ตอนที่ 1 นักศึกษาสาวขี้งอน (2)

1940 คำ
หลังจากวันนั้นน้ำส้มมักจะมีของแพงๆ หรูๆ มาอวดเพื่อนในห้องเป็นประจำ กระเป๋าบ้างล่ะ นาฬิกาบ้างล่ะ ไหนจะเป็นสร้อยข้อมือ หรือตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวประเทศนั้นประเทศนี้ ไม่รู้ว่าจงใจพูดกระทบให้หล่อนได้ยินหรือเปล่าเพราะอ้าปากกว้างเกิน อารยาหน้างอ เก็บงำความสงสัยนั้นไว้ร่วมสัปดาห์เพราะไม่มีโอกาสได้เจอผู้ปกครอง ก็เลยไม่ได้ถามสักทีว่าเขาเลี้ยงน้ำส้มเหรอ เชอะ แต่ถึงจะตอบว่าใช่หล่อนก็ไม่แปลกใจหรอก อาภีมหล่อ รวย แถมยังมีหน้าที่การงานที่ดี จะเลี้ยงเด็กนักศึกษาไว้ดูเล่นสักสองสามคนก็ยังไหว ถึงจะคิดอย่างนั้นแต่เอาเข้าจริงอารยาก็อดเศร้าตามไม่ได้ งอน จะมีอะไรกับใครทั้งทีทำไมต้องเป็นคนรู้จักของหล่อนด้วยนะ ทำไมอาภีมต้องบ้าเซ็กซ์ อาจารย์ให้การบ้านมาทำเป็นแบบฝึกหัดเล็กๆ น้อยๆ อารยาชวนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวมาทำด้วยกัน ณ ศาสาเล็กๆ ริมน้ำในมหา’ลัย ฟ้าใส เป็นคนโคราช เห็นหน้ากันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแต่เพิ่งจะมาสนิทก็ตอนปีสองหลังชีวิตตกอับ จนตอนนี้ก็ใกล้จบปีสามอีกหน่อยก็แยกย้ายกันไปฝึกงาน ฟ้าใสเลือกฝึกสายการบินที่สุวรรณภูมิ ส่วนอารยาเลือกโรงแรมเพราะอย่างน้อยก็ยังพอมีเบี้ยเลี้ยงให้ ไม่อดตายแน่ๆ ช่วงสองสามเดือนของการฝึก เศร้านะ จากเดิมเคยเป็นคุณหนูในบ้านใหญ่แต่ต้องระเห็จออกมาอยู่หอพักราคาไม่กี่พัน ห้องพัดลม แถมยังเก่าโทรมมากด้วย เลือกเช่าเพราะเน้นราคาถูกไว้ก่อน บิดาของอารยาเคยเป็นนักธุรกิจเก่าแต่เสียพนันหมดตัว และท่านเพิ่งจะเสียชีวิตไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ทั้งชีวิตอารยาจึงไม่เหลือใคร คราแรกตั้งใจจะลาออกไปหางานทำ เพราะลำพังตัวเองคงไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ดันเรียนมหา’ลัยเอกชนซะด้วย ตกอับสุดๆ ชนิดที่ว่าไม่มีเงินติดตัวเลย ต้องรับจ็อบหลายต่อหลายอย่างเพื่อให้ชีวิตไม่ลำบากเกินไป ถึงแม้ว่าความจริงอารยาจะเป็นอีกหนึ่งคนที่มี ‘เสี่ยเลี้ยง’ แต่ไม่ใช่เสี่ยแบบที่ทุกคนคิดสักหน่อย เขาเป็นรุ่นน้องของบิดา รู้จักกันมานาน สงสารหรือสมเพชไม่รู้ถึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จ่ายค่าเทอม จ่ายค่าหอ แล้วก็ค่าใช้จ่ายให้หมด เสี่ยคนนั้นไม่แก่เลยสักนิด แม้จะอายุมากกว่าถึงสิบเอ็ดปี แต่เขายังหล่อ ล้ำ และมีเสน่ห์มาก เป็นถึงเจ้าของโรมแรมหลายสาขาในประเทศไทย ‘ภีมพล’ หรืออีกชื่อที่ชอบเรียกก็คืออาภีมสุดหล่อ อารยาแอบชอบเขานานมาก ตั้งแต่แตกเนื้อสาวเลยก็ว่าได้ แต่เขาเป็นพวกหน้าขรึม ไม่แยแสโลก ไม่แคร์ใคร ไม่คิดจะมีแฟนมีเมียเป็นตัวเป็นตน เรียกใช้บริการสาวไซด์ไลน์ตลอด อีตาหื่น โรคจิตติดเซ็กซ์! กระแทกการลงปากกาบนกระดาษหนักมือไปหน่อย อารยาส่งยิ้มแห้งๆ ให้ฟ้าใส แต่… มันเซ็งจริงๆ นะ ผู้หญิงบนโลกมีตั้งมากมาย ทำไมต้องมาซื้อบริการน้ำส้มด้วย ยัยนั้นยิ่งชอบข่มหล่อน ทั้งที่มีคนจ่ายเงินให้ แต่สาเหตุที่ต้องรับจ็อบพิเศษเพิ่ม เพราะอารยาไม่อยากขอเงินเขาใช้ไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ติดหนี้เขาส่วนตัวหลายแสนแล้ว ไหนจะหนี้ที่อาภีมจ่ายแทนบิดา เพื่อแลกกับการที่พวกเจ้าหนี้หน้าโหดจะเลิกมายุ่งย่ามอยากได้ตัวหล่อนไปขัดดอก เงินตั้งหลายล้าน ถึงเรียนจบก็ไม่รู้จะมีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ไหม ถ้าลองเอาตัวเองไปเสนอขัดดอกแล้วเขายอมรับก็ดีสิ แต่นี่อาภีมเกลียดหล่อนจะตาย แค่หน้ายังไม่อยากมองเลย งานศพบิดาเขาก็ไม่ยอมมาร่วมสักวัน จนถึงวันนี้อารยาก็ยังไม่เข้าใจ ทั้งที่ภีมพลเกลียดพ่อเกลียดหล่อนขนาดนั้น ทำไมถึงต้องยื่นมือมาช่วยเหลือค้ำจุนชีวิตหล่อน สาวสวยขี้น้อยใจถอนหายใจหลายรอบ ฟ้าใสละสายตาจากแบบฝึกหัดมามองเพื่อน “เป็นอะไรคะคุณเพื่อน ได้ยินเสียงอายถอนหายใจตั้งนาน” “เฮ้อ! เปล่าหรอก แค่พยายามคิดว่าจะทำยังไงให้มีเงินเยอะๆ ฟ้าว่าอายลองไปสมัครแอร์ตอนนี้เลยดีไหม สายแขกเขารับวุฒิ ม.6 อายอาจจะฟลุ๊กได้ก็ได้นะ” ไม่ทำมันแล้วการบ้าน อารยาชวนคุยด้วยสีหน้าค่อนข้างจริงจัง “ลองไปสมัครดูก็ได้นะถ้าเขามาเปิดรับที่เมืองไทย” “ใช่ไหม ถ้าเผื่อได้อายจะดร็อปเรียนทันทีเลย อีกตั้งเป็นปีกว่าจะเรียนจบ นานเกินไป” ขืนปล่อยไว้นานมีหวังหนี้อาภีมเพิ่มขึ้นเป็นหลายแสนแน่ ผู้ชายหน้าขรึม ชอบเก๊ก ไม่รู้ว่าเวลาทวงหนี้จะโหดเหมือนพวกเงินกู้รายวันหรือเปล่า สยอง สาวน้อยนักศึกษาลูบไล้ต้นแขนแผ่วเบาก้มหน้าลงเขียนงานต่อ ฟ้าใสเองก็มีความฝันอยากเป็นแอร์เช่นกัน แต่ก็อยากรอให้เรียนจบก่อนเพราะที่บ้านไม่มีปัญหาเรื่องเงินแบบอารยา ก็ทำได้แค่แนะนำกับสนับสนุน “ช่วงต้นปีที่ผ่านมาการ์ต้ามาเปิดบ่อยมาก ทั้งกรุงเทพ เชียงใหม่ ภูเก็ต ฟ้าว่าถ้าอายลองสักตั้งอาจจะผ่านเข้ารอบลึกๆ ก็ได้ ภาษาอังกฤษดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” “สาธุ ขอให้ได้งานเร็วๆ ทีเถอะ อายอดข้าวอดกินของดีๆ มาตั้งนานหิวจนไส้จะกิ่วหมดแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นฟ้าใสก็หัวเราะครืน หยิบขนมในกระเป๋ามาวางตรงกลางให้เพื่อนกิน สองสาวหัวเราะด้วยกันเบาๆ รีบทำการบ้านต่อ สองสาวเดินออกจากมหา’ลัยพร้อมกัน แยกกันตรงด้านหลังเพราะหอพักอยู่ไกลกันมาก คนละโซน ฟ้าใสพักเขตเมืองใหม่ส่วนอารยาพักแถวเมืองเก่า สมชื่อแหละ หอพักทางโซนทางนี้มีแต่ตึกอายุสิบยี่สิบปีกันทั้งนั้น กลับมาถึงห้องพักในเวลาบ่ายสอง อารยาผลัดเปลี่ยนชุดนักศึกษาใส่ชุดลำลองธรรมดา ปีนขึ้นมานั่งบนเตียงห้าฟุตแสนธรรมดา หยิบกล่องรองเท้ามาถักต่อ คอนเวิร์ดของแท้ราคาพันนิดๆ แพงเอาการเรียกได้ว่ากัดฟันกลั้นใจซื้อ แต่เพราะเข้าใจว่ามันไม่น่าสนใจสักนิดอารยาจึงลงมือปักลวดลายเป็นชื่อของเขา ‘ภีมพล’ ตั้งใจจะทำเป็นของขวัญวันเกิดไปมอบให้เขาในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ต้องทำงานตั้งเป็นเดือนกว่าจะเก็บเงินซื้อได้ หวังว่าเขาจะยอมรับของขวัญชิ้นนี้ เพราะถ้าถูกโยนทิ้งหล่อนก็คงต้องงอนจนมีน้ำตา ปลายเข็มมีด้ายสีดำทิ่มลงไปบนรองเท้าค่อยๆ ปักมันด้วยความรัก ความใส่ใจและความมั่นคง เหมือนดั่งความรักที่อารยามอบให้ภีมพลมานานแสนนาน แม้ว่าเขาจะใจร้าย เย็นชา แล้วก็เกลียดชังตนเองมากแค่ไหนก็ตาม หญิงสาววัยย่างยี่สิบเอ็ดส่งยิ้มน้อยๆ เมื่อตัวอักษรนั้นเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มีของขวัญวันเกิดให้อาภีมแล้ว อารยายกรองเท้าขึ้นพินิจพิจารณาดูอย่างมีความสุข และไม่ลืมที่จะหามุมสวยๆ ถ่ายรูปเก็บไว้ดูในโทรศัพท์ราคาถูก น้องดำราคาพันเก้าเล่นได้ทุกอย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม เสียแต่ไม่มีเน็ต เพราะเจ้าของนั้นงกแสนงกมองว่าเปลืองเงินเปล่าๆ “ทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย หวังว่าอาภีมจะชอบนะคะ” นัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายความสุข ล้มตัวลงนอนบนเตียงยังคงยกรองเท้าหนึ่งข้างขึ้นมาดูตัวอักษรที่ปักสลักว่า Ar’ Peem พร้อมกับรูปหัวใจเล็กๆ ห้อยตามหลัง อุ้งมือเล็กยันกายขึ้นนั่งอีกครั้ง หยิบกล่องมาใส่รองเท้าจากนั้นลงมือห่อของขวัญง่ายๆ ด้วยตัวเอง ชื่นชมฝีมือตัวเองอยู่นานก่อนจะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก เตือนว่าต้องไปทำงานพิเศษ ร่างเล็กกระโดดลงจากเตียงเปลี่ยนจากกางเกงขาสั้นเป็นยีนส์ยาว สะพายกระเป๋าเป้ใบพอดีตัวออกจากห้องเดินลงบันไดลัดเลาะตามตรอกซอกซอยมายังออฟฟิศห้องแถวเล็กๆ ถัดจากหอไม่กี่ซอย ยกมือไหว้รับงานจากพี่สวย เป็นใบปลิวจำนวนสามร้อยแผ่นเพื่อนำไปแจกตามถนน แม้แดดจะร้อนแต่อารยายังมีรอยยิ้มสดใสยามยื่นแจกให้คนละแวกนั้น มีบ้างที่เขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น หรือรับแล้วโยนทิ้งต่อหน้าต่อตา ก็ได้แต่เฟล ว่าอะไรไม่ได้ เปลี่ยนโลเคชั่นแจกเปลี่ยนไปยืนทางออกรถไฟฟ้า แจกจนมืดใบปลิวก็ไม่แคล้วว่าจะหมดสักที หญิงสาวเริ่มเหนื่อยแล้วจึงหาที่นั่งตามขอบทางเท้า หยิบขวดน้ำจากในกระเป๋าออกมาดื่มและมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา อีกหน่อยก็ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว มือน้อยลูบหน้าท้องปอยๆ “สู้หน่อยสิอาย แจกไม่หมดก็ไม่ได้เงินนะ อีกอย่างก็เหลือตัวคนเดียวถ้าไม่ทำงานแล้วจะมีเงินมาซื้อข้าวกินได้ยังไง” ส่งกำลังใจมากล้นให้ตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินแจกต่อ ในขณะนั้นเองมีกลุ่มนักเรียนผู้ชายหน้าตาน่ารักหลายคน เข้ามารุมขอใบปลิว ทั้งถามโปรโมชั่นจากร้านชาบู อารยาดีใจมากรีบบอกเล่าทุกอย่าง เด็กกลุ่มนั้นก็ดูเหมือนจะสนใจมาก และขอใบปลิวไปกันทุกคน “อย่าลืมแวะไปอุดหนุนนะจ๊ะสุดหล่อ” “ถ้าไปถึงร้านแล้วมีพนักงานสวยๆ แบบพี่ก็ดีสิฮะ” “มีสิ พี่ทำพาร์ทไทม์เสาร์อาทิตย์ทั้งวันเลย ไปกินกันได้นะ” แจกยิ้มหวานสดใส เด็กๆ เคลิ้มตามกันใหญ่ จะแซว ถึงขั้นอยากขอไลน์ แต่ถูกเพื่อนตบหัวเข้าให้แล้วซุบซิบอะไรกันไม่รู้ อารยาไม่ได้ยิน ยิ้มอย่างเดียว ไม่นานเด็กพวกนั้นก็เดินผ่านไป ในมือดูคร่าวๆ น่าจะเหลือประมาณยี่สิบสามสิบแผ่น “ใกล้หมดแล้ว” ดีใจที่สุด หญิงสาวยืนชิดขอบทางมากขึ้น คอยยื่นให้เผื่อจะมีใครสนใจอยากรับไปดู จนกระทั่งเกือบหนึ่งทุ่มก็เหลืออีกแค่ใบสุดท้ายเท่านั้น แจกได้อีกใบเดียวก็จะได้กลับแล้ว นัยน์ตาคู่สวยมีประกายสดใส “โปรโมชั่นร้านชาบูค่ะ ฉลองเปิดร้านราคาหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาท ถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะคะ” บอกพลางยื่นทว่ากลับไม่มีใครรับเลย ทั้งที่เดินออกจากสถานีรถไฟฟ้าตั้งเยอะ แต่ไม่ถอดใจหรอก ยังพูดคำเดิมซ้ำๆ จนกระทั่งเห็นรองเท้าหนังของใครบางคนเข้ามายืนตรงหน้า จึงรีบยื่นให้พร้อมกับพูดโปรโมชั่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง “โปรโมชั่นร้านชาบูค่ะ ราคา…” “ราคาเท่าไหร่ ทำไมไม่พูดให้จบประโยค” ชายคนนั้นถามต่อเสียงห้วน สายตาแข็งกระด้าง ขรึมยิ่งกว่ายักษ์ซะอีก แต่ในสายตาอารยายังไงเขาก็หล่ออยู่ดีแหละน่า แต่วันนี้งอน ไม่อยากพูดด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม