ระหว่างเดินกลับ ลี่อินเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ
“ป้าไม่ตำหนิลี่อินใช่ไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น และเรื่องที่ลี่อินฝากเงินไว้กับลุงหัวหน้าหมู่บ้านแทนที่จะฝากป้า”
“ไม่เลย ลี่อินทำถูกแล้ว ป้าเองก็อยู่กับตาแก่สองคน เงินมากขนาดนั้นมันอันตราย ฝากไว้กับหัวหน้าหมู่บ้านน่ะดีแล้ว เรื่องนี้ป้าเห็นด้วย ส่วนที่เรียกเงินจากบ้านจางมาหนึ่งร้อยหยวน ป้าว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ลี่อินน่าจะเรียกมากกว่านี้ ป้าละแค้นใจแทน
คราวนี้ล่ะแรงงานเช่นบ้านรองแยกบ้าน บ้านใหญ่จะอยู่กันยังไง แต่ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของเรา พรุ่งนี้ป้าไปด้วยดีไหม ป้าจะบอกให้ เราไม่มีตั๋วซื้อสินค้า บางอย่างในสหกรณ์ก็ซื้อไม่ได้ แต่ป้ามีที่หนึ่งที่ซื้อของได้โดยไม่ต้องใช้ตั๋ว” ประโยคหลังนางต้วนกระซิบ เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นได้ยิน
“ได้เลยค่ะป้า” ลี่อินตอบกลับ เธอเองเคยได้ยินว่าในเมืองนั้นมีตลาดมืด แต่ไม่เคยไปเลยสักครั้ง ถ้าป้าต้วนพาไปจะดีมาก ครั้งต่อไปเธอจะได้แอบไปเอง
เมื่อทั้งสามมาถึงบ้านจึงแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน และนัดเจอกันอีกครั้งคือเช้าพรุ่งนี้
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว สองพี่น้องจึงช่วยกันเก็บจานชาม และไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อีก
กลางดึกคืนนั้นจู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวของเธอ
“คุณต้องการจะเปิดระบบฟาร์มหรือไม่”
“เสียงอะไร” ลี่อินลืมตาขึ้นมา ทว่าเธอกลับตกใจสุดขีดเพราะข้างกายไม่มีน้องชาย และเธอกลับมานอนอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่แทน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน อาฉี น้องอยู่ไหน ตอบพี่ด้วย อย่าทำให้พี่กลัว” ลี่อินร้องเรียกน้องชายลั่นห้อง แต่พอทบทวนและกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้อง ห้องนี้กลับคล้ายห้องของลี่ซินที่เคยอาศัยอยู่
ดังนั้นเด็กน้อยจึงเดินสำรวจรอบห้อง เมื่อมั่นใจแล้วว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เธอจึงรีบวิ่งออกมาเพื่อสำรวจว่าใช่อย่างที่เธอคิดไหมทว่ากลับมีเสียงและประโยคเดิมดังขึ้นอีกครั้ง
“คุณต้องการจะเปิดระบบฟาร์มหรือไม่”
ลี่อินตบตีกับเสียงนั้นอยู่พักใหญ่ พอนึกอะไรได้เลยวิ่งมาอีกห้องที่ลี่ซินเคยใช้ทำงาน เมื่อมาอยู่ที่หน้าห้อง เสียงกลับชัดเจนขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“คุณต้องการจะเปิดระบบฟาร์มหรือไม่”
“เปิดระบบฟาร์ม”
“รหัสเข้า”
“ลี่จางซิน” ลี่ซินตอบรับ พร้อมกับบอกรหัสผ่านที่เธอเคยตั้งไว้
พอเธอยอมเปิดระบบ ประตูห้องก็เปิดโดยที่เธอไม่ต้องเปิดเอง และเมื่อเข้ามาในห้อง ภาพระบบฟาร์มเกมที่เธอคิดให้ทางบริษัทเกมก็ปรากฏขึ้น
“นี่มันระบบฟาร์มเกมที่ฉันเคยสร้างไว้นี่ ทำไมถึงตามมาด้วยล่ะ แล้วฉีหลินไปไหน”
“สวัสดีค่ะเจ้านาย ฉันชื่อเหมยจู เป็นผู้ช่วยดูแลระบบฟาร์มทั้งหมดที่เจ้านายเคยสร้างมา”
“น้องชายฉันอยู่ที่ไหน แล้วนี่มันคืออะไรช่วยบอกฉันหน่อย ฉันมึนไปหมดแล้ว”
“คุณชายน้อยยังคงนอนอยู่ในบ้านโกโรโกโสของเจ้านายค่ะ เหมยจูพาแต่เจ้านายเข้ามาเท่านั้น เจ้านายถามไม่คิดเลยนะคะ นี่เป็นระบบเกมฟาร์มของเจ้านาย มันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะคะ”
“แน่ใจนะว่าเธอเป็นผู้ช่วย ฉันนึกว่าเธอเป็นแม่ฉันเสียอีก” ลี่อินอดพูดจาจิกกัดไม่ได้ แหม…ทำมาพูดบ้านโกโรโกโส อย่างไรเธอก็ต้องอยู่บ้านหลังนั้นไปอีกนาน
“โธ่ เจ้านายอย่าพูดแบบนั้นสิ เหมยจูไม่อาจเอื้อม”
“ฉันถามหน่อยสิ เธอจะตามมาที่นี่ทำไม รู้ก็รู้ยุคนี้สิ่งสำคัญที่สุดคืออาหาร มีทองใช่ว่าจะสบาย แล้วระบบเกมจะตามมาทำไม” นี่คือสิ่งที่เธอไม่เข้าใจ ถ้าเธออยู่ในช่วงยุคที่เทคโนโลยีเริ่มพัฒนาก็ว่าไปอย่าง แต่ยุคนี้ เฮ้อ...
อีกทั้งเธออายุแค่แปดขวบ จะให้ทำอะไรได้ล่ะ
“เฮ้อ... เจ้านาย แม้จะเป็นระบบเกมที่เจ้านายสร้างมา แต่อย่าลืมว่านี่คือเกมฟาร์ม เจ้านายเปิดระบบแล้ว ลองดูหรือยังล่ะคะว่าระบบนี้ทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่มาบ่นเหมยจู”
“อืม ตกลง ขี้เกียจเถียงด้วยแล้ว” ลี่อินเดินเข้ามายังคอมพิวเตอร์ที่เคยใช้งาน แล้วมองไปยังภาพฟาร์มเกมของเธอ
ลี่อินนั่งศึกษากับระบบนั่นทั้งคืน และยิ่งมั่นใจว่ามันคือระบบเกมอันล่าสุดที่เธอเขียน แต่ตอนที่เธอจากมา มันยังไม่ได้รับการพัฒนาเป็นเวอร์ชันนี้
“ง่วงนอนจัง”
เมื่อลี่อินศึกษาระบบฟาร์มเรียบร้อยแล้ว จึงบิดขี้เกียจ เพราะเริ่มง่วงขึ้นมา อีกทั้งพรุ่งนี้เธอยังมีนัดกับป้าต้วนเพราะจะเข้าเมืองไปตลาดมืด
“เจ้านายเปิดมิติของฟาร์มเลยไหมคะ เหมยจูจะช่วย หากเลเวลอัปขึ้นเมื่อไร เหมยจูจะรีบแจ้ง ระบบฟาร์มนี้เจ้านายสามารถเอาผลผลิตทั้งหมดออกไปขายภายนอกมิตินี้ได้”
“จริงหรือเหมยจู ที่ว่าฉันสามารถเอาของในฟาร์มไปขายได้”
“จริงค่ะ เจ้านายยังสามารถซื้อเครื่องชำแหละเนื้อสัตว์ และเครื่องแปรรูปต่าง ๆ ได้ด้วยนะ รอประมาณสามวันให้โปรแกรมรันข้อมูลและเลเวลอัปขึ้น เจ้านายก็สามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ระบบฟาร์มเกมนี้มีได้เลย ส่วนเรื่องเอาของออกไปขายต้องเปิดระบบภายนอกเสียก่อน” เหมยจูอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟัง ระบบฟาร์มเกมนี้ไม่ได้มีไว้เล่น แต่มีไว้ให้เจ้านายของเธอมีกินมีใช้อย่างไม่ลำบาก
“แล้วนอกจากฉัน มิติแห่งนี้ฉันสามารถพาอาฉีเข้ามาได้ไหม บ้านที่อาศัยมัน...” ลี่อินเอ่ยถาม แม้ว่าเธอจะสร้างฟาร์มเกมนี้มาด้วยตัวเอง แต่เรื่องมิติแห่งนี้เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพาน้องชายเข้ามาได้หรือไม่
เธออยากให้ฉีหลินได้นอนสบายและกินอาหารดี ๆ เธอเชื่อว่าห้องครัวย่อมต้องมีอาหารดี ๆ ให้เธอและน้องได้ประทังชีวิต จนกว่าระบบฟาร์มจะเสร็จสมบูรณ์
“ได้ค่ะ เจ้านายสามารถพาใครเข้ามาก็ได้ ขอแค่ไม่กลัวเหมยจูจนสลบไปก็พอ”
“เธอนี่นะเหมยจู ช่างต่อปากต่อคำเสียจริง ว่าแต่ฉันจะเข้าจะออกจากที่นี่ยังไง”
“จากห้องนี้เจ้านายก็ออกไปแบบปกตินี่แหละค่ะ ส่วนจะเข้าออกมิติ แค่พูดว่าเปิดมิติเวลาเข้า ส่วนเวลาออกเจ้านายแค่พูดว่าออกเท่านั้น”
ลี่อินอยากจะเอาอะไรมาทุบเหมยจูเสียจริง ถ้ามีตัวตนนะ ระบบอะไรกวนประสาทสิ้นดี จะพูดสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย ๆ หน่อยก็ไม่ได้
“ถ้าอย่างนั้นฉันออกไปก่อน แล้วจะกลับมาอีกครั้งพร้อมฉีหลิน” ลี่อินตอบกลับ ก่อนจะออกมาจากมิติและเวลานี้เธออยู่ข้าง ๆ น้องชาย นี่จึงทำให้เธอพ่นลมหายใจออกมา
“พี่ใหญ่ไปเข้าห้องน้ำมาหรือครับ อาฉีตื่นมาไม่เห็นพี่ใหญ่ตกใจหมดเลย” ฉีหลินงัวเงียเอ่ยถามพี่สาว ก่อนหน้านี้เขาตื่นขึ้นมาไม่เห็นพี่ใหญ่นอนข้าง ๆ เลยคิดว่าไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นจึงนอนต่อ มารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อกี้นี้
“เอ่อ...” ลี่อินอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าน้องชายจะเห็นอะไรบ้าง จึงเรียกน้องชายมานั่งจับเข่าคุย
“อาฉี หากพี่มีเรื่องบางอย่างจะบอก และมันอาจจะดูเหนือธรรมชาติเล็กน้อย อาฉีจะกลัวไหม”
“พี่ใหญ่อยู่ด้วยไหม” ฉีหลินไม่รู้หรอกว่าพี่ใหญ่พูดเรื่องอะไร แต่ถ้าหากที่นั่นมีพี่ใหญ่อยู่ด้วย เด็กน้อยไม่มีวันกลัว
“อยู่สิ พี่ต้องอยู่กับอาฉีอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ห้ามบอกใครเลย เพราะมันคือความลับ อาฉีเข้าใจและทำได้หรือเปล่า”
“ป้าต้วนก็บอกไม่ได้ใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้ว เรื่องนี้จะมีเพียงพี่และอาฉีเท่านั้นที่รู้ เพราะถ้ามีคนอื่นรู้พี่จะต้องไปอยู่กับพ่อแม่ แล้วอาฉีจะต้องอยู่คนเดียว” ลี่อินขอโทษน้องชายในใจที่ต้องโกหก เนื่องจากเรื่องนี้ต่อให้จะสนิทกับป้าต้วนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่สมควรที่จะพูด แม้อาฉีจะยังเด็ก แต่เรื่องความเป็นความตายของเธอ น้องย่อมไม่มีทางบอกใคร
“ไม่นะ อาฉีสัญญาว่าจะไม่บอกใคร อาฉีจะเก็บเป็นความลับ รู้แค่อาฉีกับพี่ใหญ่สองคน” อาฉีร้อนรนตอบพี่สาว แม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่เรื่องนี้เขารับปากว่าจะไม่พูดกับใคร เขาไม่ต้องการให้พี่สาวเพียงคนเดียวที่เป็นครอบครัวต้องตายเหมือนพ่อกับแม่