สามทุ่มวันรุ่งขึ้น ที่ผับย่านรัชดา
หยกเดินมาสมทบกับพี่ที่บริษัทเก่าด้านหน้าผับ ซึ่งมาด้วยกันกลุ่มใหญ่ทั้งหญิงและชายประมาณสิบคน เพราะนัดกันไว้ว่าจะนัดเลี้ยงส่งหยกย้อนหลัง เนื่องด้วยเมื่อสองวันก่อนที่เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของหยก พวกเขาปิดจ๊อบไม่ลง จึงล่วงเลยถึงดึกดื่น ประกอบกับตรงกับวันพุธด้วย วันรุ่งขึ้นคงจะลากสังขารมาทำงานไม่ไหว ทั้งหมดจึงตัดสินใจว่าจะเลี้ยงกันวันนี้ซึ่งตรงกับวันศุกร์
“เฮ้ย คุณหมอ” พี่นัย หนึ่งในกลุ่มทักหยกที่เดินเข้ามาในลุคของคุณหมอที่สวมแว่นกรอบดำ ชายเสื้อเชิ้ตเหน็บอยู่ในกางเกงเรียบร้อย ผมก็จัดทรงอย่างดี ที่สำคัญคือมีสเต็ทโตสโคปสีส้มสะท้อนแสงซึ่งยืมน้องไข่มุกมาคล้องอยู่ที่ลำคอ
“เกิดอะไรขึ้น ไหนว่าไปทำขนม ทำไมดูเหมือนหมอ” พี่เสือโคร่งทำหน้าประหลาดใจ
“สาวๆ ชอบหมอไม่ใช่เหรอพี่” หยกยักคิ้วท้ายคำเฉลย
“อ๋อ คุณหมอจะมาฉีดยาว่างั้นเถอะ” พี่นัยแซว
“ไม่ต้องเป็นหมอ ก็มีแต้มความหล่อเก็บไปใช้ยันชาติหน้าแล้ว โอปปามาเห็นนี่มีเคืองนะ” พี่อีกคนในกลุ่มสำทับ
“ไม่เบาเลยนะน้องเรา หล่อ สูง กล้ามเป็นมัด ยังไงคืนนี้ต้องมีติดไม้ติดมือกลับไปอยู่แล้ว” หนุงหนิงแฟนของพี่เสือโคร่งฟันธง
“ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วครับ เข้าไปกันเถอะ” หยกชวนเมื่อเห็นว่าพี่อีกสองสามคนที่เดินไปสูบบุหรี่กลับมาสมทบแล้ว
“เฮ้ย ยืนเกะกะอยู่ได้” เสียงหนึ่งดึงขึ้นพร้อมกับที่ร่างของหยกโดนกระแทกจนถลาไปข้างหน้า
“แม่ง ไอ้สัตว์” หยกปรี่จะไปกระชากไหล่ แต่พี่ร่วมงานรีบเข้ามาดึงไว้
“ไม มีปัญหาเหรอไอ้หนู” ไอ้หนุ่มคนนั้นหันมาตวัดเสียงถามคนที่ตัวสูงใหญ่กว่า แต่อายุน้อยกว่า
“ส้นตีน” ยิ่งเห็นหน้ามันชัดๆ หนุ่มเลือดร้อนยิ่งของขึ้น หยกจำมันได้แม่น ก็มันนี่แหละใช้ให้หยกเอานามบัตรไปให้แอนนา ถ้าไม่อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่อย่าหวังเลยว่าเขาจะทำให้
“กลับบ้านไปกินนมนอนไป๊” เหยียดหยามจบก็สะบัดหน้าเดินเข้าไป
กอล์ฟจำหยกไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าหยกอยู่ในลุคของคุณหมอ แต่เป็นเพราะไม่เคยคิดจะจำคนที่ไม่มีราคาสำหรับเขา ต่อให้หยกกลับไปอยู่ในชุดเชฟของโรงแรม เขาก็จำไม่ได้
“ไม่เอา ปล่อยไป มันเข้าไปคนเดียวก็จริง แต่ข้างนอกมีลูกน้องมันหลายคน” พี่สนที่มีกลิ่นบุหรี่ในทุกคำพูดบอกพลางตวัดตาไปยังการ์ดของคนที่เพิ่งเดินเข้าไป
“ไอ้กอล์ฟ!” หยกระบุชื่อของคนที่จำหน้าได้แม่นยำ
“อย่าไปยุ่งกับมัน ไอ้หมอนี่สร้างภาพเก่ง ตกสาวยิ่งเก่ง คารมดี สุภาพ ยังไม่ทันกลับจากเมืองนอกก็ให้ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์ของบริษัทประโคมข่าวใหญ่โต วันที่ลงจากเครื่องพนักงานแทบจะไปปูพรมแดงที่สนามบิน เขียนสคริปต์ให้สื่อ ซื้อพื้นที่ข่าวหลายวัน” พี่นัยร่ายยาวตามประสาคนมีเพื่อนอยู่ในสำนักข่าว
“แต่ความจริงโคตรเหี้ย” เสือโคร่งสรุป แล้วพยักหน้าให้ทุกคนเดินเข้าไปด้านใน
หยกอดไม่ได้ที่จะมองว่ากอล์ฟเดินไปทางโต๊ะไหน เขาจะได้ชวนกลุ่มพี่ๆ ไปอยู่โซนอื่น ถ้าอยู่ใกล้ๆ กันเขาคงทนมันไม่ได้...ความจริงก็คุกรุ่นมาตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว
แต่เท้าเจ้ากรรมมันดันเดินตามไป เมื่อเห็นว่ากอล์ฟชูโทรศัพท์มือถือที่เปิดรับสายขึ้นสุดมือ โบกหน้าจอที่สว่างไสวตัดกับแสงสลัวในผับ ตอบโต้กับโต๊ะที่อยู่ด้านในที่ชูมือถือโบกไปโบกมาในลักษณะเดียวกัน
“เฟิร์น” หยกพึมพำชื่อคนรู้จักออกมาเบาๆ พลางกวาดตามองอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นผู้หญิงอีกสองคน นั่นก็คือแพ็ทตี้กับแอนนา
แสงวับแวมบ้างสลัวบ้างทำให้หยกเห็นไม่ชัดนัก เขาจึงชวนรุ่นพี่ให้เลือกโต๊ะว่างที่ไม่ไกลจากโต๊ะสามสาวเท่าไร
แอนนามีสีหน้างงงันนิดหน่อยและหันไปทางเฟิร์น
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกนะ ฉันชวนเขามาเองแหละ” เฟิร์นสารภาพด้วยท่าทางรู้สึกผิด
“แกคลิกกันใช่ไหม” แอนนาถาม ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เฟิร์นทำตัวเป็นแม่สื่อ
“อืม คลิก” เฟิร์นยอมรับอย่างอายๆ
“เมื่อไรจะเลิกนิสัยมาเร็วเคลมเร็ววะเฟิร์น” แพ็ทตี้ตีแขนเพื่อน “ระวังจะพลาดเข้าสักวัน”
“สวัสดีครับสาวๆ” กอล์ฟทักทายขณะแทรกตัวเข้ามาระหว่างเฟิร์นกับแอนนาที่โต๊ะกลม
เสียงทักทายของเขาได้รับการตอบกลับจากสาวๆ แข่งกับเสียงดนตรีจนแทบไม่ได้ยิน
“สั่งได้เต็มที่เลยนะ พี่เลี้ยงเอง” กอล์ฟเริ่มโชว์ป๋า
แอนนาทำเป็นไม่สนใจเขา ความสนุกหายไปจนแทบไม่เหลือเมื่อถูกสายตาล่าเหยื่อของเสือหิวจับจ้องอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่มือไม้ร่างกายของเขานัวเนียอยู่กับเฟิร์น
ยิ่งดึกดนตรีก็ยิ่งเร้าใจ ทุกโต๊ะออกสเต็ปแด๊นซ์ตามจังหวะ กอล์ฟเต้นกับเฟิร์นแต่ก็พยายามหาจังหวะมาเบียดกระแซะแอนนา หญิงสาวขยับออกห่างทุกครั้งแบบเนียนๆ เสียงเชียร์จากโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากเธอเท่าไรดังอย่างสนุกสนาน ดึงดูดให้แอนนาหันไปมอง หนุ่มสาวสิบกว่าคนโต๊ะนั้นเต้นกันมันสุดติ่ง
คนที่โยกจนเอวจะหลุดช่างดูคุ้นตา
“โว้วๆๆๆ ไอ้หมอ” เพื่อนร่วมโต๊ะดังกล่าวพากันร้องเชียร์เมื่อหนุ่มสายโยกขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ แสงไฟในผับเปลี่ยนทิศมาที่เขาทันที คุณหมอกำมะลอร่างใหญ่เต้นแบบมีจุดยืน นั่นก็คือเต้นไม่ยั้ง เต้นให้เอวพังหวังดึงดูดความสนใจจากทุกคน