวกบอดีการ์ดหรือครับ ทำไมเรียกรวมพลตอนค่ำแบบนี้”
ดินิย่าร์ปรายตามองน้องชาย “นายออกไปฟังด้วยสิ แล้วก็จะรู้ว่าพี่มีเรื่องอะไร”
แล้วผู้เป็นพี่ชายก็เดินออกไป พาเวลมองตามไปด้วยความสับสนก่อนจะลุกขึ้นและเดินตามออกไปอีกคน
“ที่ฉันเรียกพวกนายมาในวันนี้ก็เพราะมีบางเรื่องที่ฉันต้องการให้พวกนายปฏิบัติอย่างเคร่งครัด”
ดินิย่าร์เอ่ยทันทีเมื่อทุกคนมาพร้อมๆ หน้า เขาพยายามไม่มองไปทางเมลิน่าที่ตอนนี้อยู่ในคราบของเมซซี่ แต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องจับจ้องดวงหน้าหวานๆ ของมันอย่างไม่มีทางเลือก
บ้าชะมัด ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ
“ฉันคิดว่าพวกนายคงจะจำกฎทั้งเก้าข้อของเซอร์คอฟกันขึ้นใจแล้ว”
“ครับนาย พวกเราจดจำและปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดเลยครับ” หนึ่งในบอดีการ์ดร่างบึกคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
“วันนี้ฉันมีกฎใหม่อีกหนึ่งข้อที่ต้องการให้พวกนายจำและทำตาม”
“อะไรหรือครับนาย”
แกรนด์คนสนิทของดินิย่าร์เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย ซึ่งความสงสัยนี้ก็เป็นความสงสัยเดียวกันกับทุกๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าดินิย่าร์นั่นแหละ
“คนของเซอร์คอฟจะต้องเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ห้ามกายเป็นชาย ใจเป็นหญิงเด็ดขาด”
คนทุกๆ ที่ได้ฟังหันมองหน้ากันก่อนจะอมยิ้มด้วยความขบขัน จากนั้นหนึ่งในบอดีการ์ดก็เอ่ยแย้งขึ้นมา
“พวกผมก็เป็นผู้ชายทั้งแท่งกันทุกคนนะครับนาย กายก็ชาย ใจก็ชายครับ”
ดินิย่าร์หรี่ตาแคบจ้องหน้าเมลิน่าเขม็ง ก่อนจะเค้นเสียงดูแคลนขึ้นมา
“พวกนายน่ะใช่ แต่มันมีบางคนที่ไม่ได้เป็นแบบพวกนาย หรือบางทีอาจจะพยายามปิดบังเอาไว้”
“ผมเปล่านะฮะ...”
เมลิน่าในคราบของเมซซี่รีบแก้ตัวขึ้น และนั่นก็ทำให้ทุกคนมองมาที่หล่อนเป็นตาเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่พาเวลคนที่รับหล่อนเข้ามาร่วมงาน
“แล้วใครไปว่าแกกันล่ะไอ้เมซซี่”
พาเวลหัวเราะขบขันกับท่าทางร้อนตัวของเมลิน่า แต่ที่น่าหัวเราะมากกว่านั้นก็คือกฎข้อใหม่เอี่ยมของพี่ชายตัวเองต่างหาก
“คือผม... ผมเห็นนายใหญ่มองผมตลอดเวลา ก็เลยนึกว่าจะเข้าใจผมผิด”
ดินิย่าร์หน้าตึง ก่อนจะเค้นเสียงเลือดเย็นออกมา “ฉันให้โอกาสนายอีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้นเมซซี่ ถ้าต่อไป นายยังแสดงกิริยาตุ้งติ้งให้ฉันเห็นอีกละก็ นายเตรียมตัวถูกโยนออกไปจากเซอร์คอฟได้เลย”
แล้วคนพูดก็หมุนตัวกระแทกเท้าเดินจากไปอย่างหงุดหงิด พาเวลมองตามร่างของพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ
“พี่ดีนกินยาไม่ได้เขย่าขวดแหงเลยถึงได้คิดกฎน่าขันแบบนี้ขึ้นมา”
พาเวลพึมพำ ก่อนจะหันมาโบกมือไล่ให้บรรดาบอดีการ์ดตรงหน้าไปพักผ่อน จากนั้นก็กำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้องอาหารอีกครั้ง แต่ระหว่างทางก็สวนกับมะปรางเสียก่อน และหญิงสาวก็ยังแสดงท่าทางตัวสั่นเทาเหมือนเดิม
“ฉันไม่ใช่ผี ไม่จำเป็นต้องก้มหน้าหลบตา และตัวสั่นแบบนี้หรอก” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินจากไป
มะปรางมองตามเรือนกายสูงใหญ่ของพาเวลไปจนลับสายตา หล่อนไม่ได้กลัวเขา ไม่ได้รังเกียจเขาแม้แต่น้อย แต่ทว่าหล่อนกลัวหัวใจของตัวเองต่างหากล่ะ กลัวว่าหากสบตาแล้วเขาจะรู้ว่าหล่อนคิดยังไง กลัวว่าหากเข้าใกล้แล้วหล่อนจะไม่สามารถหยุดยั้งความรักที่มีต่อเขาได้อีก เพราะอย่างนี้ไงหล่อนถึงต้องหลบตา หลบหน้าเขาอยู่แบบนี้
หญิงสาวคิดอย่างเจ็บปวดก่อนจะก้าวเท้าเดินจากไป