บทที่ 1 เกินกว่าที่จะรับไหว
เฟยเฟย หญิงสาวธรรมดาที่ทำงานในบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียง แม้จะเรียนจบมาด้วยคะแนนที่เรียกได้ว่าสูงจนน่าเหลือเชื่อ แต่หน้าที่ของเธอมักจะเป็นงานทั่ว ๆ ไปและงานที่ต้องประสานงานกับแผนกอื่นไปทั่ว ไม่ได้มีตำแหน่งงานเป็นกิจจะลักษณะ
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหน้าที่ที่คนอื่นไม่อยากทำ รวมถึงตัวของเฟยเฟยเอง แต่เพราะเธอเพิ่งเข้ามาใหม่และหญิงสาวต้องการเลื่อนตำแหน่งให้เร็วที่สุดเธอจึงยอมจัดการหน้าที่ต่าง ๆ นี้
และดูเหมือนฟ้าจะมีตาเพราะเพียงแค่มาทำงานได้ไม่ถึงสามเดือน เธอก็ถูกหัวหน้าแผนกเรียกเข้าไปช่วยงาน หญิงสาวยินดีช่วยเขาทุกอย่างโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะให้เครดิตเธอบ้าง แต่ก็เปล่า ไม่ว่าจะหยิบจับช่วยงานอะไร หัวหน้าแผนกก็ไม่เคยเอ่ยถึงการมีตัวตนของเธอเลยสักครั้ง งานแรกเธอทำเพียงเล็กน้อยเฟยเฟยจึงไม่ได้สนใจอะไร
แต่งานถัดมาหัวหน้าแผนกส่งงานโปรเจกต์ใหญ่ให้เธอทั้งโปรเจกต์ หญิงสาวทำมันอย่างเต็มที่ เธอมั่นใจว่าครั้งก่อนคือการทดลองงานของเธอและครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เจ้าของบริษัทเห็นค่าของเธอเสียที
หลังจากการทำงานที่เหนื่อยล้าจนแทบไม่ได้นอนเป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน วันนี้เป็นวันนำเสนอโปรเจกต์ที่เธอทุ่มเททำจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน หัวหน้าแผนกสั่งให้เธอเตรียมข้อมูลอย่างละเอียดก่อนเข้าประชุม เฟยเฟยหยิบแฟ้มและยิ้มกับตัวเองอย่างมั่นใจเพราะคาดหวังว่าจะได้เป็นคนนำเสนองานเอง
แต่เมื่อเข้าไปนั่งในห้องประชุมพร้อมคนอื่น ๆ ที่นั่งของเธอกลับถูกจัดเอาไว้กับพวกเลขาของเจ้านายที่นั่งอยู่ติดกำแพงด้านหนึ่งของห้อง ไม่ได้แม้แต่จะนั่งโต๊ะประชุมด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำคนที่เป็นคนนำเสนองานก็คือหัวหน้าแผนกของเธอ เขาเดินเข้ามาพร้อมยิ้มกว้างแต่ไม่ได้มองเธอเลยแม้แต่นิด
“สวัสดีผู้บริหารและพนักงานทุกคน โปรเจกต์ที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ ผมเป็นคนคิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น และดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ ผมอยากให้ทุกคนเห็นว่าผมและแผนกของเราให้ความสำคัญกับรายละเอียด และทำงานเป็นทีมอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้ามีข้อบกพร่องอะไรก็พร้อมที่จะรับฟังนะครับ”
เฟยเฟยเบิกตากว้างหัวใจหล่นวูบกับคำว่า
“ผมเป็นคนคิด”
เขา เขาเป็นคนคิดที่ไหนเมื่อไหร่กัน แต่นั่นไม่สำคัญเพราะตรงที่เฟยเฟยติดใจคือเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเธอแม้แต่น้อย ไม่พูดถึงความพยายามของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว งานแผนกตรงไหน ทุกส่วนของงานชิ้นนี้เธอเป็นคนทำคนเดียวทั้งหมด อย่าว่าแต่ช่วยเธอคิดเลย น้้ำสักแก้ว ถามไถ่สักคำยังไม่เคยมีออกมาจากปาก
“นี่สินะ หัวหน้าแผนกวางแผนที่เขาบอกว่าเก่งกาจ ก็ดูเก่งจริง ๆ ฉลาดลึกซึ้ง คิดโปรเจกต์แบบนี้ออกมาได้ ใครจะไปสู้”
หลังจากการนำเสนอผ่านไป บรรดาพนักงานและผู้บริหารต่างก็ชื่นชมให้กับผลงานที่น่าทึ่งนี้ ไม่เว้นแม่แต่คนที่นั่งข้าง ๆ เฟยเฟย
“ก็ใช่สิ” อีกคนหัวเราะเบา ๆ “ไม่งั้นเขาจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วขนาดนี้หรือไง”
เสียงกระซิบกระซาบของพวกนั้นทำให้เฟยเฟยอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอลุกขึ้นแล้วพูดเสียงดัง “ขอโทษนะคะ แต่โปรเจกต์นี้ฉันเป็นคนคิดและทำทุกอย่างเองทั้งหมดนะคะ หัวหน้าก็แค่เข้ามาแก้รายละเอียดเล็กน้อยตอนที่งานมันเสร็จแล้วก็เท่านั้น”
ทุกคนในห้องประชุมเงียบกริบ หัวหน้ามองเธอด้วยสายตาตกใจ แต่ก็ปรับสีหน้ากลับอย่างรวดเร็ว “อ้อ คุณเฟยเฟย อารมณ์ร้อนแบบนี้จะทำให้งานดี ๆ ของแผนกเราดูแย่ลงนะ เราต้องทำงานเป็นทีมใช่ไหมครับ ผมก็บอกไปแล้วว่าเป็นงานของผมกับแผนก ผมก็เอาความคิดของทุกคนในแผนกมารวบรวมและปรับอีกครั้ง”
เฟยเฟยรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามเข้าไปอีก เธอสูดหายใจลึกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแน่นแต่ชัดเจน
“การทำงานเป็นทีมไม่ได้หมายความว่าใครคนหนึ่งทำงานแและใครอีกคนเป็นคนเดียวที่ได้หน้าไปทั้งหมดนะคะ หัวหน้าไม่เคยถามดิฉันสักคำว่าฉันทำงานนี้ขึ้นมาอย่างไรหรือต้องติดต่อประสานงานกับฝ่ายอื่น ๆ กี่ครั้ง ถึงจะสำเร็จ หัวหน้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้อมูลเหล่านั้นหามาได้จากที่ไหน”
หัวหน้าเริ่มมีสีหน้าฉุนเฉียวเล็กน้อย “เฟยเฟย ผมคิดว่าคุณอาจจะไม่เข้าใจระบบของบริษัทเรานะ คุณยังใหม่ ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ไม่ใช่แค่เรื่องงานแต่เรื่องการแสดงความอ่อนน้อมด้วย”
หรือเพราะเธออ่อนน้อมไปในสายตาของหัวหน้างั้นหรือ เขาถึงได้มาเอาเปรียบเธอซึ่ง ๆ หน้าได้ขนาดนี้
เพื่อนร่วมงานสองคนข้าง ๆ ยิ้มขำกันเบา ๆ หนึ่งในนั้นกระซิบเบา ๆ แต่เฟยเฟยได้ยิน “เล่นใหญ่จริง เถียงหัวหน้ากลางที่ประชุมผู้บริหารแบบนี้เลยเหรอ”
“แถมยังบอกว่าเป็นคนทำงานเองทั้งหมดอีก” อีกคนกระซิบกลับ
“อาจจะคิดว่างานที่เดินเอาเอกสารไปส่งที่นั่นที่นี่เป็นการคิดงานทุกอย่างมั้ง ที่จริงก็แค่พนักงานเดินเอกสารและเก็บข้อมูลก็เท่านั้นสำคัญตัวเองไปเสียได้น่าสงสารจริง ๆ”
เฟยเฟยหันมองคนพวกนั้นด้วยสายตาว่างเปล่า เธอรู้สึกหมดหวังอย่างสิ้นเชิงกับสภาพแวดล้อมนี้ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจครั้งสุดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ถ้าระบบบริษัทนี้ไม่เห็นค่าของคนที่ทำงานจริง ๆ ก็คงไม่มีประโยชน์ที่ฉันจะอยู่ต่อค่ะ ขอลาออกตอนนี้เลยนะคะ”
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุม โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก ถ้ามันเป็นการระดมสมองจริงเธอจะไม่โกรธสักนิด แต่นี่ทุกอย่างเป็นเธอที่ทำเพียงคนเดียว ไม่มีใครแนะนำหรือช่วยอะไรเลย และที่นำเสนออยู่ตรงหน้าก็เห็น ๆ ว่าไม่ได้มีการแก้ไขเลยจากที่เธอทำไป
บางทีที่ได้ตำแหน่งหัวหน้าแผนกมา หัวหน้าของเธออาจจะใช้ความหน้าด้านแบบเมื่อครู่แย่งชิงงานของคนมาไม่รู้เท่าไรแล้วก็เป็นได้ ที่ผ่านมาแม้สภาพแวดล้อมในการทำงานจะ Toxic แค่ไหน เฟยเฟยก็อดทนเรื่อยมา แต่ครั้งนี้มันเกินไป เกินไปมากจริง ๆ