ความฝันของสาวน้อย+ตอนที่ 1
ความฝันของสาวน้อย
ร่างสูงสง่าเดินเข้ามาช้าๆ
สายตาที่จ้องมาคมวาว ราวกับว่าไม่ใช่สายตาของผู้ปกครองหนุ่มที่หล่อนคุ้นเคย ความคมปลาบกรุ้มกริ่ม เหมือนจะสื่อความนัยบางอย่าง แต่ทั้งที่ไม่เข้าใจแน่ชัด อกใจสาวน้อยผู้ไร้ประสบการณ์เชิงรักก็ยังต้นโครมคราม ตามด้วยอาการวาบหวิวจากช่องท้อง แล่นปราดสู่จุดสงวนลี้ลับที่ไม่เคยเผยแก่สายตาใครมาก่อน
แล้วร่างอ้อนแอ้นก็ถึงกับสั่นสะท้าน ทันทีที่ตกอยู่ภายใต้วงแขนแข็งแรง
“แจ้...”
เสียงมีกังวานห้าวนุ่มนวลกระซิบเรียกข้างริมหูเล็ก
“ขา” เสียงขานรับเบาหวิว เรี่ยวแรงให้แข้งขายืนหยัดแทบจะไม่หลงเหลือ
“ขอให้อาได้รักแจ้เถอะนะ”
จะตอบอย่างไรดี.... หล่อนจะตอบอย่างไร
ใจน่ะอยากตอบตกลงสักร้อยครั้ง แต่ปากกลับหนักอึ้ง
“รู้ใช่ไหมว่าอาต้องการการแจ้ อยากกอด” แขนล่ำสันมัดร่างอ้อนแอ้นแน่นเข้า “อยากจูบ...” ปากรุมร้อนแนบลงมาชิดปากเย็นๆ อึดใจเพื่อเป็นการสาธิต “และอยาก...ทำทุกอย่างให้แจ้ของอามีความสุข อนุญาตอาเถอะนะคนดี”
เรี่ยวแรงที่มีพอแค่พยักหน้ากับอกกว้างตึงไปด้วยมัดกล้ามแน่น
เหมือนกับว่าเขาใจจดจ่อรอให้หล่อนอนุญาตอยู่แล้ว ทันทีที่รับรู้ในอาการพยักหน้านิดเดียวของหล่อน ร่างหล่อนก็ลอยลิ่วขึ้นสู่วงแขนแข็งแรง เมื่อถูกปล่อยอีกครั้งสิ่งรองรับคือที่นอนหนานุ่ม
สมองของหล่อนคงงงงวยกับความสมหวังที่ฝันมาตลอด สักวันผู้ปกครองจอมเผด็จการรูปหล่อจะหันมาให้ความสนใจหล่อนอย่างหนุ่มให้ความสนใจสาว ไม่ใช่อย่างผู้ใหญ่สนใจเด็กเล็กคนหนึ่ง กว่าจะได้สำนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ร่างสูงใหญ่ก็แนบลำตัวลงมาทาบทับ
ปากได้รูปงามที่หล่อนเคยนึกอยากสัมผัสด้วยปลายนิ้วเพื่อให้รู้ว่าจะนุ่มเหมือนปากหล่อนหรือไม่ ก็ซุกไซ้ลงชิดลำคอเรียวเล็กของหล่อน ก่อความซ่านสยิวแปลกๆ แก่หล่อน
ปากอุ่นเป็นร้อนนั้นไม่ได้อยู่นิ่งกับที่ แต่กำลังลามลงหาอกอวบตั้งเต้าที่กำลังสะท้านไหวตามแรงหอบหายใจของผู้เป็นเจ้าของ
“อ๊าซ์...”
หล่อนหลุดเสียงครางออกมา เพราะเสียวหัวนมที่กำลังถูกดูดดึงจากปากหยักได้รูป
“อะ...อากัณห์”
เสียงเรียกผู้ปกครองจอมเผด็จการที่หล่อนเคยอยากลูบไล้ผิวกายเขา สั่นพลิ้ว
“อูยส์...อย่าค่ะ! อย่า...”
เสียงร้องห้ามลากยาว เมื่อรับรู้ได้ว่านิ้วยาวใหญ่กำลังรุกคืบเบิกทางที่ไม่เคยมีสิ่งใดเล็ดลอดเข้าไป
ปากห้ามปราม แต่กายสาวบิดส่าย แอ่นสะโพกเบียดเนินนูนเป็นกระเปาะเข้าหามือใหญ่ อย่างวอนขอความแนบชิดยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“คุณแจ้ค้า ตื่นยังคะ สายแล้วนะคะ”
ร่างบางที่กำลังนอนบิดส่ายอยู่บนเตียง ผวาเฮือก เปลือกตาปิดสนิทอย่างคนกำลังหลับเบิกออกจากกัน
บ้าบอที่สุด! นี่แค่ฝันไปเองหรอกหรือเนี่ย?
“คุณแจ้...”
เสียงปลุกจากฝันวาบหวามเรียกเข้ามาอีก
“เออ ได้ยินแล้วน่า”
บอกออกไปเสียงหงุดหงิดเพราะฝันค้างๆ คาๆ คือก็ไม่รู้หรอกว่า ถ้าไม่ถูกปลุกเสียก่อน ความฝันจะไปสิ้นสุดลงตรงไหน
“อีกครึ่งชั่วโมงจะตั้งโต๊ะอาหารเช้าแล้วนะคะ”
“เดี๋ยวลงไป”
ปัญจมาถอนใจเฮือก รู้สึกเลยว่าเช้านี้ตัวเองอารมณ์ไม่ผ่องใสนัก
“อากัณห์บ้า! ทำไมต้องตามมารบกวนกันกระทั่งในฝันด้วยนะ” ปากบางบางอิ่มงึมงำกับตัวเอง ตากลมใสสีน้ำตาลสวยขุ่นมัว
ความขัดอกขัดใจมีแน่ๆ แต่ที่มีมากกว่า อารมณ์ตื่นตัวของหญิงสาวที่ถูกเร้า จนเกิดความปรารถนาอยากลิ้มลองในสิ่งที่ตัวเองก็ยังไม่รู้แน่ หากได้ลิ้มรสเข้าจริงๆ จะวิเศษ แสนสุขอย่างที่จินตนาการอยู่บ่อยๆ หรือไม่
ตอนที่ 1
อกัณห์ นภนนท์ ถอนใจเฮือก รับรู้ว่าความสงบทางใจที่หาได้ยากยิ่งในระยะหลังๆ มานี้ของเขา สิ้นสุดลง ทันทีที่ร่างอรชรอ้อนแอ้นขัดกับสัดส่วนบ่งบอกความเป็นอิตถีเพศ เดินเข้าประตูห้องนั่งเล่นที่เขากำลังนั่งหย่อนใจในวันหยุด
พอเห็นเขาเจ้าหล่อนก็หยุดกึก แล้วสีหน้าเฉยๆ ก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงสดใสพอๆ กับเสียงทักทายจากปากอิ่มสีชมพูระเรื่อด้วยเลือดฝาดแห่งวัยสาว
“แน่ะ! วันนี้อากัณห์อยู่บ้าน ทำไมคะ หรือสาวไม่ยอมรับนัด”
“พูดมากเราน่ะ! แล้วนี่ไปไหนมาแต่เช้า?”
อกัณห์พยายามตีหน้าเคร่งขรึม หวังขู่ให้แม่หลานสาวต่างสายเลือดเกิดความยำเกรง เลิกทำหน้ายิ้มแป้นยั่วเย้าอย่างกับเขาเป็นเพื่อนเล่นเสียที
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล...
“เช้าอะไรกันคะ”
เสียงใสๆ ค้านหลังพาตัวเองเข้ามาหยุดตรงหน้าเขา
“จะสิบเอ็ดโมง สายแล้วค่ะ แล้วนี่อากัณห์อ่านอะไรอยู่คะ”
ไม่พูดเปล่า ขณะที่พูดยังขยับมายืนข้างๆ โน้มตัวยื่นหน้ายื่นตาเข้ามาใกล้ เพื่อมองหนังสือในมือเขา
ใกล้เสียจนหน้าเรียวเนียนใส ประกอบด้วยเครื่องหน้าไม่ว่าปาก ตา จมูก คิ้ว คาง รับกันอย่างเหมาะเจาะ แทบจะชิดหน้าเขา จนเขาต้องเป็นฝ่ายผงะหนี ถลึงตาขุ่นๆ เข้าใส่
“นี่!” เขาทำเสียงดุ “จะพูดจะจาอะไรกับผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ทำกิริยาให้มีมารยาทหน่อย ไม่ใช่มายืนค้ำหัวหาความคารวะไม่มีแบบนี้ ลูกผู้ดีเขาไม่ทำกันหรอกนะที่จะเห็นญาติผู้ใหญ่เป็นเพื่อนเล่น”
“จะจับบทเทศนาแจ้อีกอีกแล้วเหรอคะ เฮ้ออออออ”
มีเสียงถอนใจยาวอย่างตั้งใจให้เขาได้ยิน แม้ใบหน้าเนียนใสจะถอยห่างไปแล้ว
“แจ้!” อกัณห์เรียกดุๆ
“ขา”
เสียงขานรับหวานจ๋อย
เห็นชายหนุ่มทำท่าพูดไม่ออก ก็เลยต่อเสียเอง
“อากัณห์จะเอาเรื่องเอาราวอะไรกับแจ้นักละคะ ก็รู้อยู่พ่อแท้ๆ ของแจ้แค่พนักงานขับรถ หาเทือกเขาเหล่ากอไม่มี แม่ของแจ้ก็ใช่ว่าเลือดผู้ดีมาจากไหน สาวชาวบ้านๆ ที่ได้รับการศึกษาดีหน่อย แต่ก็แค่นั้นแหละ”
“ถึงไม่ใช้ลูกผู้ดีในความคิดของแจ้” เขาพยายามข่มความหงุดหงิดทำหน้าที่ผู้ปกครองที่ดี “ต่อให้เป็นลูกกรรมกรหาเช้ากินค่ำ ถ้าได้รับการอบรมมาดี ที่จะมายืนค้ำหัวผู้ใหญ่เขาก็ไม่ปฏิบัติกัน”
ร่างอ้อนแอ้นภายใต้เสื้อยืดเน้นอกอวบกลมกลึงบ่งบอกวัยสาวเต็มกาย ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมาข้างหน้าเขา ชนิดพอแม่เจ้าประคุณนั่งลง เข่าก็แทบจะชิดเข่าเขานั่นแหละ แถมยังตั้งท่าเตรียมฟังเทศนาจากเขาเต็มที่
ให้ตายเถอะ!
อกัณห์เอ็ดอึงอยู่ในใจที่ไม่อาจละสายตาจากอกสาวที่ออกจะอวบใหญ่เกินร่างบอบบางไปมาก
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าการจากไปกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ ขณะเดินทางไปทำธุระกับภรรยาที่เป็นแม่ม่ายลูกติด เมื่อสิบปีที่แล้วของพี่ชาย จะนำความยุ่งยากใจมาให้ในวันนี้ วันที่เด็กหญิงกำพร้าตัวบางๆ เจริญเติบโตเป็นสาว
สิบปีที่แล้ว เขาไม่สามารถเลี่ยงภาระ อย่างไรก็ต้องให้ความดูแล เลี้ยงดูลูกเลี้ยงของพี่ชาย เมื่อเด็กไม่มีใครอีกแล้ว สิ้นมารดาก็เหลือตัวคนเดียวในโลก บิดาที่ให้กำเนิดหล่อนนั้น ก็เสียชีวิตก่อนหล่อนจะทันจำความได้เสียอีก ญาติสนิทเป็นต้นว่าปู่ย่าตายายก็ล้มหายตายจากไปสิ้น
พูดจริงๆ เขาไม่คิดว่าการดูแลเด็กผู้หญิงตัวบางๆ คนหนึ่งจะเป็นงานหนัก เพราะหน้าที่ดูแลจริงๆ ส่วนใหญ่ เป็นของแม่สายคนเก่าแก่ที่อยู่กับครอบครัวเขามานาน
และยิ่งนึกไม่ถึง ว่าวันหนึ่ง เด็กตัวบางๆ คนนั้น จะสร้างปัญหาให้กับเขาในทางใดทางหนึ่ง เมื่อเติบโตเป็นสาว
ทว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ เด็กสาว 'หลานเลี้ยง' ของเขา ไม่เพียงแต่สร้างปัญหา แต่เจ้าหล่อนกำลังจะส่งเขาลงนรก!
ความหงุดหงิด เข้าขีดงุ่นง่านของเขา เริ่มขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว
ถึงเวลานี้อายุเขาเพิ่มขึ้นจากสามสิบสามเป็นสามสิบห้า แต่ความหวงชีวิตหนุ่มโสดที่ยังรักอิสระ ไม่ต้องการหาพันธะถาวรมาเป็นห่วงผูกคอยังคงอยู่อย่างเหนียวแน่น
แล้วผู้ชายหนุ่มวัยสามสิบห้า จะทนอยู่ร่วมบ้านกับเด็กสาววัยสิบแปด ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดอย่างสงบสุขได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่อเด็กคนนั้นเป็นสาวสะพรั่ง มีความงามสดใสยวนตายวนใจทั้งรูปร่างหน้าตา
แต่ก่อนแต่ไรมา เขาไม่มีรสนิยมชอบเด็กสาวๆ ผู้หญิงที่เขาเลือกเป็นคู่นอน ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ สามารถรับผิดชอบตัวเองได้
นอกจากเรื่องวัย เขายังเลี่ยงที่จะสานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่เขาแน่ใจว่ายังเป็นสาวบริสุทธิ์ รู้สึกสบายใจกว่าที่จะยุ่งเกี่ยวกับสตรีที่พอมีประสบการณ์มาบ้าง และทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขาจะต้องรับได้ในเงื่อนไข ‘ไม่มีความผูกพันถาวร เบื่อกันเมื่อไหร่ต่างคนต่างไป’
“ว่าไปสิคะอากัณห์ขา” ปัญจมาทำเสียงอ่อนหวาน เมื่อเห็นชายหนุ่มยังมองหล่อนเงียบๆ ด้วยสีหน้าแววตาครุ่นคิด คล้ายกับว่าไม่รู้จะจัดการกับหล่อนยังไงดี
หล่อนได้รู้จักกับน้องชายต่างมารดาของพ่อเลี้ยง ก็เมื่อมารดาตัดสินใจแต่งงานใหม่หลังจากตกพุ่มม่ายมาหลายปี
อันที่จริง ถ้าผู้ใหญ่ไม่พูดนำให้ ปัญจมาคงเรียกเขาพี่ไปแล้ว
เมื่อต้องกลายเป็นเด็กภายใต้การปกครองของเขา อกัณห์เพิ่งอายุยี่สิบห้า อ่อนกว่าพี่ชายของเขารอบหนึ่งเต็มๆ
ผ่านไปสิบปี ไม่เพียงแต่เขาจะยังไม่แก่ แต่ยังสง่าภูมิฐาน
รูปร่างสูงผึ่งผายของเขานั้นเล่า แม้แต่เพื่อนๆ ของหล่อนก็ยังเห็นตรงกันว่า โคตรน่ากิน
นอกจากหุ่นชวนให้สาวๆ คิดอกุศลด้วย เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีร่องรอยไขมันเกาะ ไม่ว่าตามเอว บริเวณหน้าท้อง ทำให้หล่อนเกิดความรู้สึกอยากสัมผัส แตะต้องร่างสูงแกร่งทรงพลังด้วยมือเรียวนุ่มของหล่อน นับแต่เห็นเขาในกางเกงว่ายน้ำเกาะสะโพกเพรียว หน้าตาเขายังชวนให้สาวน้อยสาวใหญ่เก็บเอาไปฝันถึง
ความคมสันดุจรูปสลักเทพบุตร คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปลายคางออกเหลี่ยมนิดๆ ประกอบด้วยดวงตาคมฉายแววเชิญชวนในที แบบเป็นเองโดยธรรมชาติ คือเสน่ห์ดึงดูดที่เขาอาจจะรู้ตัว หรือไม่รู้ หล่อนก็ไม่ทราบ
แต่ที่แน่ๆ ยามเขาปรายตามองมายิ้มๆ ผิวกายหล่อนถึงกับซ่านซ่า ตามด้วยอาการหวิววาบในช่องท้อง บางครั้งรุนแรงถึงขั้นกระตุ้นให้เกิดความเสียวซ่านตรงจุดศูนย์รวมประสาทที่ฝังอยู่ใจกลางความเป็นหญิง
หลายครั้งเหลือเกิน ที่หล่อนจินตนาการไป หากมือสีน้ำตาลแข็งแรงประกอบด้วยนิ้วเรียวยาวของคุณอารูปหล่อ ทำการลูบไล้สัมผัสเนื้อตัวเปล่าเปลือยของหล่อนในลักษณะเล้าโลมแนบชิด จะมีความสุขสักเพียงไหน
แต่ท่าทีของเขาที่แสดงต่อหล่อนตลอดมาอย่างอาหลาน ทำให้ปัญจมาออกปลงๆ ว่าคงไม่มีวันได้รู้ซึ้งอย่างแน่นอน ในเมื่อเขาไม่ยอมมองหล่อน หรือถึงมองเขาก็มองอย่างเห็นหล่อนเป็นหลาน เป็นเด็กในปกครองในความดูแล ที่เขาออกจะเอือมๆ ในความแก่นกล้าตามวัยประสาสาวรุ่นของหล่อน
นอกจากแสดงความเอือมระอาทางสายตา เขายังคอยตำหนิด้วยวาจา อย่างกับว่าหล่อนคือเด็กหญิงวัยแปดขวบ ทั้งที่ขณะนี้หล่อนอายุสิบแปด กำลังจะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย ในภาคการศึกษาที่จะมาถึงอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
จะต้องทำยังไงหนอ ให้ผู้ปกครองของหล่อนได้เห็นว่า หล่อนไม่ใช่เด็กแปดขวบ แต่เป็นสาวเต็มตัว รู้จักมีอารมณ์ อยากรู้จักความรักความใคร่ไปพร้อมกัน โดยมีเขาเป็นครูสอนแต่เพียงผู้เดียว