สารวัตรมาวินพาหญิงสาวมาขึ้นรถที่เดิมก่อนจะพากันขับออกมาจากหน้าบ้านของหญิงสาว ตลอดทางชายหนุ่มก็แกล้งเธอไม่หยุดจับนั่นจับนี่ตลอดจนหญิงสาวต้องตีมือเป็นพักๆเพราะเธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่
“คุณอย่าแกล้งหนูสิคะกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่”
“ก็อ่านไปสิ”
“แต่หนูไม่มีสมาธิเลยค่ะ คุณกำลังทำให้หนูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องนะ”
เธอบ่นออกมาเสียงจริงจัง เขาจึงคิดว่าจะหยุดแกล้งเธอแค่นี้พอจะได้ปล่อยให้เธอตั้งใจอ่านหนังสือไปชดเชยที่เมื่อคืนเขานอนกอดเธอทั้งคืน
“ก็ได้ไม่แกล้งแล้วก็ได้ แต่ว่าต้องหอมแก้มพี่ก่อนนะ”
ชายหนุ่มจอดไฟแดงตรงสี่แยกยื่นแก้มไปให้หญิงสาวทำตามความต้องการของตัวเอง นับดาวพ่นลมหายใจออกทางปากอย่างเซ็งๆก่อนจะหันไปหอมแก้มชายหนุ่มอย่างแรงถึงจะแอบเขินก็เถอะแต่ก็ต้องทำเข้มไว้ก่อน
“พอใจนะคะ”
“จุ๊บ”
“งื้อ มาหอมแก้มหนูทำไมเนี่ย”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างสนุกยื่นมือไปยีผมหญิงสาวเล่นก่อนจะขับรถไปต่อเมื่อสัญญาณไฟกลายเป็นสีเขียว นับดาวสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่มอย่างงอนก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างตั้งใจเพราะวันนี้มีสอบก่อนเรียนด้วยเดี๋ยวจะไม่ได้ท็อปของห้องซึ่งเธอได้มาตลอด
สารวัตรมาวินเหลือบสายตามองหญิงสาวเป็นพักๆเธอในตอนนี้ตั้งใจอ่านหนังสือมากจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย ตอนแรกเขาเปิดเพลงคลอเบาๆแต่พอเห็นหนูน้อยนับดาวตั้งใจอ่านก็เลยปิดให้ทุกอย่างเงียบเธอจะได้มีสมาธิ เขาแวะคาเฟ่ใกล้มหาวิทยาลัยลงไปซื้อขนมและเครื่องดื่มหลายอย่าง
“ทั้งหมดสามร้อยยี่สิบบาทค่ะ”
“นี่ครับ”
เขาจ่ายเงินเรียบร้อยก็ขึ้นมาที่รถพร้อมกับส่งขนมไปให้หญิงสาว เธอเงยหน้ามองสบตากับชายหนุ่มก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณที่เขามีน้ำใจซื้อมาให้
“อ่ะพี่ซื้อให้กินด้วย”
“ขอบคุณค่ะ ใจดีอะไรเนี่ย”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเบาเปิดถุงดูมีแต่ของที่เธอกินได้ทั้งนั้นถือว่าเลือกได้ดีพอสมควร
“พี่ใจดีกว่านี้อีกแต่หนูไม่รับไว้เอง คิดในแง่ลบตลอดว่าพี่ให้เงินเพราะต้องการนอนกับหนู”
“ก็หรือไม่จริงคะ…”
เธอมองเขาอย่างระแวงในใจตอนนี้ก็ไม่คิดว่าเขาจริงใจกับเธอจริงๆหรอก ก็แค่คิดว่าช่วงนี้เขากำลังหลงเธอถึงได้อยากให้นั่นนี่ทุกอย่างแต่ถ้าวันหนึ่งเขาเบื่อบางทีอาจจะไม่มีแบบนี้ก็ได้หรือไม่ก็ทิ้งเธอไปเลยไม่สนใจอีก
“เห็นพี่เป็นคนยังไงคะ”
“ตอนนี้เหมือนคุณกำลังเห่อของใหม่ คนมันอยากได้อะไรมันก็ดีหมดแหละ ถ้าวันหนึ่งคุณเบื่อขึ้นมาก็คงทิ้งหนู ถึงตอนนั้นคุณไม่เป็นแบบนี้หรอก”
เธอเอ่ยออกมาตามความจริง คนอย่างเธอไม่มาอ้อมค้อมให้เสียเวลาหรอกมันเสียเวลาชีวิตมาก อายุแค่นี้มีอะไรให้ทำตั้งมากมายถ้าเธอต้องมาคิดมากกับทุกเรื่องคงไม่ก้าวหน้าไปไหน สารวัตรมาวินกุมมือหญิงสาวเอาไว้บีบเบาๆเพื่อให้เธอรับรู้ความรู้สึกของเขาว่าไม่คิดที่จะหลอกลวงอะไรเธอเลยสักนิด
“พี่บอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบหนูทุกอย่าง ทำไมถึงขี้ระแวงแบบนี้นะเรา”
“ผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอคะ”
“เคยมีแฟนเหรอถึงได้รู้ดีขนาดนี้”
เขาหลุดขำออกมาทันที ไม่เคยแม้แต่นอนกับผู้ชายสักคนทำมาเป็นรู้ดีว่าใครเป็นยังไง
“ในละครก็มีให้เห็น คนรอบข้างก็มีตัวอย่างให้ดูนี่คะ ผิดเหรอที่หนูคิดแบบนี้”
“ไม่ผิดค่ะแต่นี่มันโลกแห่งความเป็นจริง มันมีดีเลวปะปนกันไป เอางี้พี่จะพิสูจน์ตัวเองว่าจริงใจกับหนูจริงๆไม่ได้เป็นเหมือนตัวร้ายในละคร เอาแบบนี้ดีมั้ย”
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาสับสน ทำไมเธอต้องให้เขาพิสูจน์ตัวเองด้วยล่ะในเมื่อเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
“พิสูจน์ตัวเองทำไมคะเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
เธอหลบสายตาของเขาไม่ยอมสบตาไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองรู้สึกยังไงในตอนนี้ แต่ว่ามองยังไงก็ไม่เห็นอนาคตร่วมกันเขาคือสารวัตรตำแหน่งหน้าที่การงานดีในขณะที่เธอกำลังเรียนยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ
“ก็เป็นสิพี่อยากเป็นนะ”
“คุณเป็นสารวัตรส่วนหนูยังเรียนไม่จบเลยค่ะ เราไม่เหมาะสมกันหรอก”
“ทำไมคิดแบบนั้นความเหมาะสมเค้าวัดกันตรงไหนเหรอ… ตอนพี่อายุเท่าหนูยังเป็นตำรวจยศไม่ใหญ่โตอะไรเลย ถ้าหนูอายุเท่าพี่ตอนนี้อาจจะมีตำแหน่งสูงกว่าก็ได้คนเรามันพัฒนากันได้อย่าคิดแบบนี้อีกนะ”
ชายหนุ่มไม่อยากให้เธอคิดว่าตัวเองเป็นลูกแม่ค้าไม่เหมาะสมกับเขาที่เป็นตำรวจ เขาจะเลือกใครสักคนเป็นคู่ชีวิตก็ต้องมองโดยรวมทั้งนิสัย การใช้ชีวิตต่างๆซึ่งเธอมีพร้อมที่เขาต้องการ นับดาวมองเขาตาใสแป๋วพยายามทำความเข้าใจเรื่องที่เขาพูดมาซึ่งถือว่าเขามีทัศนคติที่ดีกับเพื่อนร่วมโลกนะ
“แต่หนูยังไม่อยากมีแฟนค่ะอยากเรียนให้จบก่อน”
“พี่รอได้ไม่เป็นไรหรอก เราก็ทำความรู้จักกันไปคุยกันไปเรื่อยๆพี่ก็ไม่ได้เร่งรีบอะไรสักหน่อย แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพี่ขี้หวงหนักมากด้วย”
“ไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาหวงได้ยังไง”
เธอดึงมือตัวเองกลับเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมพร้อมสำหรับการไปเรียนในตอนเช้า สารวัตรมาวินดึงหญิงสาวเข้ามากอดก่อนจะเอ่ยเสียงดุ
“ก็ลองดูสิจะหาว่าไม่เตือน”
“ไหนบอกจะไม่ขู่แล้วไงคะ”
“หมายถึงว่าขู่เรื่องที่เรามีอะไรกันกับแม่หนูต่างหากส่วนเรื่องอื่นไม่ได้สัญญา”
เขาตีเนียนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และนั่นทำให้หญิงสาวรู้ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจรมันเป็นยังไง
“ไม่มีสัจจะเลยเป็นตำรวจซะเปล่า”
“ไหนหลักฐานที่พี่สัญญาไว้ล่ะ”
เขายักคิ้วอย่างกวนๆโน้มใบหน้าไปจูบหญิงสาวอย่างอ่อนโยนจนเธอเผลอเคลิ้มไปกับสัมผัสของเขา และเมื่อได้สติว่ามันไม่ทันแล้วเธอจึงดันตัวเขาออกจากนั้นก็กระแอมออกมาเสียงเบา
“หนูจะเข้าเรียนไม่ทันแล้วค่ะ งั้นเราก็คุยกันไปก่อนก็ได้หนูจะให้คำตอบคุณตอนที่หนูเรียนจบ”
“นานมั้ยอ่ะ”
“ไม่ถึงปีหรอกค่ะนี่ก็ใกล้ฝึกงานแล้วถ้าเรียนจบเมื่อไหร่หนูจะให้คำตอบคุณนะคะ”
เธอยิ้มออกมาและยอมที่จะคุยกับเขาต่อไปโดยมีสถานะคือคุยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆและคิดว่าการคุยในแบบของเขาคือหาทางให้เธอไปนอนค้างด้วยบ่อยๆแน่นอนซึ่งเธอทำใจไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ และถ้าเขาจริงใจกับเธอและอดทนรอได้ถึงตอนนั้นเธอจะยอมให้เขาเป็นแฟนก็ได้
“สัญญาแล้วนะว่าถ้าเรียนจบหนูจะเป็นแฟนกับพี่”
“หนูบอกว่าจะให้คำตอบ”
“ไม่รู้แหละพี่เข้าใจว่าแบบนั้น โอเคตกลงตามนี้เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หน้าตึกเลย”
เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพื่อส่งหญิงสาวไปเรียนหนังสือ นับดาวมองเขาหน้ามุ่ยทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้หน้ามึนมากขนาดนี้เนี่ย เอาจริงเขาร้ายกว่าเธออีกนะร้ายมากเลยด้วย
“คุณก็แบบนี้ตลอดแหละไม่เคยจะฟังที่หนูพูดเลย”
“ตึกหนูอยู่ตรงไหนนะ”
เขาไม่สนใจจะคุยเรื่องก่อนหน้านี้เลยเปลี่ยนเรื่องไปเป็นอย่างอื่นและนั่นทำให้หญิงสาวหน้างอง้ำใบหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆชี้นิ้วไปยังตึกหน้าทางเข้า
“ตรงนั้นค่ะ”
“โอเคถึงแล้ว พี่รอแถวนี้นะคะเลิกเรียนแล้วจะรับไปเที่ยว”
“ค่ะ… งั้นเลิกเรียนแล้วหนูจะโทรหาค่ะ”
เขาโน้มใบหน้าไปจูบหน้าผากหญิงสาวอย่างแผ่วเบาแววตาที่มองเธอมันอ่อนโยนมากจนเธอรู้สึกอบอุ่นเพราะไม่เคยได้รับสัมผัสที่อ่อนโยนแบบนี้มาก่อน
“ตั้งใจเรียนนะคะขาดเหลืออะไรบอกพี่ พี่สามารถซัพพอร์ตหนูได้ทุกอย่าง”
“คนมันรวยอ่ะเนาะจะพูดยังไงก็ได้”
“ก็ไม่เถียงนะพอตัวอยู่…”