EP.8 ชีวิตที่ไร้ค่า
ซอกตึกโรงพยาบาล ROMI
ร่างบางเดินออกมาจากโรงพยาบาลทั้งน้ำตา เธอหามุมเงียบ ๆ ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมาทันที
หยดน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มของเธออย่างไม่อาจฝืน
มือเล็ก ๆ เอื้อมไปแตะหยาดฝนตรงหน้า ท้องฟ้าที่มืดมนและฝนที่เทกระหน่ำลงมา มันช่างเข้ากับชีวิตของเธอจริง ๆปลายฝนหญิงสาวที่เกิดมาในครอบครัวที่เหมือนจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง บ้านเธอมีฐานะกลาง ๆ มีพ่อมีแม่ครบสมบูรณ์ มีพี่ชายมีน้องชาย แต่น่าแปลกที่ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าตัวเองเปรียบเสมือนส่วนเกินในครอบครัวเข้าไปทุกวัน ๆ
ย่าที่รักและเมตตาเธอก็มาด่วนจากไปเสียก่อน นับจากวันที่ย่าได้จากไป คำว่าส่วนเกินมันก็เหมือนจะยิ่งชัดเจนมากขึ้นทุกที
"ถ้าวันนี้เป็นฉันที่ประสบอุบัติเหตุ พ่อกับแม่ก็คงไม่ดิ้นรนอะไรแบบนี้แน่ ๆ " ปลายฝนพูดออกมาทั้งน้ำตา เธอรู้สึกปวดหัวตุบ ๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลย
ในตอนที่เธอรู้สึกอ่อนแอ จู่ ๆ ควันจาง ๆ ก็ลอยมาปกคลุมไปทั่วร่างกายของเธอ ปลายฝนปวดหัวและหนาวเหน็บกายเพราะเสื้อผ้าของเธอมันยังชื้นอยู่เลย จากตอนที่เธอวิ่งออกมาเปิดประตูรั้วบ้านให้กับพ่อแม่
"โอ้ย นี่จะตามหลอกตามหลอนอะไรนักหนาวะ ไอ้ผะ (ผีนรก) " ปลายฝนหมดความอดทนแล้วจริง ๆ เธอลุกขึ้นได้ก็หันกลับไปตั้งท่าจะด่า แต่ทว่า...กลิ่นควันจาง ๆ นั้นมันลอยมาจากปลายบุหรี่ของ ตาหมอปากร้ายคนเดิมที่เธอรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลยตั้งแต่แรกเจอ
ร่างสูงที่อยู่ในชุดนักศึกษาแพทย์แท้ ๆ แต่กลับยืนสูบบุหรี่ได้อย่างหน้าตาเฉย เขาเอียงคอมองทางปลายฝนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ปลายฝนรีบยกมือปาดน้ำตาตัวเองแบบลวก ๆ ก่อนจะยืนหยัดขึ้นมาแม้ว่าร่างกายจะหนาวจับสั่นอย่างเห็นได้ชัดเจน
"นายเป็นหมอนะ...สูบบุหรี่ได้ด้วยเหรอ" ปลายฝนขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามทางฝั่งของซีแอลไป
"หมอก็คนเหมือนกัน มีเครียด มีเหนื่อยและมีเวลาส่วนตัว" หมอซีแอลโต้กลับก่อนจะยื่นบุหรี่ที่ยังสูบไม่ทันถึงครึ่งมวนดี ไปที่เม็ดฝนจนไฟที่จุดดับลงสนิทแล้วเขาถึงโยนทิ้งลงถังขยะที่อยู่ไม่ไกล
"แค่เห็นว่ามันแปลกดี" ปลายฝนตอบกลับไปเบา ๆ
"ฉันก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน แปลก ๆ แบบเธอเหมือนกัน" หมอซีแอลพูดทิ้งท้ายเอาไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าโรงพยาบาลไป
"เออขอถามอะไรหน่อยสิ...แล้วเรื่องที่นายบอกกับพ่อแม่ว่าน้องชายของฉันต้องการเลือดด่วนอะ" ปลายฝนเดินตามหลังของหมอซีแอลไปติด ๆ
"ทางโรงพยาบาลหาเลือดให้เขาได้พอไหม" เธอถามต่อด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าจะโกรธพ่อมาก ๆ แต่เธอก็มองเห็นต้นหนาวตายไปต่อหน้าไม่ได้เหมือนกัน
"ไม่รู้" หมอซีแอลก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเล็กน้อย
"ทะ...ทำไม/ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานของฉันแล้ว" ยังไม่ทันที่ปลายฝนจะถามต่อ หมอซีแอลก็พูดแทรกขึ้นพร้อมกับถอดเสื้อกาวน์ออก และปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกสองถึงสามเม็ดเพื่อความสบาย
"ก็แล้วถ้านายจะช่วยตอบแค่สองสามประโยคไม่ได้เลยรึไง" ปลายฝนยังคงถามเขาต่อไม่หยุด เพราะให้แบกหน้ากลับไปถามพ่อกับแม่ มีหวังเธอโดนสองคนนั้นตีไม่เลี้ยงแน่เลย
"ฉันออกเวรแล้ว!" หมอซีแอลย้ำอีกครั้งพร้อมกับถอดชุดกาวน์ออกทันที
"คือฉันต้องการบริจาคเลือดเพื่อช่วยน้องชายของฉันอะ..."
ปลายฝนเดินไปจับแขนของเขาอย่างลืมตัว
"แต่สภาพเธอตอนนี้มันบริจาคไม่ได้หรอก" หมอซีแอลส่ายหน้า เขาเดินมาหยุดที่หน้าห้องพักส่วนตัว ก่อนจะหันไปมองมือของปลายฝนที่จับแขนของเขาอยู่ด้วยสายตานิ่ง ๆ
"ทำไมถึงบริจาคไม่ได้ล่ะ" ปลายฝนยอมปล่อยมือออกจากแขนของเขา และเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงบางเบา
พรึบ! ฝ่ามือหนาทาบลงบนหน้าผากของเธอ สายตาคมคายจ้องตรงมาที่ดวงตาของเธอนิ่ง ๆ
"เธอมีไข้ หนาวสั่น แบบนี้คือคนไม่สบาย และคนไม่สบายไม่สามารถบริจาคเลือดได้" หมอซีแอลตอบกลับไปก่อนจะลดมือลงช้า ๆ แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าที่เด่นชัดอยู่บนใบหน้าของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
"แต่ชีวิตของน้องฉันสำคัญกว่า" ปลายฝนตัดสินใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ร่างบางของเธอสั่นเทาด้วยพิษไข้
"...สำคัญกว่าชีวิตของตัวเธอเองงั้นเหรอ" หมอซีแอลค่อย ๆ หันกลับมามองที่หญิงสาวแปลกหน้าคนเดิมอีกครั้ง
"ใช่...และชีวิตของน้องชายกับพี่ชายสำคัญสำหรับพ่อและแม่ มากกว่าชีวิตของฉัน" คนตัวเล็กตาลอย ๆ ใบหน้าของเธอขาวซีด ไอร้อนจากตัวเธอส่งผ่านมายังเขาจนสามารถรับรู้ได้เลย
"ฉันต้องการบริจาคเลือด (ฟุ่บ) " ปลายฝนที่ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี จู่ ๆ ทุกอย่างมันก็ดับวูบไปอย่างกะทันหัน โชคดีที่เธอไม่ได้ยืนอยู่ไกลจากหมอซีแอลมากนัก เขาก็คว้าตัวของเธอเอาไว้ได้ทัน
"ฉันจะคิดล่วงเวลางานจากเธอยังไงดี" เขาพ่นลมหายใจออกมา ก่อนจะจำใจต้องอุ้มปลายฝนกลับเข้าไปนอนในห้องพักส่วนตัวของแพทย์ของตัวเอง