บทที่6.ความลับ....

1605 คำ
“ช่างเถอะค่ะคุณหนู คิดเสียว่าเป็นกรรมเวรของเรา ไหนๆ พระพรหมท่านก็คงนึกสนุกขึ้นมา เลยจูงคนที่ไม่ควรมาเจอกัน ให้มาอยู่ใกล้กัน เก็บเกี่ยวความสุขไว้เยอะๆ เถอะค่ะในวันที่เจ็บหนัก เราจะได้มีสิ่งปลอบประโลมใจ” “ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบ เธอเห็นด้วยกับนมแผ้ว ช่วงเวลานี้เธอควรมีความสุข เมื่อเธอได้แอบมองคนที่เธอรัก แถมอัปสรายังได้อยู่ใกล้บิดา...                หญิงสาวสูดลมหายใจแรงๆ เธอกลั้นน้ำตาไว้ เงยหน้าขึ้นยิ้มเซียวๆ ให้คนข้างตัว                นมแผ้วยิ้มอ่อนๆ นางภาวนาในใจและหากมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนขลัง นางไม่รอช้าที่จะบนบาน หากสำเร็จจะให้นางทำอะไรก็ได้ ขอแค่คุณหนูได้ยิ้มเต็มหน้า มีคนเคียงข้างและคอยดูแลสองแม่-ลูก สืบต่อไปในอนาคตก็พอ                ต้นไม้ใบหญ้างดงามสดชื่น แย่งกันผลิดอกออกผล เพราะมีคนดูแลเอาใจใส่ กลิ่นดอกไม้หอมๆ โชยกรุ่นไปทั่ว ทำให้บรรยากาศโดยรอบน่าอยู่กว่าเก่าเป็นกอง                “แม่จ๋า...” อัปสราวิ่งหน้าตั้ง เมื่อหล่อนกลับมาบ้านหลังน้อยหลังจากหายไปกว่าครึ่งวัน                ออสตินเดินตามมาเอื่อยๆ วันนี้เขามาเพื่อขอคำตอบ...หลังจากทอดเวลาปล่อยทิ้งเสียนาน                ใบหน้ามันย่องเพราะกำลังสาละวนทำกับข้าวมื้อเย็น เธอชะโงกหน้าผ่านบานหน้าต่าง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อลูกน้อยวิ่งถลาเข้ามาภายในตัวบ้าน                “อย่าวิ่งค่ะนางฟ้า เดี๋ยวล้ม” ปูชิดาส่งเสียงบอกบุตรสาว ความซุ่มซ่ามบวกกับน้ำหนักตัวเกินพิกัด อาจจะทำให้อัปสราเกิดอุบัติเหตุ เธอไม่อยากให้ลูกเจ็บ ไม่ว่าแค่รอยขีดข่วนหรือเจ็บหนัก                ออสตินแหล่มองหญิงสาวคู่กรณี เขาขมวดคิ้วนิดๆ หล่อนไม่รู้จักปรุงแต่งตัวเอง ไม่เหมือนสาวๆ ที่เขาเคยควง ไอ้หน้ามันย่องแบบนี้เขาไม่เคยเห็น แต่...กลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกๆ มันอบอุ่นชื่นใจ เหมือนภรรยากำลังทำกับข้าวรอสามีและบุตรกลับมาที่บ้าน เขาได้กลิ่นความรัก...                “แม่จ๋า นางฟ้าจื้อขนมมาฝาก”                ขนมขบเคี้ยวกล่องใหญ่ เจ้าตัวพยายามหอบหิ้วมาฝากมารดา ไม่ให้ใครช่วยถือ แม้แต่ออสติน                “จ้า...เหนื่อยไหมคะ” หญิงสาวหรี่ไฟในเตา เธอละจากงานที่ทำ หันมาสนใจบุตรสาว มือเรียวบางที่ไม่เคยนุ่ม เพราะเจ้าตัวไม่เคยเกี่ยงงาน ไม่ว่าจะหนักเบาหล่อนไม่เกี่ยงขอให้ได้สตางค์ ปูชิดาสู้ไม่ถอย เมื่อมีคนรอความหวังอยู่ข้างหลัง มือเรียวเล็กยกเกลี่ยปอยผมที่หลุดออกมาจากพวงผมเปียให้เหน็บไว้ข้างหู เกลี่ยคราบเหงื่อที่ผุดซึมเหนือหน้าผาก ก่อนจะยิ้มหวานให้อัปสรา ไม่สนคนเดินตามที่ยืนอิงกรอบประตูครัวมองนิ่งๆ                “ไม่เหนื่อยค่า สนุก” เด็กก็คือเด็ก เขาไม่รู้ถึงความอึดอัด ไม่รู้ว่ามารดากำลังผจญปัญหา สิ่งเดียวที่เขารู้สึกคือความแปลกใหม่รอบตัว มีที่นอน มีที่กิน...                “อย่าซนมากนะคะ เดี๋ยว ‘ลุง’ จะดุเอา”                ได้ยินอัปสราเรียกตัวเอง ออสตินยังรู้สึกยิบๆ ในอก เขาไม่อยากให้เด็กแสบเรียกด้วยคำๆ นี้ แต่พยายามตะล่อมเท่าไร อัปสราก็ยังยืนกรานเหมือนเดิม แต่พอได้ยินจากปากผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เขารู้สึกแปลบๆ ในอก เขาเป็นได้แค่สถานะนี้เหรอ? มีคำถาม...แต่ไม่มีคำตอบ เมื่อออสตินพยายามไม่ล้วงลึก เขากลัวคำตอบที่ได้ยิน เมื่อความเป็นจริง เขาเป็นได้แค่คนอื่น...                “ฉันไม่เร่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่อยากได้นะ”                ออสตินเปรย เขาพูดลอยๆ แต่คนได้ยินสะดุ้ง!!                ปูชิดาทำไม่รู้ไม่ชี้เธอรับถุงขนมจากมือบุตรสาว ก่อนจะหมุนตัวกลับไปวางของทั้งหมดบนโต๊ะ                “ออกไปนั่งดูทีวีดีไหมคะ ในนี้เหม็นควันออก... แม่กำลังทำกับข้าวให้หนูทาน อีกเดี๋ยวคงเสร็จ”                หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องพูด พยายามชักให้ไกลจากสิ่งที่ออสตินอยากรู้ เธอยังไม่มีคำตอบ และคงไม่มีไปอีกนาน เมื่อวังวนที่รออยู่ตรงหน้าคือหายนะของเธอชัดๆ มันเป็นขุมนรกหากเธอเผลอตัวกระโจนลงไป ครั้งแรกคือความเจ็บปวด ความเจ็บปวดที่ต้องแบกทุกข์เพียงคนเดียว แต่...เวลานี้...หากถลำ...มันจะเป็นนรกสำหรับเธอไปชั่วชีวิต เพราะหัวใจไม่รักดีของตัวเอง...ยัง ‘รัก’ มั่นแค่ออสตินเพียงคนเดียว แต่เธอไม่มีค่าพอที่จะเคียงข้างเขา เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ในขณะที่เขาเป็นถึงนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เป็นทายาทเทรย์เวอร์ แล้วเธอล่ะเป็นใคร? ปูชิดาเป็นแค่ผู้หญิงมีตำหนิลูกติดหนึ่งคน แม้แต่ครอบครัวยังเสือกไส เธอไม่มีค่าพอที่จะยืนอยู่ข้างๆ เขาด้วยซ้ำ                “ก็ได้ค่ะ ลุงต่า...ไปดูการ์ตูนกับนางฟ้าดีฟ่า”                อัปสราหันไปชักชวนออสนติน เธอไม่รู้ว่าออสตินกับมารดามีอะไรกัน เพราะเท่าที่รู้ มารดาพยายามเลี่ยงลุงใจดีเหลือเกิน พยายามอยู่ห่างๆ ไม่มายุ่มย่ามใกล้ๆ                “เส้นตายคือ...อีก3 วันนะ วันนั้นฉันจะมาขอคำตอบ เธอจะยอมหรือ...”                มุมปากสีเข้มกระยิ้มเย้ยๆ เขารู้ว่าหล่อนไม่มีทางเลี่ยงและเขาไม่ใจดีขนาดนั้น เขามันคนชั่ว!! ออสตินรู้ตัวดี เป็นคนเลวในสายตาใครหลายคน เรื่องการคุกคามและบีบเค้นให้อีกฝ่ายจนมุม...เป็นงานถนัดของเขา...                ตะหลิวในมือสั่นระริก เพราะมือที่จับด้ามตะหลิวอยู่สั่นรัว ปูชิดาตาแหงนหน้ามองเพดาน เธอกรอกตามองฟ้าให้ละอองน้ำตาไหลไปรวมกันในอก ไม่อยากอ่อนแอให้ถูกเหยียบซ้ำ... ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ                “บ้าชิป!!”                หล่อนสบถออกมาอย่างเหลืออด เขาบีบให้เธอจนมุม ต้องการให้เธอศิโรราบ เออ...เขาสนุก แต่หารู้ไม่มันเหมือนเขาเอาปลายมีดแหลมๆ กรีดลงบนก้อนเนื้อที่เรียกว่า ‘หัวใจ’ เธอไม่ตายแต่ทรมาน ปูชิดานึกในใจแบบประชดประชัน...หากออสตินรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง เขาจะรู้สึกอะไรบ้างไหม? เคราะห์กรรมที่เธอเผชิญหน้าอยู่นี่ เธอสู้ทนไม่แม้จะปริปาก ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นคนดี...แต่เพราะเธอกลัว...                ไม่ว่าจะนิยายเล่มไหน? เท่าที่เคยผ่านตา ไม่มีผู้ชายคนไหนใจดียอมรับหร๊อก หากเขาไม่มั่นใจ                ตรวจ DNA อย่างนั้นเหรอ?                ไม่มีทาง!! เธอไม่ยอมให้อัปสราต้องรู้สึกคลางแคลง หากเด็กหญิงรู้ เธอไม่ได้เกิดมาเพราะพ่อ-แม่ รักกัน แต่เกิดเพราะความผิดพลาด หัวใจดวงเล็กนั่นจะเป็นเช่นไรล่ะ? ความลับจะเป็นความลับตลอดไป ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อหัวใจดวงน้อยของบุตรสาว...                แล้วเธอควรทำไงดีล่ะ?                มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว...แต่ทุกคำถาม ไม่มีทางออก หนทางของเธอคือ ตัน!!                เธอต้องยอมเขาจริงๆ หรือนี่?                ‘เอาน่า’ ปูชิดาปลอบใจตัวเอง...ยังมีเวลาอีกต้อง3 วัน เธอไม่ควรตีตนไปก่อนไข้ ถึงเวลานั้น เธออาจจะ...อาจจะนะ อาจจะหาทางเลี่ยงสวยๆ ให้ตัวเองได้                จานกับข้าวถูกลำเลียงไปวางบนโต๊ะอาหารเล็กๆ เธอจัดจาน ช้อนแบบไม่รีบ เมื่อมีเรื่องคิดอยู่ในหัวตลอดเวลา                “วันนี้ทำอะไรทานคะคุณหนู” นมแผ้วเดินเข้ามากระซิบถามใกล้ๆ ปูชิดาสะดุ้ง!! เธอหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับหญิงชรา                “ต้มจืด ผัดผักรวม หมูทอดค่ะนม”                อาหารง่ายๆ แต่เป็นของโปรดของอัปสรา ไม่ว่าเมื่อไหร ปูชิดาจะนึกถึงลูกสาวก่อนอื่น                “นมไปทานในครัวนะคุณหนู”                นางเหลือบมองออสติน เขายังนั่งกักท่าอยู่ และไม่มีทีท่าจะกลับ อาหารมื้อนี้คงมีอาคันตุกะไม่รับเชิญรวมวงอีกเป็นแน่ นางเลยขอตัวเพื่อไม่ให้เป็นที่รำคาญตา                “นางฟ้าหิวยังคะ ทานข้าวเลยดีไหม?”                บ้านอื่นอาจจะกินมื้อค่ำกันดึกสักนิด แต่สำหรับคนทำมาหากินอย่างปูชิดา เธอกินเร็วและรีบพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้สู้ต่อ                “ดีค่า หิวแย้ว...”                เสียงเล็กๆ ตะโกนตอบ ก่อนที่ร่างอ้วนกลมจะวิ่งถลามาที่โต๊ะอาหาร                “ลุงกินข้าวกับนางฟ้าไหม? แม่จ๋าทำเอง อร่อยที่หนึ่ง”                นิ้วโป้งกลมป้อมยกชูให้มารดา เด็กรู้มากรีบเอ่ยชม พร้อมกับยิ้มแป้น                หึ!! ออสตินยืดตัวขึ้นยืน เขาเดินเอื่อยๆ ตรงไปหาอัปสรา แหล่มองจานกับข้าวบนโต๊ะ พร้อมกับแอบเบ้ปาก...กับข้าวพื้นๆ ไม่ได้วิเศษเลิศเลอ แต่เอาเถอะ!! เขาจะยอมกินก็ได้ ไหนๆ เด็กแสบนี่ก็อุตส่าห์ชวน                ชายหนุ่มทรุดนั่ง เขาไม่ปริปากพูดสักคำ เช่นเดียวกันกับปูชิดา หล่อนเลี่ยงไปนั่งอีกฝั่ง พยายามอยู่ห่างๆ ออสตินแบบเจตนา...หล่อนสนใจแค่ ‘ลูก’ แค่นั้นจริงๆ คอยดูแลเวลาเด็กหญิงรับประทาน ปล่อยให้ผู้ชายหน้ามึนนั่งกินนั่น กินนี่ไปเรื่อย กว่าจะรู้ กับข้าวพื้นๆ ที่ออสตินค่อนว่า เขาเติมข้าวสวยถึง3ครั้ง กวาดกับข้าวที่ชายหนุ่มแอบเหยียดจนหมดเกลี้ยง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม