ย่าจางเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรน ไม่คิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านยังดึงดันที่จะแจ้งทหารแดง
“ฉันยอมแล้ว ร้อยหยวนก็ร้อยหยวน แต่ฉันต้องการให้นางลี่อินสัญญาว่าจะไม่กลับมาเรียกร้องอะไรอีก”
“ได้ค่ะ และมู่สงต้องลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่เข้ามายุ่งหรือวุ่นวายกับอาฉี ไม่มีการเอาคืนใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นเรื่องนี้จะเป็นโมฆะ และเงินหนึ่งร้อยหยวนต้องจ่ายสดเท่านั้นไม่มีการผ่อนจ่าย หากย่าทำได้ ลี่อินพร้อมที่จะจบเรื่องนี้และไม่ยุ่งเกี่ยวกับบ้านจางอีก” ลี่อินตอบตกลง และขอเป็นเงินก้อนไม่ต้องการแบบผ่อนจ่าย เธอเชื่อว่าถ้าผ่อนจ่ายคนอย่างย่าจางไม่มีวันให้ครบแน่
“ตกลง” ย่าจางกัดฟันและเดินกลับไปยังบ้านของตน เพื่อจะเอาเงินมาให้ลี่อินและฉีหลิน
ลี่อินมองนางต้วน หัวหน้าหมู่บ้าน และทุกคนด้วยความขอบคุณ แม้ว่าจะเอาเรื่องมู่สงไม่ได้ แต่เธอได้เงินก้อนมาถึงหนึ่งร้อยหยวน นี่ก็เพียงพอแล้ว ทำให้เธอและน้องชายต่อชีวิตได้อีกหลายปี
สะใภ้ใหญ่โล่งใจที่ครั้งนี้แม่สามียอมช่วยลูกชาย ทว่าต่างจากบ้านรอง
สะใภ้รองกระซิบคุยกับสามีท่าทางเคร่งเครียด และเสนอความคิดให้สามีนั้นแยกบ้านเสีย
“พี่เหวินเปียว ฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่พี่ต้องแยกบ้าน หากเป็นเช่นนี้ ต่อไปไม่รู้ว่าบ้านใหญ่จะสร้างเรื่องอะไรอีก เงินร้อยหยวนที่จ่ายไปมีส่วนที่พวกเราหามาด้วยเหมือนกันนะ”
“ฉันเริ่มคิดแล้วล่ะ รอแม่กลับมาฉันจะคุยกับแม่ คงต้องขอแยกบ้านกันเสียที มู่สงก่อเรื่องขนาดนี้แม่ยังยอมจ่าย พี่ใหญ่เองก็เข้าข้างลูก ผิดไม่ว่าไปตามผิด” จางเหวินเปียวเห็นด้วยกับภรรยาเรื่องการแยกบ้าน วันนี้เสียหนึ่งร้อยหยวน แล้วต่อไปล่ะ เงินนั่นเขาก็หามาเหมือนกัน
สองสามีภรรยาปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง ไม่นานย่าจางก็เดินกลับมาพร้อมกับเงินหนึ่งร้อยหยวน
“นี่เงิน ไหนสัญญาล่ะ”
“รอเดี๋ยว” หัวหน้าหมู่บ้านให้ลูกชายไปร่างสัญญาให้ แล้วนำมาอ่านให้ทุกคนฟัง
เมื่อจบสิ้นเรื่องนี้ ย่าจางเตรียมพาคนของตนกลับบ้าน ทว่าลูกชายคนรองกลับยั้งไว้ และเอ่ยในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด
“เดี๋ยวก่อนครับทุกคน ผมยังมีเรื่องจะพูด” จางเหวินเปียวเอ่ยขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่เตรียมจะกลับบ้านตนเองต้องรั้งเท้าไว้
“แกมีอะไรเจ้ารอง กลับไปคุยกันที่บ้าน”
“ไม่ครับแม่ ในเมื่อมาที่นี่แล้วก็จัดการให้มันจบเรื่องจบราวเถอะ เวลานี้ผมเหนื่อยเต็มทีแล้ว ผมต้องการแยกบ้าน !!”
“อะไรนะ !!” ย่าจางและสะใภ้ใหญ่ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินจางเหวินเปียวเอ่ยคำว่าแยกบ้านออกมา
“แกบ้าไปแล้วหรือเจ้ารอง บ้านจางยังปวดหัวไม่พอใช่ไหม แกถึงสร้างเรื่องขึ้นมาอีกคน ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะเห็นแก่ตัวแบบนี้”
พี่ใหญ่ของบ้านก่นด่าน้องชายออกมา จนลืมไปว่าสาเหตุมันมาจากลูกชายของตนเองอย่างจางมู่สง ไม่ใช่จากบ้านรอง
“ใช่ ผมอาจจะบ้า แต่ผมไม่ได้โง่ให้ตัวเองถูกเอารัดเอาเปรียบเช่นนี้ เงินหนึ่งร้อยหยวนกว่าจะสะสมได้มันกี่ปี พี่ใหญ่ลองคิดดูนะหากเรื่องนี้ลูกผมเป็นฝ่ายกระทำ พี่ใหญ่และพี่สะใภ้คงไม่ยอมให้แม่สูญเสียเงินหนึ่งร้อยหยวนเป็นแน่ และผมเองก็ไม่ยินยอมเช่นกัน แต่เมื่อแม่ตัดสินใจไปแล้ว ผมจึงพูดอะไรไม่ได้อีก ทำได้เพียงแยกบ้านเท่านั้น” เหตุผลของเหวินเปียวทำให้หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย หากเป็นบ้านรองก่อเรื่อง ด้วยนิสัยของลูกชายคนโตและสะใภ้ใหญ่คงไม่ยอมแน่
การที่ลูกชายคนรองขอแยกบ้านจึงเป็นเรื่องที่สมควร เพราะในอนาคตไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก
“แกอยากจะแยกใช่ไหม ได้... ได้ แต่ฉันไม่ให้อะไรแกสักอย่าง อยากไปก็ไปแต่ตัว ไปแบบบ้านสามนั่นแหละ” ย่าจางเค้นเสียงตอบ เธอเสียเงินไปแล้วหนึ่งร้อยหยวน จะต้องมาแบ่งเงินแบ่งอาหารให้ลูกชายคนที่สองอีกหรือ ไม่มีทางเสียหรอก
“ได้ครับ แม่จะไม่แบ่งก็ได้ แต่เรื่องนี้ผมคงต้องแจ้งไปยังฝ่ายทะเบียนพลเรือน เงินและอาหารที่บ้านจางมี ส่วนหนึ่งมาจากแรงงานเช่นผมกับเมียเหมือนกัน ดูซิฝ่ายทะเบียนพลเรือนจะตัดสินเรื่องนี้เช่นไร”
“ใช่ค่ะ ส่วนเรื่องอาหารที่หายไป บ้านสามไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น ฉันรู้ว่าใคร แต่เพราะฉันเห็นแก่ตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยไม่พูด แม่ลองถามพี่สะใภ้ดูนะว่าส่งอาหารและเงินกลับบ้านกี่ครั้งต่อปี เรื่องนี้พี่สะใภ้รู้ดีที่สุด” สะใภ้รองไม่อยู่เฉยเช่นกัน ในเมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็แฉมันทั้งหมดนี่แหละ อย่างมากเธอก็พาสามีและลูกกลับบ้านเดิม ดีเสียอีกจะได้ไปดูแลพ่อกับแม่ด้วย เวลานี้ท่านแก่ชรามากแล้ว
เวลานี้ชาวบ้านกลับรอดูว่าบ้านจางจะจบไปในทิศทางไหน แต่ดูเหมือนว่าลูกชายคนรองและสะใภ้จะไม่ยอมเหมือนกับบ้านสามที่ออกมาตัวเปล่า
“ไม่มีแล้ว เงินในบ้านมีไม่มาก ฉันให้แกได้แค่สามสิบหยวนเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ให้สำนักงานทะเบียนมาตรวจสอบกับคอมมูนว่าผมกับเมียทำงานได้อาหารและเงินเท่าไร เอาตามนี้นะครับแม่” จางเหวินเปียวอย่างไรก็ไม่ยอม เขาไม่เชื่อว่าเงินกองกลางจะเหลือแค่นั้น เขาทำงานมาตั้งเท่าไร ยังมีบ้านใหญ่และบ้านสามอีก
แม้จะจ่ายให้สองพี่น้องอย่างลี่อินกับฉีหลินหนึ่งร้อยหยวน บ้านจางก็ยังมีเงินเหลือไม่ต่ำกว่าสามถึงสี่ร้อยหยวน แม่เขามัธยัสถ์ขนาดนั้น เงินจะไม่เหลือได้อย่างไร
เมื่อรู้ว่าลูกชายไม่ยินยอม ย่าจางจึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากให้หัวหน้าหมู่บ้านทำหนังสือแยกบ้าน แต่ไม่ยอมให้ลูกชายคนรองอยู่บ้านใหญ่ ให้ไปสร้างบ้านอยู่เอาเอง โดยเธอแบ่งเงินให้หนึ่งร้อยหยวน
เนื่องจากเงินกองกลางเวลานี้เหลือเพียงสองร้อยเจ็ดสิบหยวน เลยแบ่งเป็นสามกอง ส่วนตัวเธอคือเจ็ดสิบหยวน ลูกอีกสองคนคนละหนึ่งร้อยหยวน และแบ่งอาหารให้อีกหนึ่งส่วน
ส่วนเรื่องสะใภ้ใหญ่ตัวดี ย่าจางคิดว่าค่อยกลับไปจัดการ หากทำอะไรตรงนี้จะกลายเป็นที่ขบขันของชาวบ้านได้
ลี่อินไม่สนใจว่าบ้านจางจะเกิดเรื่องอะไรอีกหลังจากนี้ เธอมองว่ากรรมใครกรรมมัน หากถามว่าสงสารลุงรองไหม ตอบได้เลยว่าไม่ แม้บ้านรองจะไม่ร้ายเท่าบ้านใหญ่หรือผู้เป็นย่า แต่ก็ไม่เคยช่วยเหลือบ้านสามเลยแม้วันที่พ่อแม่ล้มป่วย !
หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านทำหนังสือแยกบ้านให้กับบ้านรองจางเสร็จแล้ว ลี่อินจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อจะฝากเงิน
ส่วนสาเหตุที่เธอไม่ฝากป้าต้วนเพราะอย่างไรก็เป็นชาวบ้านเหมือนกัน เธอไม่อยากให้คนมองว่าที่ป้าต้วนเข้าข้างเธอและน้องชายเพราะหวังเงินพวกนี้
“ลุงหัวหน้าหมู่บ้านคะ ลี่อินขอฝากเงินไว้ได้ไหม ลี่อินขอแค่สิบหยวน พรุ่งนี้จะพาอาฉีไปซื้อของในเมือง ลี่อินค่อยมาเอาเงินพรุ่งนี้นะคะ”
“ได้สิ ลุงจะเก็บไว้ให้”
แม้จะมีธนาคารฝากเงิน แต่อายุเพียงแปดขวบการเปิดบัญชีนั้นยุ่งยาก และยังต้องเข้าไปที่ตัวมณฑล หัวหน้าหมู่บ้านจึงเก็บเงินไว้ให้แทน
“ขอบคุณค่ะ”
“กลับกันเถอะลี่อิน” นางต้วนเอ่ยชวนสองพี่น้องกลับบ้าน เวลานี้เลยมื้อเย็นมากแล้ว เธอกลัวว่าเด็กทั้งสองจะหิว