บทที่ 8 ล่อลวง

1815 คำ
ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงหัวใจของฉันที่เต้นดังระรัวด้วยความสั่นไหวแทบหยุดหายใจในวินาทีที่พี่ธีร์ธามอยู่ห่างกันแค่คืบ เสียงหัวใจที่มันดังเต้นค่อมผิดจังหวะ ฉันพยายามข่มความรู้สึกเคลิ้มวูบไหวเอาไว้ภายใจกลัวมันเล็ดลอดออกมาข้างนอกประจานเจ้าของร่าง ฉันตัวอ่อนยวบแทบประครองสติยืนประจัญหน้าพี่เขาไม่ไหว ร่างกายกำยำที่บดเบียดเข้ามาใกล้กลิ่นกายชายที่หอมกลุ่มชวนหลงใหล มือน้อยๆที่ได้สัมผัสอกแกร่งสั่นเทาจนเก็บอาการตื่นเต้นระคนดีใจแทบไม่อยู่ กลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังโชยออกแตะปลายจมูกเผลอไผลสูดดมจนล่อลอยเกือบโผลเข้าสวมกอดร่างกายหนาที่ฉันโหยหามาตลอด สติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดสั่งสมองยับยั้งไว้ทันก่อนที่จะคล้อยตามเสียงหัวใจที่เรียกร้อง ติ๊ง~~ เสียงเตือนดังจากลิฟท์เมื่อมันเคลื่อนตัวลงมายังชั้นล่างอันเป็นเป้าหมายที่ฉันต้องก้าวเท้าและดีดตัวออกไป ฉันเรียกสติกลับคืนมารีบผลักและดีดตัวออกมาจากร่างกายกำยำนั้นได้อย่างหวุดหวิด พี่ธีร์ธามช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจฉันมากเหลือเกินแม้เวลาจะผ่านไปสองปีแล้วก็ตามแต่ฉันก็ไม่อาจลบพี่เขาออกไปจากหัวใจดวงนี้ได้สักที จะกี่ปีพี่เขายังสามาถล่วงลวงให้ฉันเข้าไปติดกับดักหัวใจได้เสมอ เมื่อหลุดพ้นออกมาจากสถานการณ์ขับขันที่เกือบจะทำให้ฉันเผลอตกลงไปในหลุมได้อย่างหวุดหวิด ฉันรีบพาตัวเองเดินออกไปให้ห่าง "เฮ้อ~~เกือบไปแล้วข้าวปุ้น แกจะทำอย่างเดิมอีกไม่ได้แล้วนะไม่งั้นแกจะผิดหวังซ้ำๆไม่มีวันจางหาย" ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อพ้นออกจากลิฟท์ห่างจากผู้ชายอันตรายอย่างพี่ธีร์ธาม แล้วพูดตอกย้ำเตือนตัวเองให้นึกถึงอดีตอย่าเผลอเดินซ้ำรอยเดิม ฉันก้าวขาฉับๆสับฝีเท้าอย่างเร็วเพื่อออกมาตรงโถงที่นัดกับกวินท์ไว้ว่าให้มารับไปเรียนด้วยกัน เราสองคนวางแผนกันไว้ว่าจะป่วนพี่ธีร์ธามให้หัวหมุน แต่เหตุการณ์มันดันพลิกกลับกลายเป็นฉันเองมากกว่าที่โดนพี่ธีร์ธามปั่นจนหัวหมุน "แกเป็นอะไรข้าวปุ้นเดินหน้าตื่นเหมือนกำลังหนีอะไรมา" กวินท์หันหน้ามาเห็นฉันที่เดินแทบไม่มองทางพร้อมยิงคำถามเหมือนที่ชอบทำประจำให้ฉันตอบกลับแทบไม่ทัน "หนีพี่ธีร์ธามนะสิ เรารีบไปกันเถอะฉันกลัวพี่เขาตามมาทันฉันจะแย่เอา" ฉันเร่งกวินท์ให้รีบลุกขึ้นจากโซฟาดูมันอ้อยอิ่งต่างจากฉันที่กำลังหนีหัวซุกหัวซุน "ห๊ะ!! พี่ธีร์ธามตามมาเฝ้าแกตั้งแต่เช้าขนาดนี้เลยเหรอไม่ธรรมดานะ แล้วแกจะหนีทำไมแกเองไม่ใช่เหรอที่วางแผนจะปั่นพี่เขาให้หัวหมุน ยังไม่ทันเริ่มแผนแกก็เผ่นแล้ว" นั่นสิฉันตกใจกับสถานการณ์ล่อแหลมที่สุ่มเสี่ยงต่อหัวใจฉันจนลืมไปเลยว่าฉันกับกวินท์วางแผนอะไรกันไว้ ฉันดันตกใจมากไปหน่อยที่ได้ใกล้ชิดพี่ธีร์ ธามจนควบคุมสติความเต้นเต้นไม่ได้ ใกล้ชนิดที่เรียกว่าเกือบจะรวมร่างกันได้กับผู้ชายที่เราชอบและคอยวิ่งไล่ตามใครมันจะไปควบคุมความรู้สึกนั้นได้ "จริงสิ ฉันตกใจจนลืมเรื่องนี้ไปเลย" ฉันพยายามตั้งสติและคิดถึงแผนการที่วางไว้ ฉันต้องเป็นฝ่ายล่อลวงพี่ธีร์ธามสิถึงจะถูกต้อง ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆค่อยๆผ่อนออกมาเพื่อลดความตื่นเต้นลงให้เข้าสู่ภาวะปกติ ฉันต้องเป็นสาวมั่นเป็นตัวของตัวเองสิ เมื่อรู้จุดประสงค์ที่ต้องทำฉันจึงทำตัวอ้อยอิ่งเพื่อรอการมาถึงของใครบางคน "ยัยจุ้นไปขึ้นรถกับพี่จะไปส่งที่คณะเองส่วนคนอื่นไม่ต้องยุ่ง" พี่ธีร์ธามเดินมาอยู่ยืนข้างหลังฉันเรียกเสียงดังจนฉันเองยังสะดุ้ง ฉันหันไปเผชิญหน้ากับพี่ธีร์ธามที่ยืนมอง กวินท์ตาขวางขึ้นเสียงแข็งใส่ กวินท์มันคงตกใจเสียงพี่ธีร์ธามมันรีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามายืนข้างๆฉัน เสียงแข็งกร้าวพูดจาข่มแค่นี้อย่าคิดว่าฉันจะกลัวยอมทำตาม อย่างว่าง่าย ถึงเวลาของฉันต้องเริ่มแผนการกันสักที เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงเอามือเนียนสอดเข้าไปคล้องแขนกวินท์แล้วเกาะหนึบเหมือนมือกาว กวินท์ฉลาดมากพอมันไหวตัวทันเอามือข้างที่ยังว่างจากการเกาะกุมของฉัน มือหนาวางทาบกุมมือบางที่ฉันเกาะมันไว้ "พี่ธามไม่ต้องลำบากหรอกค่ะกวินท์อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าเพื่อมารับข้าวปุ้นไปเรียนพร้อมกัน ข้าวปุ้นไม่อยากทำให้ กวินท์ผิดหวัง" ดวงตากลมโตของฉันเหลือบมองปฏิกิริยาของพี่ธีร์ธามอยากรู้ว่าพี่เขาจะทำหน้าอย่างไรเมื่อฉันยังยืนยันจะไปกับผู้ชายอีกคนให้ได้ "ข้าวปุ้นวันนี้ฉันจะรอดออกจากคอนโดแกได้หรือ เปล่าแกดูสายตาพี่เขาสิมีไฟพ่นออกมาได้ไอสังหารคุกรุ่นฉันคงไม่โดนเผาจนเกรียมในคอนโดแกหรอกใช่ไหม ฉันไม่น่าเชื่อแผนแกเอาตัวเองมาเสี่ยงให้พี่เขาใช้สายขู่อาฆาตฉันเลย" ฉันได้ยินเสียงพี่ธีร์ธามกัดฟันดังกรอดราวกับคนที่เตรียมตะบันเบ้าหน้าหล่อๆของกวินท์ กวินท์เหมือนจะจับรังสีอำมหิตได้มันก้มหน้ามากระซิบอยู่ข้างๆหู สายตาพี่ธีร์ธามยังดูอาฆาตแค้นเหมือนอยากบีบมันให้แหลกคามือ แม้แต่ฉันเองยังหลอนแทนมันเลย ฉันต้องปลอบใจตัวเองกับกวินท์ไม่ให้ตื่นกลัวจนทำแผนล่ม "พี่ธีร์ธามไม่กล้าทำอะไรแกหรอกเชื่อฉันพี่เขาแค่ขู่เฉยๆ มีคนเดินไปเดินมาแถวนี้เยอะแยะพี่เขาคงไม่กล้าลงมือฆ่าแกหมกคอนโดหรอกเชื่อสิ" ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดปลอบใจกวินท์มันยังไง ฉันเองยังกลัวสายตาอำมหิตของพี่เขาเหมือนกัน ที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ฉันต้องสะกดจิตตัวเองให้แข็งพอยืนสู้ต่อ พร้อมกับปลอบใจเพื่อนสนิทปลุกใจให้หายกลัว "ถึงพี่เขาลงมือกับฉันที่นี่ไม่ได้มันไม่ได้หมายความว่าพี่เขาจะไม่ลงมือที่อื่นนะแก ฉันว่าเราล้มเลิกดีไหมแกเอาฉันมาเสี่ยงตายกับแกด้วยไม่ได้ พี่เขาไม่ทำแกแน่แต่ฉันนี่สิไม่น่ารอด" เราสองคนยังกระซิบกระซาบกันไม่หยุดจนเสียงดุดันดังแทรกขึ้นมาทำให้เราสองคนสะดุ้งสุดตัว "ข้าวปุ้นรีบเดินไปขึ้นรถกับพี่ได้แล้วคุยอะไรกันนักหนาเป็นผู้หญิงหัดระวังตัวเอาไว้บ้าง หรือไม่ได้ยินที่พี่พูดอย่าให้พี่ต้องลงมืออุ้มขึ้นรถด้วยตัวเอง" ดุเหมือนหมาหน้าก็ตึงสงสัยขาดหวานหรือไม่วัยทอง "ไม่ไปค่ะข้าวปุ้นอยากนั่งรถคันเดียวกับกวินท์ เราสองคนอยากไปเรียนพร้อมกัน พี่ธามขับรถไปเองคนเดียวสิคะหรือไม่ก็หาสาวนั่งข้างๆ ตัวเองไม่ได้อยู่คณะเดียวกับข้าวปุ้นสักหน่อย พี่ธามควรต่างคนต่างไปจะได้ไม่เปลืองน้ำมันลดโลกร้อน คณะวิศวะกับคณะนิเทศอยู่ห่างคนละทาง อีกอย่างข้าวปุ้นมีความสุขมากกว่าที่จะได้ไปกับกวินท์" ฉันยังคงรั้นปั่นพี่ธีร์ธามให้อารมณ์เสียเมื่อก่อนพี่เขาก็ปั่นฉันอย่างนี้เหมือนกันตอนนั้นฉันขอขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกับพี่เขานอกจากไม่ให้ขึ้นรถยังนัดสาวสวยหุ่นสะบึ้มมานั่งข้างๆต่อหน้าต่อตาฉันเจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ มันคงถึงคราวที่ฉันต้องเอาคืนบ้างจะไม่ยอมไปขึ้นรถพี่เขาง่ายๆเด็ดขาด ฉันไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยงจนเกินไปไม่อยากขึ้นรถไปกับเขาสองต่อสอง "ไม่ไปดีๆใช่ไหมได้เดี๋ยวพี่อุ้มเอง" พี่เขาไม่ได้ขู่เล่นๆเดินเบียดเข้ามาจริงกวินท์มันเดินมาบังฉันไว้ให้อยู่ข้างหลังมัน "ถอยไปไกลๆมึงไม่ต้องยุ่ง ยังไงกูก็เป็นผู้ชายคนแรกของข้าวปุ้นกูจะพาคนของเขาไปแกไม่ต้องเสล่อ" พี่ธีร์ธามอารมณ์ฉุนเฉียวกร้าวกราดฉันเองยังตกใจกับสรรพนามที่พี่เขาใช้เรียกกวินท์ แล้วเรื่องที่พี่เขาพูดออกมาฉันถึงกับทำหน้าเหวอคำพูดสองแง่สองง่ามชวนให้คิดเลยเถิดกวินท์มันยังอึ้ง พี่ธีร์ธามไม่ปล่อยโอกาสให้เราสองคนตั้งตัวใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งกว่ากระแทกไหล่ กวินท์จนเซถอยหลังออก แล้วตรงเข้ามาหาฉันพร้อมย่อตัวลงวาดมือมาใกล้หวังจะช้อนตัวยกลอยขึ้น ไม่ทันที่มือแข็งแรงนั้นจะเอื้อมมาถึงสะโพกกลมมน ฉันรู้ว่าพี่เอาจริงไม่พูดเล่นแน่จึงรีบพูดดักหน้าขึ้นมาเสียก่อน "ข้าวปุ้นจะเดินไปเองพี่ธามเดินนำไปสิคะรถคันไหนข้าวปุ้นจะรู้ไหม" พี่เขาหยุดชะงักฉันรอดจากการถูกอุ้มอย่างหวุดหวิดทำเอาใจหายใจคว่ำหัวใจแทบกระเด็นหลุดออกมาข้างนอก ฉันตีสีหน้าปั้นปึงใส่หน้าพี่เขาแววตาใสกระจ่างจ้องเอาเรื่องพี่เขาถ้าขืนยังคิดจะทำลุ่มล่ามกับฉันอีก "หึ หึ ก็แค่นี้..ดื้ออยากให้พี่ลงมือเอง" พี่เขาหัวเราะชอบใจออกมาที่ต้อนให้ฉันจนมุมไม่มีทางเลือกยอมเดินตามไปที่รถดีกว่าถูกอุ้มต่อหน้าเผชิญสายตาหลายคู่ที่กำลังมองพวกเราสามคนด้วยความสนใจและอยากรู้อยากเห็น ฉันหน้าบึ้งและค้อนกับคนขี้บงการเดินกระแทกส้นรองเท้าหนักด้วยอึดอัดคับแค้นใจที่ทำอะไรพี่เขาไม่ได้สักอย่าง "เจอกันที่คณะนะกวินท์รีบตามมาล่ะ" ฉันหันกลับไปบอกเพื่อนที่โบกมือไล่ฉันก่อนทำท่าโอเคอย่างเข้าใจสถานการณ์ นั่นแหละสิ่งที่ฉันอยากจะทำคือล่วงลวงเหยื่อให้ตายใจ ฉันอากเห็นอาการหึงหวงของพี่เขาบ้างไม่ใช่ให้ฉันเป็นฝ่ายวิ่งไล่ตามและหึงหวงอยู่ฝ่ายเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม