บทที่ 1 การเจอกันของราชสีห์หนุ่มกับกวางน้อย
บทที่ 1
การเจอกันของราชสีห์หนุ่มกับกวางน้อย
คอนโดมิเนียมหรูกลางกรุง
เสียงกระเส่าของชายหญิงคู่หนึ่งดังแบบไม่สนใจว่าใครจะมาได้ยิน
ภาพตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สวมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกสุดหรู เสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมทุกเม็ดเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแน่น ที่บ่งบอกว่าเป็นคนออกกำลังกายอยู่เสมอ ท่อนล่างไม่มีอาภรณ์ใดๆมาปกปิด หากแต่เห็นศีรษะของหญิงสาวที่นั่งกับพื้นอยู่ตรงหว่างขาของเขา เธอกำลังดูดเลียท่อนเอ็นยักษ์อย่างมัวเมาเหมือนท่อนเอ็นยักษ์เป็นไอติมที่ต้องดูดกินก่อนจะละลาย
“ ซี้ด... .. เข้าไปอีก ลึกกว่านี้” มือใหญ่กดศีรษะหญิงสาวให้อมดูดท่อนเอ็นเข้าไปให้จมมิด ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
อ๊อกๆๆๆ เสียงจังหวะการกลืนน้ำลายชองหญิงสาว ดังขึ้นยิ่งกระตุ้นให้มือใหญ่กดหัวเธอไว้ แล้วโยกบั้นท้ายส่งแก่นกายเข้าไปในปากของเธอ
“ ซี้ดๆๆๆๆ ดีจัง แต่พอก่อน...” ปล่อยมือจากหัวของหญิงสาว เธอลุกไปหยิบซองฟลอยร์สีเงินที่วางอยู่โต๊ะข้างๆ ฉีกซองนำสิ่งในนั้นมาสวมบนตัวตนที่ขยายพองของชายหนุ่ม
เธอจับแก่นกายใหญ่เขารูดขึ้นลงติดกันหลายครั้ง ก่อนจะนั่งคร่อมบนตัวชายหนุ่มแล้วกดตัวเองลงกลืนกินท่อนเอ็นที่แข็งขืนรออยู่แล้ว
“โอ้ว...คุณอเล็กซ์.....” เสียงร้องครางด้วยความเสียวซ่านพร้อมกับขยับร่างกลืนกินแก่นกายของชายหนุ่มจนมิดแท่ง เขาจับเอวคอดขยับช่วย พร้อมกับสอดประสานสวนการกดขึ้นลงของเธอ
“ ดีจริงๆๆ คุณอเล็กซ์ขา เสียวสุดๆๆ “
“อืม.... เร็วอีก แรงอีก มิเชล”
“ ได้....โอ้ว.. จะถึงแล้ว คุณอเล็กซ์ มิเชลจะไม่ไหวแล้ว” เสียงร้องครวญครางโหยหวนของมิเชลดังขึ้นแทบทุกครั้งที่เขาขยับสะโพกสวนการ กดกระแทกของเธอ ร่างเล็กแกร็งสั่นสะท้านสมองขาวโพลงบ่งบอกว่าเธอไปแตะถึงขอบสวรรค์แล้ว
หญิงสาวเลื่อนตัวออกจากแก่นกายที่ยังขยายใหญ่ เธอดูดดึงรูดขึ้นลงเหมือนท่อนเอ็นเป็นของเล่นของเธอ สายตาฉ่ำหวานถูกส่งไปยังชายหนุ่มที่มองสบตามา
โซฟาที่นั่งอยู่ถูกปรับให้เป็นที่นอน ร่างสาวที่เปลือยเปล่านอนรอความสุขที่จะได้รับด้วยแววตาเปี่ยมสุข ชายหนุ่มจับตัวตนของตนเองรูดขึ้นลง แล้วแยกขามิเชลออกจากกัน จากนั้นก็กดดันตัวเข้าไป
“ โอ้ว..... อเล็กซ์ มันดีมากๆๆ”
“ใจเย็นๆ...”พูดจบชายหนุ่มก็กดแก่นกายร้อนเข้าไปทีเดียวจมมิด มือหนาขย้ำภูเขาสองลูกที่อยู่ตรงหน้า
“อืม... อาร์ ดีจังเลยคะ อเล็กซ์ เข้ามาอีกๆๆ” เสียงร้องครวญครางขอแทบไม่ภาษาเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ให้เขาอัดท่อนเอ็นใหญ่ยักษ์เข้าไปอย่างไม่ออมแรง อารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรมาดับได้นอกจากการใส่แรงอัดลงไปอย่างบ้าคลั่ง
“ แรงๆๆ ใช่ไหม ได้ ” เขาโยกสะโพกเข้าหาอย่างแรง เร็ว เสียงหายใจหอบถี่ มือขย้ำไปบนภูเขาสองลูกที่ขาวโพลนตรงหน้าหนักหน่วงขึ้นยิ่งกระแทกเข้าไปแรงเท่าใดการขย้ำก็แรงตามไปด้วย
กายแกร่งที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอกดใส่หญิงสาวอย่างกระแทกกระทั้นไม่มีการออมแรง ส่งผลให้หญิงสาวใต้ร่างร้องคราญครางไม่ขาด
ตับ ตับ ตับ ...
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้น ดังขึ้น ปะปนกับเสียงหายใจหอบถี่ของทั้งสองคน
“ โอ้ว.. จะไม่ไหวแล้ว แรงอีกๆ อเล็กซ์ขา แรงอีก” เสียงร้องขออย่างไม่อายดังขึ้นทุกครั้งที่ชายหนุ่มกระแทกเอ็นใหญ่ยักษ์เข้าไปในโพรงสวาทของเธอ น้ำหวานไหลเยิ้มออกมาจำนวนมากแสดงถึงความสุขที่หญิงสาวได้รับอีกครั้ง
ตับ ตับ ตับ ....
แรงกระแทกเข้ามาอย่างไม่ขาดจังหวะ เสียงสูดหายใจของชายหนุ่มที่ใกล้ถึงขีดสุด
“อ้าก......” ร่างหนาปวดหนึบตรงกลางกาย แล้วกระตุกเกร็งสั่นสะท้าน ชักอาวุธร้ายออกจากร่างสาว มือรูดถอนถุงยางที่ห่อหุ้มตัวตนออก มิเชลรีบลุกขึ้นมารับแก่นกายร้อนมาไว้ในอุ้งมือ เธอจับท่อนเอ็นรูดขึ้นลงพร้อมกับดูดเลียรอบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะพ่นน้ำกามใส่ปากหญิงสาวที่อ้ารออยู่เธอกลืนกินน้ำกามราวกับเป็นน้ำหวานที่อร่อยมากๆแล้วดูดเลียท่อนเอ็นยักษ์อย่างกระหาย
ชายหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องน้ำหลังจากนั้น หญิงสาวลุกขึ้นมาหาเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มห้องรับแขกมาสวมใหญ่
“เช็คอยู่บนโต๊ะ”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินออกไปจากห้องโดยไม่หันหลังมามองหญิงสาวอีกเลย ไม่แม้จะถามว่าเธอจะกลับยังไงเพราะตอนมาชายหนุ่มให้ลูกน้องไปรับเธอมาจากงานเดินแบบที่เธอไปทำงาน หญิงสาวคุ้นชินกับอาการเย็นชาของชายหนุ่ม เขาจะร้อนแรงเป็นไฟตอนที่อยู่บนตัวของเธอเท่านั้น เสร็จกิจกามเขาจะกลับมาเป็นชายหนุ่มเย็นชา หน้านิ่ง ตามเดิม
“เย็นชาจริงๆ สักวันฉันจะทำให้คุณรักฉันให้ได้ คอยดู”
...
ณ ผับหรูกลางกรุง
ลัมโบร์กินีสีดำคันหรูแล่นเข้ามาจอดในลานสำหรับวีไอพีเท่านั้น ชายหนุ่มร่างสูงไม่ต่ำกว่า 190 ซม เปิดประตูลงมาจากรถด้วยหน้านิ่งเรียบเฉย แต่กระนั้นก็ดึงสายตาจากทุกคนได้ ความหล่อที่พุ่งออกมาเป็นการผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออกแต่ก็ลงตัวในคนๆเดียว ผมสีดำ หน้าคม ตาโต จมูกโด่ง ผิวสีขาว ทุกอย่างเมื่อรวมตัวกันแล้วเป็นชายหนุ่มที่เรียกสายตาได้จากทุกคน
ลัมโบร์กินีสีแดงเข้ม วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วจอดนิ่งไม่ไกลจากลัมโบร์กินีสีดำ ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด สูงประมาณ 180 ซม ผิวขาว ตาเรียวเล็ก หน้าตาขี้เล่น ดูอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาเปิดประตูรถลงมา พร้อมกับเปิดยิ้มกว้างแจกสาวๆๆ ให้ร้องกริ๊ดกันแทบสลบ
ชายหนุ่มสองคนสบตากัน คนหน้าตี๋ขี้เล่นยิ้มให้อย่างหยอกเย้า แต่อีกคนมองนิ่งๆ สีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยื่นมือมาแตะทักทายมือที่ยื่นมาก่อน ก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปภายในผับหรู โดยมีบอดี้การ์ดในชุดสีดำเดินตาม
แสงสลัวๆภายในผับคลอเคล้ากับเสียงดนตรีที่บรรเลงโดยนักดนตรีบนเวที ไม่สามารถหยุดยั้งการก้าวเดินของคนหน้านิ่งได้ หากแต่กับหนุ่มอารมณ์ดี มีการหยุดทักทายสาวๆและโบกมือให้นักร้องนักดนตรีบนเวทีเป็นระยะๆ
“วันนี้มีปัญหาอะไรไหม คุณปกรณ์” เสียงราบเรียบจากคนหน้านิ่งถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเหมือนหน้าตา
“ ทุกอย่างปกติครับ คุณอเล็กซ์” ผู้จัดการผับแจ้งให้ คุณอเล็กซ์หุ้นส่วนใหญ่ของผับทราบทันที เพราะรู้ว่าตนหากชักช้าอาจโดยระเบิดอารมณ์จากชายหนุ่มคนนี้ได้ง่ายๆ
“แกจะถามคำถามเดิมๆทุกวันทำไมวะ อเล็กซ์” เสียงจากแฮรี่หนุ่มอารมณ์ดีส่งถึงอเล็กซ์ในทำนองสัพหยอก
“แกหุบปากไปเลยนะแฮรี่ ดูแลในส่วนของตัวแกเองให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้มีปัญหา”
“คร๊าบๆๆๆๆ เจ้านายใหญ่” แฮรี่เอ่ยอย่างล้อเลียนก่อนเผ่นแน่บ ออกไป เพราะหากช้าอาจโดยบาทาจากคนตัวใหญ่กว่าได้
อเล็กซ์ สิงห์ราช กัสโตโน่ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย อิตาลี อายุ 29 ปี ได้เค้าหน้าความคมเข้ม จมูกโด่ง ความสูง มาจากบิดาที่เป็นชาวอิตาเลี่ยน ส่วนผมสีดำ ตาโต ผิวขาว มาจากมารดาซึ่งเป็นคนไทย เขาเป็นคนที่เด็ดขาดทางธุรกิจและสามารถเปิดผับร่วมกันกับเพื่อนด้วยเงินทุนตัวเองตั้งแต่อายุเพียง 25ปี อีกทั้งยังเป็นรองประธานบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่บิดาเป็นประธานอยู่
แฮรี่ อนัตชัย โชคไพศาล หนุ่มไทยจีน อายุ 29 ปี ที่มีดวงตาตี๋ขี้เล่น ผิวขาวสไตล์เกาหลีที่สาวๆหลงใหล เขาร่วมทุนเปิดผับกับเพื่อนรักอย่าง อเล็กซ์ และยังครองตำแหน่งรองประธานบริษัทเรือสำราญของบิดาอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย
สองหนุ่มเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน ส่วนพ่อนั้นมาจากคนฟากโลก ราฟาแอลเป็นมาเฟียอิตาเลี่ยนตกหลุมรักสาวไทย เหมือนกับปีเตอร์ มาเฟียฮ่องกง ที่ตกหลุมรักสาวไทยเช่นกัน
ชายหนุ่มทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน แต่นิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เหมือนขาวกับดำ คนหนึ่งนิ่ง เยือกเย็น คนหนึ่งอารมณ์ดีขี้เล่น อบอุ่นจนร้อนเหมือนไฟ
“วันนี้ มีสาวๆมาสมัครงานตำแหน่งเด็กเสิร์ฟ ไม่ทราบว่าคุณอเล็กซ์ จะสัมภาษณ์งานเลยไหมครับ” ผู้จัดการผับสอบถามชายหนุ่มที่นั่งตรวจงานอบู่บนโต๊ะตัวใหญ่
“มันเป็นหน้าที่ของแฮรี่ไม่ใช่เหรอ ที่ต้องดูแลเรื่องพนักงานเสิร์ฟ”อเล็กซ์ถามออกไปทั้งทีไม่เงยหน้าขึ้นจากงานที่กำลังตรวจ
“ก็ใช่ครับ แต่..คุณแฮรี่ชิงออกไปแล้วครับ ผมเรียกไม่ทัน”
คุณปกรณ์รายงานเจ้านายหนุ่มอย่างหวาดๆ
“ให้มันได้ยังนี้สิ แฮรี่”
อเล็กซ์ส่งเสียงออกมาอย่างระอาใจกับนิสัยของเพื่อน
“ผมเรียก เข้ามาให้คุณอเล็กซ์สัมภาษณ์เลยนะครับ”
“ ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”เขายังคงก้มหน้าตรวจงานต่อไป
หวันยี่หวา สาวน้อยตัวเล็กกะจากสายตาความสูงไม่น่าเกิน 165 เซ็นติเเมตร หน้าตาสดใสจิ้มลิ้ม นัยต์ตากลมโตมีแววหวาน ปากกระจับ อกอวบอิ่มซ่อนตัวอยู่ในชุดเสื้อยืดรัดรูปสีขาวคลุมทับด้วยเสื้อสีดำตัวยาว สวมกางเกงสกินนี่สีดำ โชว์เรียวขาเล็ก
เธอนั่งรอรวมกันอยู่กับหญิงสาวอีกห้าคน ที่มาสมัครงานในวันนี้ เธอมาสมัครงานในผับเพราะเวลากลางวันเธอต้องไปเรียนในมหาวิทยาลัย ช่วงเย็นยังต้องช่วยยายขายกับข้าวแบบเดลิเวอรี่อีกด้วย แต่รายได้ก็ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ทำให้เธอต้องตัดสินใจมาทำงานที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้
หญิงสาวอายุ 21 ปีที่เติบโตมากับยายเพียงคนเดียว โดยผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอคลอด โดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของหญิงสาว ยี่หวารู้แค่ว่ารักของแม่เป็นรักที่ไม่ถูกต้อง ยี่หวาจึงทำทุกวิธีทางที่จะช่วยเหลือยายดวงในการหารายได้ เพื่อที่ยายดวงซึ่งแก่มากแล้วแถมยังป่วยออดๆแอดๆได้พักผ่อนบ้าง
‘ตำแหน่งพนักงานเสริฟในผับคงทำให้ได้เงินมากพอในการใช้เรียนหนังสือและค่ายายของยาย’
‘ ฉันจะผ่านไหมเนี่ย ทำไมทุกคนแต่งตัวเซ็กซี่จัง ’หญิงสาวรออย่างกระวนกระวายใจ
“คุณหวันยี่หวา เชิญครับ” เสียงเรียกทำให้ยี่หวาตื่นจากภวังค์
“ค่ะ” ยื่นขึ้นเรียกกำลังใจของตัวเอง ‘ ยี่หวาสู้ๆ เพื่อยาย’
การก้าวเดินที่ไม่มั่นใจ ใจสั่นระทึก มือน้อยๆที่สั่นกำสายกระเป๋าสะพายไว้แน่น แล้วเดินตามผู้จัดการร้านเข้าไปภายในห้อง เมื่อมองไปข้างหน้าเห็นโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มีชายหนุ่มตัวโตนั่งก้มหน้าตรวจงานโดยไม่สนใจที่จะมองมายังคนที่มาสมัครงาน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันหวันยี่หวา ชื่นกมล อายุ 21 ปี มาสมัครงานในตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้คนตรงหน้าก่อนรายงานตัวไปด้วยเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้สั่น ไม่ให้รู้ว่าเธอกำลังกลัวขนาดไหน
“เคยทำงานที่ไหนมาก่อนบ้าง”เสียงเข้มถามออกไปทั้งที่ยังก้มหน้าทำงาน
“ไม่เคยทำงานเสิร์ฟหรืองานกลางคืนที่ไหนมาก่อนเลยค่ะ”
“อืม... แล้วจะทำได้เหรอ ที่นี่บางทีก็มีคนเมา บางทีก็มีพวกมือไว เธอจะรับได้ไหม ถ้าไม่เคยทำมาก่อน” อเล็กซ์ถามออกไป แม้เป็นเพียงเด็กเสิร์ฟไม่ใช่พริตตี้ แต่ก็อันตรายอยู่ดี
“ คิดว่าทำได้ค่ะ จะพยายามทำให้ดีที่สุด” หวันยี่หวานิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบออกไป
“ทำไมอยากทำงานที่นี่”เสียงเข้มยังไม่ลดละที่จะกดดัน
“ต้องการหารายได้ไว้ในการเรียนหนังสือค่ะ และที่นี่เครื่องแต่งกายก็ไม่โป๊มากเกินไป”ยี่หวาเคยเห็นพนักงานเสิรฟ์ที่นี่แต่งตัวมาบ้างแล้ว
“ที่นี่แยกระหว่างเด็กเสิร์ฟกับพริตตี้ออกจากกัน เด็กเสิร์ฟไม่จำเป็นที่ต้องแต่งตัวโป๊” เสียงเฉียบขาดเอ่ยมาให้ได้ยิน
“เธอมาทำงานพรุ่งนี้ได้เลย คุณปกรณ์ฝากด้วยนะ” ตลอดการสัมภาษณ์งานอเล็กซ์ไม่เงยหน้าขึ้นจากงานที่กำลังตรวจแม้แต่น้อย
“ครับ คุณอเล็กซ์”ผู้จัดการผับรับคำอย่างรวกเร็ว
“ขอบคุณค่ะ” ยี่หวากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มสดใสเต็มหน้าด้วยความดีใจ
“...” อเล็กซ์ได้ยินเสียงที่เปลี่ยนไปจากตอนที่สัมภาษณ์ เสียง “ขอบคุณค่ะ” ทำให้เขาเงยหน้าจากงานที่เขาสนใจตลอดมา
อเล็กซ์มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง ก่อนหน้านั้นเขาไม่สนใจหญิงสาวนอกจากการสัมภาษณ์งาน แต่เสียงที่สดใส รอยยิ้มเต็มหน้า ทำให้เขาต้องมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าชีวิตเขาขาดแคลนผู้หญิงหากแต่มีผู้หญิงพร้อมจะขึ้นเตียงกับชายหนุ่มเพียงแค่กระดิกนิ้ว
ผู้หญิงที่เคยเจอมามีตั้งแต่ระดับดารา นางแบบ แต่ก็ไม่มีใครทำให้อเล็กซ์ มองได้แบบตะลึงเท่ากับสาวน้อยที่มีรอยยิ้มสดใสตรงหน้า
‘ เจอกันจนได้นะ สาวน้อย’
…
บ้านไม้สองชั้นหลังเก่า
“ยาย ยายจ๋า” เสียงใสส่งมาแต่ไกล
“ยายอยู่นี่ เสียงดังทำไมยี่หวา”
“ยี่หวา ได้งานทำแล้วนะคะยาย เริ่มทำงานพรุ่งนี้”
“ยายไม่รู้จะดีใจด้วยดีไหม งานกลางคืนมันอันตราย ยายไม่อยากให้ยี่หวาไปทำเลยลูก”ยายบอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงนางเลี้ยงยี่หวามาตั้งแต่เกิด สงสารที่กำพร้าพ่อแม่ แต่ยี่หวาก็ไม่เคยทำให้นางไม่สบายใจ ยี่หวาเป็นเด็กดีของยายเสมอ
“ยายไม่ต้องห่วงนะคะ ยี่หวาจะระวังตัวอย่างดี” หญิงสาวบอกออกไปเพื่อความสบายใจของคนที่เธอรักที่สุด
“ไปกินข้าวอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีกอดทนนะ ยี่หวา” ยายดวงโอบกอดหลานสาวไว้และจะผละออก
“จ้า ยาย ยี่หวารักยายนะคะ” เธอหอมแก้มเหี่ยวย่นแล้วก็เดินขึ้นเข้าห้องครัวเล็กๆที่มีอาหารที่ยายทำไว้ให้หลานสาวตัวน้อยเสมอ
…
มหาวิทยาลัย
“ยี่หวา ยี่หวา ทางนี้” เสียงเรียกจากหญิงสาวลูกครึ่งระหว่างตะวันตกกับตะวันออก ส่งเสียงมาแต่ไกลเมื่อเห็นเพื่อนร่วมเรียนเดินมา
“ มาแล้วๆ แล้วอีก 2 คนไปไหนล่ะ อริส ”
ยี่หวาถามถึงเพื่อนอีกสองคนในกลุ่ม
“ไม่รู้สิ คงกำลังมามั้ง” อริส พูดอย่างไม่สนใจ เพราะสิ่งที่เธอสนใจคือขนมของยายที่ยี่หวานำมาให้ต่างหาก
“ เอา เอาไป คนอะไรเป็นลูกครึ่งฝรั่งแต่ชอบขนมไทย”
หวันยี่หวาว่าพร้อมกับส่งถุงขนมที่ติดมือมาให้เพื่อน
“ก็ขนมใส่ไส้ กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่ยายของยี่หวาทำนี่น่า”
สาวลูกครึ่งไทยอิตาเลี่ยนยิ้ม พร้อมรับขนมจากเพื่อน
“ อริส. อย่ากินหมดนะ รอฟ้าด้วย” เสียงร้องมาแต่ไกล ทำให้อริสชะงักการกินขนม
“ยายฟ้า ช้าหมด อดกินนะจ๊ะ อิอิอิ” อริสร้องบอกเพื่อนสาวอย่างอารมณ์ดี
“กินคนเดียวขอให้อ้วนๆเลย” เสียงแช่งมาพร้อมกับมือที่แย่งขนมไปกินอย่างไว
“ ค่อยๆกิน ยี่หวาเอามาเยอะ ไม่ต้องแย่งกัน” ยี่หวารีบร้องบอกเพื่อน กลัวขนมติดคอแล้วเดือนร้อนเธอต้องไปหาน้ำมาให้สองสาวอีก
“ ดี กินเร็วๆให้ติดคอตายไปเลย ทั้งฟ้าและอริส” เสียงทักจากชายหนุ่มหน้าคมในชุดนักศึกษาเดินเข้ามายังสามสาว
อานนท์ หนุ่มคนเดียวในกลุ่มที่ติดตามสามสาวมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เขาเป็นนักดนตรีสุดหล่อที่สาวๆๆหลงใหล เขาทำงานเพราะใจรัก ทั้งที่ทางบ้านก็ไม่เดือนร้อนเรื่องเงิน พ่อเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด แม่เป็นลูกผู้ดีเก่าที่มีที่ดินในกรุงเทพมากมาย แต่ชายหนุ่มก็ใช้ชีวิตติดดิน
อริส สาวน้อยลูกครึ่งไทยอิตาเลี่ยน สาวตาคม สดใสร่างเริง ฐานะทางบ้านร่ำรวยดูได้จากการมีบอดี้การ์ดติดตามมาด้วยเสมอ แม้ตอนมาเรียนที่มหาวิทยาลัย
พราวนภา “ฟ้า”สาวไทยหน้าคมแต่ตาหวาน มีความมุ่งมั่นในการทำได้ทุกอย่างเพื่อความฝันนั่นคือการเป็นนางแบบและเป็นดีไซเนอร์ เธอฝันที่จะใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบเดินบนเวทีแฟชั่นระดับโลก
“ นนท์/นนท์..” เสียงอริสประสานกับฟ้า ส่งออกมายังชายหนุ่มอย่างแค้นเคือง
“ขนมแค่นี้ไม่ทำให้นางแบบอย่างฉันอ้วนได้หรอกย่ะ”
ฟ้าบอกมาอย่างหมั่นไส้
“ ใช่ เดียวกินขนมเสร็จก็ออกกำลังกาย ไม่กลัวอ้วนจ้า”
สาวสดใสอย่างคุณหนูอริสซะอย่าง
“ไม่ต้องมาทะเลาะกัน กินเสร็จก็ไปเรียนได้แล้ว เร็วๆ”
หวันยี่หวาเร่งเพื่อนเป็นการยุติการโต้เถียงกัน
“ โอเคร ครับ/ค่ะ คุณยาย..”
ประสานเสียงรับคำเพื่อนอย่างล้อเลียน จากนั้นทั้งสี่คนก็พากันเดินไปยังตึกเพื่อขึ้นชั้นเรียน ท่ามกลางสายตามองมาอย่างชื่นชม เพราะทั้งสี่คนมีรูปเป็นทรัพย์ อีกทั้งการเรียนยังเด่นอีกต่างหาก
ผับหรู
หวันยี่หวามาถึงผับในเวลาหกโมงเย็น เธอมาถึงก่อนเวลาเริ่มงานหนึ่งชั่วโมง เธอต้องทำงานเริ่มหนึ่งทุ่มถึงตีสองทุกวัน
“มาแล้วเหรอยี่หวา เดียวผมจะพาไปรู้จักกับโชติรสหรือน้ำหวาน เธอเป็นหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟ” ยี่หวาเดินเข้าไปสวัสดีคุณปกรณ์ผู้จัดการผับ หลังจากนั้นก็เดินตามชายกลางคนไปข้างใน ภายในห้องมีหญิงสาวนั่งอยู่ 2-3 คน
“ น้ำหวาน ฝากเด็กใหม่ด้วยนะชื่อหวันยี่หวา” ผู้จัดการผับพูดพร้อมกับแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน
“ได้ค่ะ เดียวน้ำหวานรับช่วงต่อเอง” โชติรสหรือน้ำหวานสาวสวยตรงหน้ายิ้มให้หวันยี่หวาอย่างมีไมตรี
“ นี่พรีม น้ำ และ พลอย ทั้งสามเป็นพนักงานเสิร์ฟเหมือนยี่หวา มีอะไรก็ปรึกษาได้” น้ำหวานแนะนำให้รู้จักกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ยี่หวาฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวมองดูสี่สาวที่น่าจะอายุมากกว่าเธอจึงรีบฝากเนื้อฝากตัวทันที
“ เริ่มจากไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ ชุดอยู่ในห้องแต่งตัวพี่เตรียมไว้ให้แล้ว”
น้ำหวานได้รู้จากคุณปกรณ์ผู้จัดการผับแล้วว่าจะมีเด็กเสิร์ฟคนใหม่มาทำงานวันนี้
“เดียวพี่พาไป” พรีมเอ่ยอย่างใจดี
ชุดที่ต้องแต่งเป็นกระโปรงสั้นทรงเอสีขาว เสื้อรัดรูปตัวเล็กสีดำ โดยมีเสื้อกั๊กสีขาวสวมทับอีกทีรองเท้าเป็นผ้าใบสีขาว ทำให้ยี่หวาไม่ประหม่ามากในการทำงาน ผับของอเล็กซ์พนักงานเสิร์ฟไม่ต้องแต่งตัวหวือหวา ในร้านมีพนักงานพริตตี้สาวสวยดูแลเทคแคร์แขกที่แต่งตัวเซ็กซี่อยู่แล้ว ซึ่งยี่หวาไม่คิดจะสมัครในตำแหน่งนั้นตั้งแต่แรก
ในผับมีพนักงานเสิร์ฟทั้งผู้หญิงผู้ชาย การแต่งกายก็ไม่ต่างกันนัก ยี่หวาทำงานโดยรับผิดชอบโต๊ะทั่วไป เธอทำงานอย่างสบายใจมาได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว โดยไม่มีอะไรที่น่ากลัวเกิดขึ้น จนกระทั่งวันนี้....
“โว้ย. ใครเหยียบตีนกูวะ” เสียงดังมาจากโต๊ะใกล้ๆที่เธอรับผิดชอบ
“ กูเอง..ก็มึงเสือกมาใกล้แฟนกูทำไม” มีเสียงตอบโต้มาทันควัน
“ ดี งั้นวันนี้ มึงเจอกูแน่ ”จากนั้นก็มีการตะลุ่มบอลกันขึ้น แขกที่มาเที่ยวแตกตื่นวิ่งออกจากผับไปอย่างรวดเร็ว
“ โอ้ย.. มึงตาย” มีหนึ่งคนในกลุ่มดึงปืนออกมาจากเอวก่อนจะยิงออกไป
เปรี้ยง.... สิ้นเสียงปืนมีชายคนหนึ่งทรุดตัวลงกับพื้น ทุกอย่างยิ่งทวีความโกลาหลมากขึ้น ยี่หวาได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก
“จะยืนให้มันยิงตายก่อนหรือไง” เสียงดังที่ตะโกนเข้ามาในโสตประสาท พร้อมกับแรงกระชากอย่างแรงทำให้ยี่หวาหลุดออกจากพะวง หญิงสาวมองมือที่กระชากเธอออกมาและเหลือบตาขึ้นไปมองหน้าคนนั้น ‘ คุณอเล็กซ์’เป็นครั้งที่สองที่หญิงสาวได้พบหน้าชายหนุ่ม ครั้งแรกคือวันที่สัมภาษณ์และครั้งที่สองคือ..วันนี้
“ถามแล้วยังมองหน้า ทำไมไม่รีบหลบออกไป อยากตายนักหรือไง” เสียงตะโกนยังไม่ลดลง ยังตะคอกเธออยู่แบบเดิม
“ค่ะ...ไปแล้วค่ะ” สติเริ่มมา ยี่หวารีบชิงวิ่งกลับเข้าไปทางหลังร้านซึ่งเป็นส่วนของพนักงานทันที ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กที่วิ่งหายไปจนลับตา
“เด็กบ้าจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัว” อเล็กซ์สบถออกมาอย่างเข่นเขี้ยว
จากนั้นบอดี้การ์ดก็เข้าควบคุมสถานการณ์ในผับ ชายหนุ่มที่โดนยิงโชคดีที่กระสุนไม่ถูกจุดตายเลยแค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่อเล็กซ์ก็ไม่คิดที่จะปล่อยผ่าน ใครเข้ามาทำความวุ่นวายในผับของเขาจะต้องได้รับการลงโทษ
“เอาตัวพวกมันออกไปทางหลังร้าน”สิ้นเสียงสั่งบอดี้การ์ดก็ลากชายหนุ่มสองคนออกไปท่ามกลางการเรียกของเพื่อนๆ
“ใครไม่เกี่ยวก็ถอยออกไป” เสียงเข้มบอกออกไปจนทุกคนชะงักและเงียบไป ไม่มีใครกล้าส่งเสียงอีกเพราะได้ยินมาถึงความเฉียบขาดของเจ้าของผับ
“ ผม..ขอโทษครับ... ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว” ชายคนนั้นยกมือไหว้ด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าแม้จะสบตากับชายหนุ่ม
“ผมก็ขอโทษครับ ผมจะชดใช้ค่าเสียหายทุกอย่าง ปล่อยผมไปเถอะครับ”ชายอีกคนที่เป็นมือยิงพูดขอร้องออกไปอย่างหวาดหวั่นเขาได้ยินกิติศักดิ์ความโหดเหี้ยมของอเล็กมาบ้างจากที่เคยมาเที่ยวบ่อยๆๆ
“ พวกมึง คิดว่าชดใช้แล้วจะจบง่ายๆ อย่างงั้นเหรอ” เสียงราบนิ่งแต่เย็นไปถึงหัวใจของคนที่จะโดนลงโทษ
“เปล่า...ครับ..” อีกคนรีบปฏิเสธออกมาอย่างไว
“ ผมขอโทษครับ ผมดื่มมากไป”อีกคนรีบยกมือไหว้
“มึงโดนยิงตรงไหน” อเล็กซ์หันมาถามคนที่โดนยิง
“ตรงขาขวาครับ” คนโดนยิงตอบอย่างตะกุตะกัก เขาเดาใจคนหน้าเรียบเฉยใม่ออกว่าต้องการอะไร
“ดี.....” อเล็กซ์ก็ดึงปืนจากมือลูกน้องมาขึ้นลำปืน แล้วยิงออกไปทันที
เปรี้ยง...“โอ้ย...ยิงผมทำไมเนี่ย” เสียงจากชายที่ยิงปืนในผับดังขึ้น
“ มึงก็จะได้เจ็บที่เดียวกันกับคนที่มึงยิงยังไงล่ะ” พูดจบก็หันไปสั่งบอดี้การ์ด
“ลากพวกมันไปทิ้งที่บ้านพวกมันและพรุ่งนี้ให้มันมาจัดการค่าเสียหายให้ครบ ถ้ามีปัญหากูจะตามไปยิงซ้ำถึงบ้านมันเอง” คำสั่งที่ออกไปยังลูกน้อง แต่สายตาคมเข้มยังจับจ้องอยู่กับคนที่ก่อเรื่อง
“ ครับ....” บอดี้การ์ด รับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
ชายหนุ่มมองไปยังพวกก่อกวนด้วยด้วยสายตาเยือกเย็นเขม็ง จนพวกมันไม่กล้าที่จะสบตา ความกลัวที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
“ซวยแล้วกู” พวกมันไม่คิดว่าชายหนุ่มที่แลดูอายุยังไม่ถึงสามสิบปีจะมีความเหี้ยมโหดได้ขนาดนี้ มันคงไม่กล้าคิดจะต่อกรกับคนนี้อีกแล้ว จากนั้นชายผู้เคราะห์ร้ายสองคนก็โดนบอดี้การ์ดลากตัวไปขึ้นรถ