ข้าวเหนียวมะม่วง

1028 คำ
“ฉันอยากไปนวดตัว ขัดผิวแล้ว” แอนนาโอดครวญกับเพื่อน เธอจองคิวร้านเสริมความงามแถวบ้านไว้เป็นคิวสุดท้ายตอนสามทุ่ม “อีกครึ่งชั่วโมงก็หมดหน้าที่เราแล้ว อดทนหน่อย” เฟิร์นให้กำลังใจ “พรุ่งนี้ตอนค่ำไปเจอกันที่ผับเลยนะ ตอนแรกคิดว่าย้ายเข้าคอนโดฯ ตอนเก้าโมงตามฤกษ์ของพ่อเสร็จแล้วจะมาทำงาน ตะกี้พ่อโทร.มาบอกว่าจะไปส่งที่คอนโดฯ ด้วย เพราะฉันสงวนคอนโดฯ ไว้เป็นที่ส่วนตัวพ่อคงไม่มีโอกาสได้มาอีก พ่อน่าจะอยู่ถึงบ่าย ฉันเลยคิดว่าจะโทร.มาลาป่วยเอาแล้วกัน” “เออๆ” แพ็ทตี้รับคำอย่างคนเข้าใจดี มุกนี้เธอใช้บ่อย ลากิจไม่ทันก็ต้องใช้วิธีลาป่วยนี่แหละ “คราวนี้ไม่มีพ่อคอยคุม พี่ภีมกำลังไปนอก ก็เปรี้ยวเผ็ชเจ็ดย่านน้ำไปเลยไหมล่ะ” เฟิร์นเย้า “พี่ภีมไม่เกี่ยว ไม่ต้องดึงเขาเข้ามาเกี่ยวกับวงจรชีวิตฉัน” แอนนาหน้าบึ้งตึงเมื่อได้ยินชื่อนี้ “โทษที แกบอกว่าไม่ได้เอารถมา วันนี้จะกลับยังไง” แพ็ทตี้ถามอย่างนึกขึ้นได้ แต่แอนนายังไม่ทันตอบก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงทุ้มสั้นห้วน “มีผู้ชายฝากมาให้ เขาบอกว่าคืนนี้ไปส่ง” หยกจ้องหน้าแอนนา มือหนายื่นนามบัตรมาตรงหน้าหญิงสาว ก่อนจะขยับตัวหลบเพื่อให้แอนนาเห็นเจ้าของนามบัตร “พี่กอล์ฟ” แพ็ทตี้กับเฟิร์นเอ่ยออกมาพร้อมกัน “ฉันว่าแล้วไหมล่ะ วนเวียนมาถามนั่นถามนี่ แววตางี้แผดเผาไปถึงไต ซีอีโอเลือดใหม่ทันสมัย แต่ยังใช้มุกจีบสุดคลาสสิกแบบนี้อยู่อีกเนอะ” แพ็ทตี้บิดตัวไปมาเหมือนถูกจีบเอง เซเลบวัยสามสิบห้าควบตำแหน่งซีอีโอของบริษัทผลิตเม็ดพลาสติกมองตรงมา และส่งยิ้มมาให้เหมือนตอนที่พระเอกบอกรักนางเอกไม่มีผิด “ละลาย ทั้งใจและตัว” เฟิร์นกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “รับไปสิ เสียเวลา ฉันมีนัด” หยกโพล่ง ดึงมือแอนนาขึ้นมา แล้ววางนามบัตรลงไป “ส่วนนี่ของฉัน ค่าจ้างเอานามบัตรมาให้เธอ” หยกชูธนบัตรสีม่วงให้เธอดูก่อนยัดใส่กระเป๋ากางเกง “แอนนา ได้คนไปส่งแล้วแก คนนี้แหละโปรไฟล์แน่น พ่อแม่แกปลื้มแน่” เฟิร์นกระเซ้าเพื่อน “เดี๋ยวหยก” แอนนาไม่สนใจคนที่เพื่อนทำตาเคลิ้มฝันใส่ เธอรั้งหยกที่กำลังหลังหันกลับไว้ “อะไรยายข้าวเหนียวมะม่วง!!!” คำถามของหยกทำให้แพ็ทตี้กับเฟิร์นหลุดออกจากความเคลิ้ม ขณะเดียวกันกับที่กอล์ฟพอเห็นว่าเชฟหนุ่มทำหน้าที่เสร็จแล้วก็เดินกลับเข้าไปในงาน “อะไร วันนี้ไม่มีข้าวเหนียวมะม่วงเสิร์ฟไม่ใช่เหรอหยก” เฟิร์นเป็นคนถาม “ก็พวกเธอนั่นแหละ แต่งตัวเหมือนข้าวเหนียวมะม่วง” หยกมองขึ้นมองลงให้เฟิร์นประมวลผลด้วยตัวเอง กระโปรงสีขาวคงเป็นข้าวเหนียว ส่วนเสื้อสีเหลืองก็น่าจะมะม่วง “อ๋อ งั้นสิทำไมพวกเราถึงขายดี เป็นที่นิยม” เฟิร์นพูดอย่างภาคภูมิใจ “คร้าบบบ คนสวย” หยกมองเฟิร์น ก่อนจะจับมือบางที่ถือนามบัตรขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้บีบแรงพร้อมกับกัดฟันพูดเฉพาะกับแอนนา “ถ้าจะให้อร่อยคืนนี้ก็ให้ไอ้หมอนี่ใส่น้ำกะทิเยอะๆ นะ” สายตาที่ใช้มองเธอมีแต่ความขุ่นเคือง จากนั้นก็สะบัดแขนเธอลงและเดินหน้าบึ้งตึงจากไป สามสาวยืนอ้าปากหวอกับคำพูดเป็นนัยที่เข้าใจได้ทันที พอตั้งสติได้แพ็ทตี้ก็ถามแอนนา “ปากออกจะน่าจูบ แต่อ้าออกมาหลบหมาแทบไม่ทัน แกเรียกเขาไว้ทำไม แอนนา เรียกให้เขาด่าแกเหรอ” “ก็แค่สงสัยว่าเขาจะกลับแล้วเหรอ ทำไมพวกเรายังต้องยืนอยู่อีกตั้งครึ่งชั่วโมง” แอนนาแสร้งสงสัยไปอย่างนั้น เพราะตะกี้เดินสวนกับเจสซี่ที่กำลังเดินไปเข้าลิฟต์ อีกฝ่ายบอกว่าหมดหน้าที่ของตนกับหยกแล้ว คนของโรงแรมจะดูแลที่เหลือต่อเอง “แน้ๆๆๆ คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ วันนี้แกดูลุกลี้ลุกลน ชะเง้อคอยืดคอยาวทั้งวัน สรุปว่าชอบแบบนี้ใช่ปะ ไอ้ที่บอกเมื่อตอนกลางวันว่าอยากเป็นเพื่อนน่ะคือเรื่องหลอก แต่อยากได้เป็นอย่างอื่นคือเรื่องจริง ใช่ไหม วันนี้แค่ซักถามประวัติคร่าวๆ จากเจสซี่ แต่ถ้าแกอยากขยับสถานะมากกว่านั้นฉันจะได้ช่วยดัน” “อือ ทำนองนั้นแหละ” แอนนายอมรับในที่สุด “บอกไม่ถูกว่าทำไมชอบ ไม่ผิดใช่ไหมที่ผู้หญิงจะจีบก่อน” “แล้วใครบัญญัติไว้ล่ะว่าผู้ชายต้องเป็นคนเลือกก่อน ผู้หญิงเราก็มีสิทธิ์เท่าๆ กันนะ” “เขาจะว่าฉันไหม” แอนนาเสียเซลฟ์สาวมั่นไปเหมือนกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอคิดจะจีบผู้ชาย “เขาว่าไปแล้ว อีมะม่วงแรด เพราะฉะนั้นอย่าให้โดนด่าฟรี” เฟิร์นสนับสนุน “ชอบก็เดินหน้า ศึกษากันไป ยังมีเวลาอีกเยอะ อายุยังน้อย เขาอาจจะเป็นคนที่ใช่สำหรับแกก็ได้เพื่อน” แพ็ทตี้ให้กำลังใจ “ว่าแต่พี่กอล์ฟล่ะ” เฟิร์นพยักพเยิดมายังนามบัตรในมือแอนนา “ฉันไม่เคยสนใจคนพวกนี้เลย แค่ประดิษฐ์รอยยิ้มและพูดคุยตามหน้าที่ ไม่เคยคิดอะไรเกินเลย” แอนนายักไหล่ “บางคนเขาอาจจะจริงใจ อยากคบกับแกจริงๆ ไม่ได้หวังฟันอย่างเดียวก็ได้นะ” เฟิร์นเตือนสติเพื่อน “ก็มันไม่คลิกไง ไม่คลิกก็ไม่อยากไปต่อ” แอนนาคว้ามือเฟิร์นขึ้นมา และวางนามบัตรลงไป “อ้ะ เอาไปศึกษาดูใจกัน ตะกี้แกแสดงอาการประเจิดประเจ้อที่สุด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม