บทที่3.เป็นการพบเจอของโชคชะตาหรือความซวย!!

1530 คำ
แสงไฟที่ค่อยๆ สว่างไสวขึ้น หลังดวงสุริยาหายลับไปจากพื้นโลก ราตรีที่เต็มไปด้วยแสงสีคือวิถีของคนในเมืองหลวง...ราตรีที่ยาวนานและมีแต่สิ่งล่อลวง...มีหลายคนเพิ่งจะออกมาทำงาน และอีกหลายคนเช่นกันที่ใช้เวลายามค่ำ เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ                ออสตินนั่งท้าวปลายคาง ข้อศอกเขาอิงกับกรอบหน้าต่าง ใบหน้าคมคายผินมองออกไปนอกกระจก แต่ไม่ได้เพ่งมองจุดใดจุดหนึ่ง เขาเหม่อ เขากำลังคิด แม้จะพยายามสลัดแทบเป็นแทบตาย มันก็เหมือนเดิม!!                ใครคนนั่นยังสถิตเหนียวแน่นอยู่ที่เดิม...                ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงๆ เขาไม่เข้าใจตัวเอง เขาจะหงุดหงิดไปเพื่ออะไร...เรื่องมันผ่านมานานปี และก็คงเป็นเหมือนอย่างที่มารดาว่าไว้...                ปานนี้ ‘หล่อน’ น่าจะมีครอบครัว น่าจะมีคนเคียงข้าง...เมื่อหล่อนยังกล้าสลัดเขาทิ้ง...                ออสตินไม่อยากเชื่อ เด็กสาวที่เรียบร้อยคนนั้น จะกล้าตัดรอนเขา กล้าทิ้งเขา ทั้งๆ ที่เขากับเธอไม่ใช่แค่คนที่คบหาดูใจกันแค่นั้น เขากับเธอผ่านการมีความสัมพันธ์แนบแน่น จนถึงขั้นเรียกว่า...ผัว-เมีย ได้เลย แล้วทำไมล่ะ ทำไมหล่อนจึงกล้า!!                “บ้าชิป!!”                ชายหนุ่มเผลอสบถ เขาจะมาคร่ำครวญเพื่ออะไร เขาต้องลืมสิ เขาต้องลืมเสียให้สิ้น ผู้หญิงคนนั้นไม่มีค่าควรจำ                “กลับได้เลย ฉันหาทางกลับเอง...”                ชายหนุ่มร้องสั่ง วันนี้เขาไม่ต้องการ์ด เขาเบื่อคนคอยเฝ้า อยากอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง ก่อนจะมุดออกไปจากรถยนต์ คืนนี้คงเหมือนเช่นทุกๆ คืน เขาไม่เคยร้างคนข้างกาย และบ้านไม่ใช่ที่ที่เขาซุกหัวนอน                ร่างสูงใหญ่เด่นเตะตาเหมือนเช่นทุกครั้งที่ออสตินปรากฏตัว...ไม่มีใครไม่รู้จัก ทายาทของ ‘เทรย์เวอร์’ หนุ่มภาษีดี ดีกรีนักเรียนนอก หัวหอกคนสำคัญของเทรย์เวอร์คอปเรชั่น ว่าที่ผู้นำองค์กรคนต่อไป หากคุณเยาวเรศวางมือ                “ขอที่เงียบๆ กับบรั่นดีสักขวดนะ”                ชายหนุ่มเอ่ยปากบอกหลังบริกรเดินเข้ามาหา ตอนนี้ยังหัวค่ำ เขายังไม่ต้องการคนข้างกาย ขอนั่งจิบเหล้าคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ผู้หญิง...หากกระเป๋าตุง...แค่กระดิกนิ้วเดี๋ยวก็มีคนเดินเข้ามาเองนั่นแหละ... อาจจะเป็นเพราะปูชิดาต้องสำรองเงินไว้ให้บุตรสาวมากกว่านี้อีกสักหน่อย เธอจึงยอมรับการจ้างวานของเพื่อน โดยไร้ข้อแม้ การทำงานค่าเวลา กับการต้องมานั่งคิดสตางค์แทนเจ้าหล่อน สาเหตุเพราะสามีของเธอก่อเรื่อง จนต้องขึ้นโรงพัก...เป็นคดีความที่ต้องเจรจา รำเพยจึงจำใจลางาน...                “นะชิดา แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง นึกว่าช่วยรำเพย เธอก็ได้สตางค์ด้วย”                เสียงเพื่อนคะยั้นคะยอ แถมควักสตางค์ยัดใส่มือเธอเสียอีก เป็นการบีบบังคับแบบอ้อมๆ                “แล้วคนที่ทำงานของรำเพยจะไม่ว่าเอาเหรอ?”                หญิงสาวติงเสียงอ่อนๆ กำธนบัตรนั่นจนแน่น แม้จะไม่เยอะ แต่หากสะสมไว้มันก็มากพอที่ทำให้ตัวเองอุ่นใจเพิ่มขึ้น                “ฉันโทร. ไปบอกพี่เก่งเขาแล้ว เขาไม่มีปัญหา ขอแค่มีคนทำแทน”                เจ้าหล่อนรีบร้อนตอบ สีหน้าทุกข์ร้อนและหากปูชิดาตกปากรับคำ เธอจะรีบแจ้นไปดูสามี                “ก็ได้ๆ...แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”                ช่วงเวลาที่ทำงานของรำเพย มันดึกเสียจนเธอกลัวตัวเองไม่ปลอดภัย กว่าจะกลับถึงบ้านได้ เธอก็แทบจะคลานเลยทีเดียว เพราะอยู่ไกลไปคนละฝั่ง...                “ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ รำเพยไปล่ะ”                เพื่อนสาวเดินตัวปลิวจากไป คงเป็นเพราะกำลังเป็นห่วงสามี ปูชิดาเลยได้แต่ถอนใจเฮือกๆ ลงมือเก็บของส่วนตัวใส่กระเป๋าและเดินทางไปทำงานแทนเพื่อน ด้วยความรู้สึกหน่วงๆ                รถยนต์ที่เธอโดยสารคงไม่พ้น รถบริการของ ขสมก. มีที่นั่งว่างหลายที่เพราะเวลานี้คนอื่นคงหลับสนิทบนที่นอนอุ่นๆ เที่ยงคืน...สายลมเย็นๆ จากด้านนอกโชยมาปะทะใบหน้า พัดพาความร้อนที่กร่ำกรายมาใกล้ๆ ให้สลายไป ปูชิดาล้วงตลับแป้งในกระเป๋าสะพายขึ้นมาส่องดูความเรียบร้อยของตัวเอง...ผิวหน้าเธอมันย่อง...จนต้องไล้แป้งบางๆ กลบร่องรอยเหนื่อยล้า หญิงสาวถอนใจอีกครั้ง เธอเหนื่อยล้าเต็มทนกับชีวิตที่ต้องดิ้นรน หากไม่ประสบเองไม่มีทางรู้ จากคนที่เคยสะดวกสบาย แม้จะไม่ฟู่ฟ่าเท่าไร แต่ก็ไม่ต้องกระเสือกกระสน...ไม่เคยต้องปวดหัวเรื่องเงินทอง วันนี้ภาระอันยิ่งใหญ่นั้นปูชิดาแบกไว้บนสองบ่า ไหนจะนมแผ้วที่ฝ่าฟันมาพร้อมกับตัวเอง ไหนจะอีกหนึ่งชีวิตที่ปูชิดาให้สัญญากับตัวเองเป็นแม่นมั่น เธอจะทำทุกอย่างให้เขามีอนาคตที่ดี ด้วยสองมือตัวเอง                ป้ายไฟสว่างไสว แสงไฟวิบวับตรงหน้า การเดินทางของเธอสิ้นสุดลงสักที                หญิงสาวเดินก้มหน้า เธอมองแค่ทางเท้า พยายามไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เมื่อสถานที่ที่เธอกำลังเดินเข้าไป ไม่มีผู้หญิงดีๆ ที่ไหนอยากมา...มันเป็นสถานบริการ หากเป็นผู้มาใช้บริการก็คงเดินเชิดหน้าได้ แต่นี่เธอเข้ามาในฐานะพนักงาน เธอไม่อยากถูกเหมารวมเช่นเดียวกับผู้หญิงหลายคนที่ทำงานอยู่ในสถานที่นี้                “ตรงโต๊ะนั้นจ้ะ ตามสบายเลยรำเพยโทร. บอกพี่ไว้แล้ว”                หนุ่มใหญ่หน้าตาภูมิฐาน เขาแต่งตัวดีด้วยสูทสีทึมๆ เรียบกริบ                เก่งแอบกลืนน้ำลาย...คนมาทำงานแทนรำเพย หน้าตาดีไม่ใช่เล่น!! หากสามารถชักจูงหล่อนให้ทำงานในสถานที่นี้ได้ เขาจะได้มีโอกาสแทะโลม เมื่อรำเพยเคยเปรยๆ ให้ฟัง ผู้หญิงตรงหน้ามีตำหนิ หล่อนมีลูกติด แต่...ไม่มีสามี                “มีอะไรไม่เข้าใจเรียกพี่ได้นะ...พี่อยู่แถวๆ นี้แหละ”                เก่งเปรยบอกอีกครั้ง หากหล่อนเดือดร้อนจริงอย่างที่รำเพยบอก เขาจะหาโอกาสกล่อม เพราะสาวๆ ที่ทำงานที่นี่ ได้เงินเป็นกอบเป็นกำทุกคน หากใจถึง!!                “ค่ะพี่”                ปูชิดารับคำ เธอสนใจงานตรงหน้า ไม่ใช่เรื่องอยากเมื่อเธอชินกับการอยู่หน้าเค้าน์เตอร์ หญิงสาวทำงานเพลินๆ จนกระทั่ง...                “พี่ๆ ลูกค้าจะรูดบัตร...” การจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต เป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้เหมือนจะไม่ปกติเท่าไร                “เอาบัตรมาสิจ้ะ เดี๋ยวจัดการให้เอง...” เธอเงยหน้าขึ้น พร้อมกับยิ้มอ่อนๆ อธิบายเสียงเรียบ                “เปล่า...ยังไม่เช็คบิล จะรูดจ่ายค่าเปิดขวด...เขาไม่ได้พกเงินสด...” เศรษฐีหลายคนไม่มีเงินสดในกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าสตางค์ของพวกเขามีแต่บัตรเครดิต                “อ๋อ!! แล้วต้องทำยังไงล่ะ เพิ่งมาทำวันแรก ไม่รู้วิธีจ้ะ?” เธอตอบตามประสาซื่อ เหลียวมองหาเก่ง แต่เขากำลังยุ่งๆ เลยไม่อยากกวน                “เอาที่รูดตามหนูมาเลยพี่ รูดเสร็จพี่ก็กลับมาทำงานที่เดิม”                พนักงานสาวสวยบอก...เธอเห็นรำเพยทำจนคุ้นตา...เลยชี้มือบอกปูชิดา                หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ เธอฉวยเครื่องรูดบัตรเดินตามเจ้าหล่อนไปเงียบๆ แอร์ภายนอกเย็นฉ่ำเสียจนปูชิดาขนลุกเกลียว เธอชำเลืองมองคนตรงหน้า เจ้าหล่อนไม่หนาวหรือไงนะ? เมื่อเสื้อผ้าที่สวมใส่ช่างน้อยชิ้นจนน่าใจหาย...                “โต๊ะนั่นนะพี่ หนูไปเอาขวดใหม่มาให้เขาก่อน โต๊ะนี้กระเป๋าหนัก วันนี้หนูคงได้ทิปเป๋าตุง” หล่อนพูดยิ้มๆ ก่อนจะโฉบผ่านปูชิดาเพื่อไปหยิบบรั่นดีขวดใหม่มาตามคำสั่ง                หญิงสาวเดินตัวลีบเข้าไปในมุมอับ ส่วนนี้ค่อนข้างลับตา แถมห่างสายตาคนอื่นจนน่ากลัว เธอรู้สึกไม่ใคร่จะไว้ใจ เลยต้องระวังตัวเองไว้ก่อน                “ขอบัตรเครดิตด้วยค่ะ” เธอส่งเสียงบอก เมื่อเดินเข้ามาจนชิดขอบโต๊ะ                ออสตินเหวี่ยงบัตรเครดิตให้พนักงาน เขาไม่ได้เหลือบมองเจ้าหล่อนเลย รู้แค่ว่าเป็นผู้หญิง...แต่เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์สุนทรี เขากำลังหงุดหงิด!!                แกร๊ก!!                บัตรเครดิตใบเล็กๆ ไถลหล่นจากขอบโต๊ะ คงเป็นเพราะหญิงสาวไม่ทันตั้งตัวรับ เธอจึงรีบก้มลงไปเก็บ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น รู้สึกไม่พอใจอย่างแรง!! กับมารยาทติดลบของลูกค้าสุดรวย แต่...ปริปากพูดอะไรไม่ได้หร๊อก เขาเป็นลูกค้า ในขณะที่เธอเป็นลูกจ้าง แม้ผู้ชายตรงหน้าจะเป็นคนจ่ายสตางค์ แต่มารยาทของเขาน่าจับไปอบรม...                “อุ้ย!!” เพราะความสลัวของแสงไฟ ปูชิดาจึงพลาด เธอเงยหน้าขึ้นและชนกับขอบโต๊ะเข้าจังๆ                ออสตินสะดุด!! เสียงคุ้นหู!! เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน? ชายหนุ่มจึงปรือตามอง เขามองเห็นเค้าลางๆ ของคนคุ้นเคย...                ชายหนุ่มยกมือขยี้เปลือกตาแรงๆ เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นคือความจริง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม