ตอนที่ 5 ใจสั่นในรอบห้าปี
อาหลีมองตามร่างสูงสง่าไปจนลับสายตาก่อนจะยกมือขึ้นมาทาบตำแหน่งที่เรียกว่าหัวใจ มันเต้นแรงคล้ายจะกระดอนออกมานอกอกอยู่แล้ว บอกตัวเองให้ตั้งสติก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกรอดจากเงื้อมมือพ่อเลี้ยงเหมราชเพราะเขามาช่วยเธอ
“มีอะไร?” เหมราชหันไปมองหลานตัวเองด้วยหางตาเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับยกขาขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทางฉุนเฉียว
“เราควรแบ่งงานกันไงครับ” เวหาตอบเสียงนิ่ง เพราะปู่ป่วยหนักในครั้งนี้ทำให้เขาตกปากรับคำบอกว่าจะมาบริหารงานในไร่
สาเหตุที่ทำให้ปู่ลมจับก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคนตรงหน้าเขานี่แหละ สร้างหนี้ไว้ท่วมหัวยังมีหน้ามาขู่เอาเงินจากผู้เป็นพ่อตัวเอง หน้าด้านเหลือจะทน เพราะแบบนี้เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้ไร่เติมรักอยู่ในมือคนคนนี้ได้อีกต่อไป ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับที่นี่อีก
ปู่เขามีลูกชายสามคน คนโตได้ตกแต่งกับภรรยาเป็นคนต่างประเทศและย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเลย หนึ่งปีกลับมาเยี่ยมเยียนหลายครั้งแต่ไม่ได้มีหน้าที่บริหารไร่ ปู่เลยยกที่ดินในเมืองให้ ส่วนคนกลางก็คือพ่อของเขาเอง พ่อกับแม่จะช่วยกันบริหารในส่วนของโรงงาน และคนสุดท้ายก็คือคนตรงหน้าซึ่งเป็นลูกชายที่ปู่พามาแนะนำในตอนที่คุณย่าไม่อยู่แล้ว หรือเป็นลูกชายที่ปู่ไปไข่ไว้ด้านนอกนั่นเอง เขาก็รู้แค่นี้ไม่ได้รู้ลึกตื้นหนาบางในเรื่องของผู้ใหญ่ปู่ว่ายังไงเขาก็เชื่อตามนั้น
“อย่าคิดว่าการที่พ่อฉันให้แกกลับมาทำงานที่ไร่แล้วจะทำกร่างยังไงก็ได้นะ” เขาไม่ชอบขี้หน้าแสนฉลาดของหลานชายคนนี้เลยสักนิด เพราะมันดูไม่ต้อนรับเขาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
“งั้นก็ช่วยบริหารไร่ให้มันไปรอดด้วยครับ ไม่ใช่โกยแต่เงินไปใช้สุขสบายส่วนตัว คนงานตาดำ ๆ ในไร่อาเคยมองเห็นไหม?”
“อวดฉลาดนะมึง”
“ดีกว่าคนไม่ฉลาดแต่ชอบอวดครับ”
“ไอ้ลม!” เหมราชดีดตัวขึ้นมายืนทันทีที่ฟังจบ รู้สึกเหมือนลมจะออกหูยิ่งมองหน้ามันยิ่งไม่สบอารมณ์ ถ้าไม่มีชนักติดหลังอยู่อาจจะซัดมันไปสักหมัดให้หายขุ่นใจ “ถ้าคิดว่าการกลับมาโรยด้วยกลีบกุหลาบกูบอกเลยมึงคิดผิด!”
เวหามองผู้เป็นอาเดินออกไปแล้วก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่ว่าตอนไหนก็ยังเอานิสัยเดิม ๆ มาใช้กับคนในบ้าน ไม่รู้ว่าปู่วางใจให้เข้ามาบริหารไร่ได้ยังไง
“หลายหน้าที่จังเลยนะ กลางวันจัดดอกไม้กลางคืนจัดอย่างอื่น”
อาหลีเงยหน้าขึ้นมาจากการร่างเค้าโครงงานเลี้ยงที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่กี่วัน ตรงหน้าเธอตอนนี้คือเขาคนนั้น คนที่เจอตอนไหนหัวใจก็เต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา
“สบายดีไหมคะ” ยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับระบายยิ้มกว้างส่งไปให้
“เรื่องของเธอเหรอ?”
คนโดนตอบกลับหุบรอยยิ้มลงพลัน เขาก้าวขาเดินออกไปแล้วเธอจึงรีบคว้าแผ่นกระดาษวิ่งตามไปในทันที
“คุณอยากให้งานออกมาเป็นแบบไหนคะ?” แม้จะเกร็งที่ต้องมาชวนถามอะไรแบบนี้ แต่เพราะด้วยหน้าที่และอายุของพวกเรามันคงช้าต่อไปไม่ได้แล้ว
“...”
“ไปไหนเหรอคะ?” วิ่งไปดักหน้าคนที่กำลังจะเปิดประตูรถฝั่งคนขับ
แม้เขาจะมองมาด้วยสายตาเย็นชาแต่เธอที่ทำใจมาแล้วเลยได้แต่ทำใจดีสู้เสือต่อไป
“ยุ่งอะไรด้วยครับ”
“ถ้าไปทานข้าวฉันมีร้านดี ๆ แนะนำนะคะ รับรองว่าอร่อยซูดปาก” แย้มยิ้มสรวลเข้าสู้ อย่างน้อยเมื่อก่อนเขาก็เคยบอกว่าชอบรอยยิ้มของเธอ แม้ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังจะชอบอยู่หรือเปล่า
“ที่ไหน”
“ร้านลุงหารที่ตลาดมืดเลยค่ะ อร่อยทุกร้านเลย ต้องการคนไปทานข้าวเป็นแฟนไหมคะ?”
ตวัดสายตานิ่ง ๆ มองก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถแล้วปิดใส่หน้าหญิงสาวแรง ๆ
อาหลีคลี่ยิ้มออกมาเบา ๆ มองรถกระบะขับออกไปด้วยความเร็ว อยากจะกรี้ดออกมาดัง ๆ ให้กับความหล่อของเขา นอกจากอายุที่เพิ่มขึ้นแล้วความหล่อมันเลยเพิ่มขึ้นด้วยแบบนั้นหรือเปล่า เธอต้องไปศึกษาวิธีจีบหนุ่มเย็นชาเสียแล้ว
หลังจากสำรวจพื้นที่เสร็จได้แปลนงานคร่าว ๆ มาแล้ว อาหลีก็กลับมาควบจักรยานคันเก่งมุ่งตรงสู่ร้านของตัวเอง รีบไปหามุกจีบผู้ชาย ไม่ใช่สิ! รีบกลับไปเตรียมดอกไม้สำหรับจัดงาน
ภายในร้านลุงหารอาหารพื้นบ้านมีวงดนตรีกำลังเล่นด้วยจังหวะผ่อนคลายเพื่อเอาใจลูกค้า เหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวันแล้วควรได้ฟังอะไรเบาหู และหนึ่งในลูกค้าของร้านก็มีร่างสูงของเวหายืนสั่งน้ำผลไม้ปั่นอยู่
หลังจากได้รับน้ำผลไม้แล้วจึงกลับไปร่วมโต๊ะกับเพื่อนอีกหลายคนของตัวเอง บนโต๊ะล้วนเป็นคนที่รู้จักกันทั้งนั้นที่มาเลี้ยงส่งเขาถึงที่นี่
“ยินดีด้วยนะกลับมารับตำแหน่งเต็มตัวแล้ว” สิงหราชชูแก้วเบียร์ขึ้นสูงก่อนจะยื่นไปชนกับแก้วของเวหา
“ขอบใจ” เวหาพยักหน้ารับเบา ๆ
“ยินดีด้วยนะคะพ่อเลี้ยงเวหา” เมยาวียกน้ำส้มครั้นขึ้นมาชนเหมือนกัน เธอทำงานกับเจ้านายคนนี้มานานไม่รู้ลึกตื้นหนาบางแต่วันนี้ได้รู้แล้วว่าอดีตเจ้านายตนก็เป็นทายาทพันล้านเหมือนกัน
“ขอบคุณครับคุณเมย”
บรรยากาศบนโต๊ะเต็มไปด้วยความครื้นเครงแบบง่าย ๆ เนื่องจากต้องกลับมาทำงานที่ไร่เติมรักเต็มตัวเขาจึงต้องลาออกจากที่เดิมคงไว้แค่ชื่อผู้ร่วมหุ้นเท่านั้นแต่ไม่ได้บริหารที่รีสอร์ตอีกต่อไปแล้ว และในส่วนนี้สิงหราชก็เข้าใจดีคงหาฝีมือดีสักคนมาบริหารให้หรือไม่มันก็คงขึ้นควบตำแหน่งเอง มีแฟนดีขยันทำงานเรียนรู้เก่งแบบนี้จะไปยากอะไร
ในระหว่างที่จิบเบียร์ฟังดนตรีสดเพลิน ๆ สมองเขาก็คิดไปต่าง ๆ นานา มองเพื่อนสวีตกับแฟนไม่เกรงใจใครก็ได้แต่คว่ำปากแรง ๆ แต่อีกนัยหนึ่งก็ยินดีกับมันจริง ๆ สุดท้ายก็เจอคนที่มันรักและรักมัน ความรักที่เท่ากันมันน่าอิจฉายิ่งกว่าสิ่งใด
พอเมาได้ที่ก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเหมือนกับเวหาพอกรึ่ม ๆ ไม่เมามากจึงขับรถกลับเองได้ ในระหว่างทางไม่รู้อะไรดลใจให้เขาตีไฟเลี้ยวจอดที่ข้างถนนฝั่งตรงข้ามคือร้านดอกไม้ขนาดกลาง แสงไฟตกแต่งวิบวับหน้าร้านพร้อมกับป้ายที่บอกว่าร้านปิดในตอนห้าทุ่มกว่า ๆ
เขานั่งมองอยู่บนรถความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนก็ไหลย้อนเข้ามาให้นึกถึง
ในตอนนั้นเขานอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียง ผู้หญิงร่วมเตียงคงคิดว่าเขาหลับไปแล้วเขาจึงได้ยินในสิ่งที่เธอพูดทุกอย่าง ความอุ่นซ่านของฝ่ามือนุ่มค่อย ๆ ประคองใบหน้าเขาไว้ในตอนนั้นเขารับรู้ได้ทุกสัมผัส รับรู้...แต่ไม่เข้าใจเลยสักนิด
‘รออาหลีดีพอ อาหลีจะมาทวงคุณคืนนะคะ แม้ไม่อยากปล่อยคุณไปแต่ตอนนี้เราไม่มีอะไรเหมาะสมกันเลย ฮึก! รอหนูหน่อยนะ’
แม้จะเป็นประโยคที่แผ่วเบาจนแทบจะสู้เสียงเครื่องปรับ อากาศในห้องไม่ได้ แต่เขาก็ยังคงได้ยินและสลักมันลงในใจมาตลอดห้าปีที่ไม่มีผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างกายอีกแล้ว
“ไหนบอกกับฉันว่าจะใช้ชีวิตให้ดีจนฉันอิจฉาไงล่ะ” แล้วทำไมต้องไปอยู่ในสถานที่แบบนั้นกับชุดแบบนั้นด้วย ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาในใจ
เขาก็ได้แต่พูดกับตัวเองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคงไม่มีทางได้ยิน
“สวัสดีครับผมตรีติน”
“ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะเลยนะ” เวหามองรุ่นน้องที่ตัวเองส่งเสียค่าเล่าเรียนจนจบหลักสูตรที่ต่างประเทศ วันนี้คนตรงหน้ายืนกรานจะกลับมาช่วยงานเขาที่ไร่เติมรักพร้อมเป็นลูกหาบ
“ผมจะตั้งใจทำงานให้สมกับคุณเวหาเลือกผมมาครับ”
“มึงเสนอหน้ามาเองต่างหาก”
“โถ่ ก็ผมอยากทำงานกับพ่อเลี้ยงนี่ครับ” ตรีตินคือหนุ่มจอมทะเล้นแต่ก็มีช่วงเวลาจริงจังกับงานจนน่าดึงมาทำงานด้วย แบบนั้นเวหาเลยเลือกตรีตินมาร่วมรบไปด้วยกันในครั้งนี้
“เยอะล่ะมึง” เวหาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย วันนี้เป็นวันแรกที่เขาเข้ามาในสวนพร้อมกับมัน “พร้อมแล้วก็เริ่มงานกันเลยไหม”
“จัดมาเลยครับ”
เวหาพยักหน้าขึ้นลงเชิงพอใจในความกระตือรือร้นของรุ่นน้องก่อนจะเงยหน้ามองออฟฟิศหลายชั้น เขาจะทำอะไรก่อนงั้นเหรอ!
“มึงใช้ความเป็นผู้ช่วยของกูไปเอาบัญชีรายรับรายจ่ายมาแบบไม่ให้ใครรู้ และหนังสือบุคลากรในที่ทำงานด้วย”
“ได้ครับ” ตรีตินพยักหน้ารับแม้จะรู้สึกว่างานแรกของตัวเองจะหินเลยก็เถอะ ในเมื่อเจ้านายไว้ใจให้ทำเขาก็จะทำ หวังว่าจะไม่โดนไล่ออกตั้งแต่วันแรกนะไอ้ติน
หลังจากนั้นเวหาก็หยิบสมุดพกขึ้นมาก่อนจะเริ่มขับรถสำรวจอาณาจักรของไร่เติมรักด้วยตัวเอง เขาต้องรู้ระบบงานทั้งหมดก่อนถึงจะรู้ว่ามันผิดพลาดตรงไหนกันแน่ ทำไมกำไรมันหายไปเยอะได้ขนาดนี้
“นี่ค่ะ ดอกไม้ที่ลูกค้าสั่ง” อาหลีหอบดอกไม้ช่อโตพร้อมกับการ์ดที่ลูกค้าอาสาเขียนเอง แค่ดอกไม้ที่เลือกก็พอจะรู้แล้วว่าลูกค้าคนนี้สั่งไปให้แฟนแถมยังเขียนการ์ดเอง อะไรจะโรแมนติกขนาดนี้
“ขอบคุณครับ”
พอลูกค้าหันมาอาหลีตะลึงค้างไปเลยในทันที พอตั้งสติได้จึงคลี่ยิ้มส่งไปให้คนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มละมุน
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะพี่สิงห์”
“อาหลี?” พ่อเลี้ยงสิงห์หราชขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อกี้เขาพึ่งลงมาจากอาณาจักเติมรักเห็นร้านดอกไม้อยู่ริมทางสะดุดตาเลยแวะซื้อไปฝากแฟนสาวสักช่อ ไม่คิดว่าจะเจอคนที่ไม่ได้พูดคุยด้วยกันมานานอยู่ที่นี่ “ทำงานที่นี่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ นี่ร้านของอาหลีเอง”
“ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แวะมาอุดหนุนอีกนะคะ”
เขาพยักหน้าขึ้นลงก่อนจะรับช่อดอกไม้มา มันเหมือนความบังเอิญอยู่เหมือนกันนะ ไม่นานมานี้เขาได้ยินข่าวว่าคนที่ขายที่ดินให้ไอ้เวหาก็คือคนนี้ แถมตอนนี้ยังมาโผล่อยู่ใกล้ ๆ มัน
“ยังชอบเพื่อนพี่อยู่หรือเปล่า”
“ชอบเหมือนเดิมค่ะ”
แค่นั้นเขาก็ระบายยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับอวยพรให้รุ่นน้องสมปรารถนาตามที่หวัง “คว้าหัวใจมันกลับมาให้ได้นะ แม้ข้างนอกมันจะแข็งเป็นหินแต่เชื่อพี่เถอะว่าข้างในมันอ่อนไหวมาก”
อาหลียิ้มรับพร้อมกับเดินออกไปส่งลูกค้า แน่นอนเธอจะคว้าหัวใจเขากลับมาเป็นของเธอให้ได้ ไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้วถ้าช้ากว่านี้ผู้ชายเพอร์เฟกต์อย่างเวหาคงมีหลายตัวเลือกดี ๆ ให้เลือก ส่วนเธอคงไม่อยู่ในตัวเลือกนั้น นอกจากสู้เองเพื่อให้ได้หัวใจของเขามาครอบครอง
พรหมไม่ต้องลิขิตค่ะ อาหลีจะลิขิตมันเอง!
“พี่อาหลีมีออเดอร์ให้ไปส่งจ้า”
“โอเค เดี๋ยวพี่ไปให้เอง” ว่าจบก็รีบเข้าไปในร้านหอบเอาออเดอร์สามสี่ออเดอร์แล้ววิ่งตรงกลับมาควบจักรยานคันเก่งก่อนจะเริ่มออกแรงถีบไปยังเป้าหมาย
เย็นนี้ตอนไปจัดสถานที่ขอให้ลูกช้างได้เจอลูกคุณอานนท์ด้วยเถิด เพี้ยง!