ผู้หญิงต้องห้าม
Ep.5 (แม่ของลูก)
"น้องคะ ขอคาปูชิโน่เย็นอีกแก้ว"
เราหันไปสั่งกาแฟกับพนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟอีกครั้ง และที่ต้องใช้คำว่า'อีก'นั่นก็เพราะว่าอีช่อกินกาแฟไปแล้วสามแก้วติด ๆ กัน คืนนี้ตากูค้างแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย
ผ่านไปแล้วชั่วโมงกว่า แต่อีช่อก็ยังไม่เห็นเสี่ยทิมอะไรนั่นโผล่หัวมาซักที จนนาทีนี้เราชักจะเริ่มหัวร้อนหน่อย ๆ และถ้าเสี่ยทิมมันไม่มาไอ้ค่ากาแฟสามแก้วนี้ใครจะเป็นคนจ่าย นี่คือเรื่องที่เราซีเรียสที่สุด (ทั้งเนื้อทั้งกูเหลือไม่ถึงห้าร้อยนะว้อย!)
พรึ่บ!
"! "
อยู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเรา แล้วนางก็คว้าแก้วกาแฟที่พนักงานเพิ่งจะเอามาเสิร์ฟเมื่อกี้ไปดูดหน้าตาเฉย แต่ที่ทำให้เราตกตะลึงพรึงเพริ่ดก็ตรงที่ผู้ชายคนนี้นางหล่อมาก หน้าตาของนาง ออกไปทางฝรั่ง แววตาของนางคมดุ ยามที่นางมองเราทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของอีช่อแทบจะลุกขึ้นมาเต้นเป็นจังหวะอาโกโก้ แต่มองไปมองมาใบหน้าของนางก็ทำให้เราถึงใครอีกคนขึ้นทา และคน ๆ นั้นก็คือทาม
"จ้องขนาดนั้น มึงไม่สิงกูเลยล่ะ?" เสียงทุ้มกวน ๆ ดังขึ้น ทำให้อีช่อต้องรีบดึงสติที่ล่องลอยของตัวเองกลับมา(หมดกันความเพ้อฝันของกู)
"เสี่ยทิมเหรอ?"
"ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ"
เสี่ยทิมมันตอบอย่างกวน ๆ พลางใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่างกายของเราอย่างจาบจ้วง ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงมีโมโหโกรธเคือง และอาจจะเกรี้ยวกราดใส่ แต่อีช่อเฉย ๆ ค่ะ ชินแล้ว และออกจะชอบด้วยซ้ำไป
"ที่บอกว่าถ้าอยากมีเงินใช้ให้โทรหาน่ะ หมายถึงมึงจะเลี้ยงดูกูใช่ไหมเสี่ย?"
เราถามเข้าประเด็น แค่เห็นสายตาที่เสี่ยทิมมันใช้มองเรา อีช่อก็รู้แล้วว่าความหมายในกระดาษมันคืออะไร
"มึงชื่ออะไร? "
กรรม... เราถามยาวยืด แต่เสี่ยทิมมันกลับถามชื่อเรากลับมาแทนซะงั้น
"ช่อม่วง... จะเรียกช่อเฉย ๆ ก็ได้"
"อายุเท่าไหร่ บรรลุนิติภาวะแล้วรึยัง?"
"ยี่สิบสี่แล้ว"
"ดี...เหมาะมาก"
"เหมาะอะไรของมึงเสี่ย?" เราถามเสี่ยมันกลับอย่างงงๆ ไม่รู้ทำไมอีช่อรู้สึกว่าคุยกับอีเสี่ยนี่ไม่รู้เรื่อง
"เหมาะที่จะมาเป็นแม่ของลูก!"
"ฮะ! ..." หาเสียงของตัวเองไม่เจอว้อย! ความหมายคืออะไรที่พูดแบบนี้ หรือว่า..... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจคนเดียว)
กรี๊ด! (อีช่อถึงกับกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง)
"มึงขอกูแต่งงานเหรอเสี่ย?"
เราโพล่งคำถามออกไปอย่างไม่คิด หน้านี่บานเป็นจานเชิงยิ้มแก้มปริจนปากแทบจะฉีกถึงใบหู ก่อนจะค่อยๆ หุบลงพร้อมหัวใจที่ห่อเหี่ยว
"แดกกาแฟเยอะจนเมารึไง? "
"อ้าว! แล้วที่พูดมาคืออะไรล่ะ? "
'เหมาะมาเป็นแม่ของลูก' ใครได้ยินก็ต้องคิดเหมือนอีช่อทั้งนั้นแหล่ะ
"กูอยากมีลูก แต่กูไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากมีเมีย ไม่อยากผูกมัด แค่อยากมีลูกเอาไว้สืบสกุลเท่านั้น"
"แล้วไง... ถ้ามึงไม่มีเมียมึงจะมีลูกได้ยังเสี่ย? "
ยิ่งคุยยิ่งงง ยิ่งคุยยิ่งสับสน จับแพะชนแกะวุ่นวายไปหมดแล้วในหัวอีช่อเนี่ย!?
"มีได้สิวะ แค่กูจ้างผู้หญิงสักคนมาอุ้มท้องให้กู และผู้หญิงที่กูว่าก็คือมึงอีช่อ! "
พรวด!
"มึงบ้าไปแล้วเสี่ย! "
อีช่อถึงกับลุกขึ้นพรวดพราดพร้อมกับแหกปากลั่นร้าน ทำเอาคนที่อยู่ในร้านพากันหันมามองเป็นตาเดียว
"เบิ่งอิ๊หยัง บ่เค่ยเห็นค่นสวยกันแม่นบ่!? "
เหวี่ยงคนรอบข้างด้วยภาษาบ้านเกิดเสร็จ จากนั้นอีช่อก็ทรุดตัวลงนั่งตามเดิม
"บักเสี่ยทิ่ม! ... อุ๊บ! " โว้ย! อีเชี่ยเสี่ย! อีช่อกำลังจะอ้าปากพูด แต่อีเสี่ยมันดันยัดหลอดกาแฟใส่ปากเราซะงั้น
"พูดภาษากลางกูขี้เกียจแปล"
เออ! ภาษากลางก็ภาษากลาง!
"ถามหน่อย มึงคิดได้ยังไงเสี่ย ทำไมเป็นกูวะ ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะ มึงจะเสี่ยงไปไหมที่เอากูมาเป็นแม่ของลูกน่ะ"
เราถามเป็นชุด ก่อนจะก้มลงมองสาระร่างตัวเอง หนังหน้าแบบนี้นี่นะจะเป็นแม่คน กูจะดูแลใครได้ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย อย่าว่าแต่เด็กเลย ขนาดหมาแมวยังแทบไม่มีปัญญาดูแลเลยด้วยซ้ำ
"ผู้หญิงมีเยอะแยะน่ะใช่ ไอ้ที่ดีและสวยกว่ามึงน่ะก็มี แต่ที่ถูกใจกูก็มีแค่มึง"
เหรอ... กูควรต้องภูมิใจใช่ไหม (ว่าแล้วก็ก้มลงมองตัวเองอีกรอบ พร้อมกับบ่นพึมพำอย่างสงสัย
"ตรงไหนของกูวะที่ทำให้มึงถูกใจ"
"นมกับตูด...จบไหม? " จบสิ! จะมีคำใดให้พูดต่อ มึงเน้นชัดในถ้อยคำซะขนาดนี้
"แล้วไง มึงจะตกลงไหม?"
"ไม่! "
"เพราะ? "
"กูไม่พร้อมที่จะมีลูกตอนนี้" ชีวิตของอีช่อยังมีอะไรให้ทำอีกตั้งเยอะตั้งแยะ ไม่มีทางที่เราจะจบชีวิตตัวเองด้วยการมีลูกเด็ดขาด
"ห้าล้าน!"
"ฮะ!" (อีช่อนี่ตาโตเท่าไข่ห่านเลยจ้าาา)
"ไม่!" โว้ย! กูอยากสิ่ต๊บปากเจ้าของนัก ค่าโต๋ห้าล้านเจ้าของยังเสือกเล่นโต๋อี๊ก!
แต่นี่มันชีวิตทั้งชีวิตของเราไง เราเห็นผู้หญิงบางคนมีลูก จากหุ่นเอวบางร่างน้อยกลายเป็นเอวหนาพุงย้อยแทบทุกคน ว่าแล้วก็ก้มลงมองตัวเองอีกครั้ง ถ้ากูมีลูกแล้วต้องมีสภาพแบบนั้น...?
หืม... แค่คิด... ชีวิตก็เปลี่ยน
"งั้นแปดล้าน''
"ไม่... ดีกว่า" เสียงของอีช่อเริ่มอ่อนลง แต่ในใจนี่แตกตื่นโวยวายมาก แปดล้านแล้วว้อย! กูทำงานทั้งชีวิตจะหาเงินได้ขนาดนี้ไหม แต่ยังไงชีวิตที่มีอิสระก็ยังสำคัญกว่าอยู่ดี
ไม่นะ!... ช่อจะไม่ใจอ่อนอย่างเด็ดขาด!
"สิบล้าน"
"ขอมัดจำครึ่งนึงก่อน... อุ๊บ! " อีช่อรีบตอบรับอย่างไว ลืมความตั้งใจที่มีแต่เริ่มแรกไปจนหมด เพราะเงินสิบล้านมันล่อตาล่อใจ!
สิบล้าน! สิบล้านเลยนะว้อย! เมื่อกี้บอกเลยว่าอีช่อเอนเอียงตั้งแต่ห้าล้านแล้ว และที่เล่นตัวก็เพราะอยากจะโก่งค่าตัวเล่น ๆ ไปอย่างนั้นเองแหล่ะ และไม่คิดว่าเสี่ยทิมมันจะบ้าจี้ให้เราจริง ๆ ด้วย
"หึ! ...อีงก..."
"แล้วตกลงไหมล่ะ สิบล้านขาดตัว แต่กูขอเบิกล่วงหน้าก่อนห้าล้าน"
เราย้อนถามเสี่ยมัน ไม่สนใจคำพูดประชดเหน็บแนมใด ๆ ทั้งสิ้น
เสี่ยมันไม่ตอบคำถามของเรา แต่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของมันแทน แล้วเสี่ยมันก็หยิบบางอย่างออกมา และไอ้บางอย่างที่ว่าก็คือสมุดเช็ค! (ตาอีช่อโตเท่าไข่ห่านเป็นรอบที่ร้อยของวัน)
"เอาไป..."
อีเสี่ยทิมมันเซ็นชื่อขยุกขยิกลงไปในเช็คเสร็จแล้วมันก็ยื่นมาให้เรา แน่นอนว่าอีช่อรีบยื่นมือไปหยิบเช็คมาถือไว้อย่างไว อยู่ในมือยังไงก็อุ่นใจกว่าใช่ไหมล่ะ
"ไปเก็บข้าวของ พรุ่งนี้มึงต้องกลับภูเก็ตกับกู" พูดจบเสี่ยมันก็ลุกขึ้นยืน แต่อีช่อนั่งอ้าปากค้างสับสนในคำพูดของเสี่ยมัน
"ภูเก็ต?" เราบ่นพึมพำเบา ๆ
"ใช่ภูเก็ต ธุรกิจของกูอยู่ที่นั่น มึงรับเงินค่าจ้างครึ่งหนึ่งไปแล้วอย่าคิดเบี้ยวเด็ดขาด และถ้ามึงหนีกูจะตามไปเผาบ้านมึง เผาทุกที่ที่มึงไปมุดหัวอยู่ รวมทั้งไอ้ห้องเช่ารูหนูที่มึงอาศัยหลบแดดหลบฝนทุกวันนี้ด้วย"
แล้วเสี่ยทิมก็เดินออกจากร้านกาแฟไป ส่วนอีช่อก็ยังคงนั่งอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น...
ทำไมชีวิตกูช่างบรรเทิง!
แล้วทีนี้จะเอายังไง จะถอยก็ไม่ได้เพราะดันรับเงินเขามาแล้ว ทางเลือกเดียวในตอนนี้ก็คือเดินหน้าชนเท่านั้น หนทางข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกัน....
โปรดติดตามตอนต่อไป....