ด้วยอ่านใจของสาวบ้านนอกออกว่าต้องปฏิเสธว่าอย่างไร จักรินจึงรีบเอ่ยดักคอในทันทีเพื่อยุให้ฟ้าครามดื่มแชมเปญที่ผสมยาเสียสาวลงไป
“ดื่มแชมเปญแก้วสองแก้วไม่เมาหรอกครับ เพราะมีแอลกอฮอล์นิดเดียว ฟ้าดูเพื่อนคนอื่นสิครับ ซดแชมเปญราวกับน้ำเปล่า ยังไม่มีใครเมาเลย”
ฟ้าครามหันไปมองตามที่จักรินเอ่ยบอก ซึ่งบรรดาเพื่อนผู้หญิงหลายๆ คนต่างก็ทำเหมือนที่จักรินพูด หลายคนดื่มแชมเปญราคาแพงหลายแก้วแล้วแต่ไม่มีทีท่าว่าจะเมา แต่ขณะเดียวกันก็เกิดอาการลังเล เพราะเธอไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่ครั้งเดียว จึงไม่กล้าแตะต้องน้ำสีอำพันที่อยู่ในแก้วทรงสวย
และภูริศก็เร่งเร้าต่อด้วยสีหน้าเศร้า “อย่าทำลายน้ำใจของผมกับไอ้จักเลยครับ”
ฟ้าครามจำต้องพยักหน้ารับและเอื้อมมือหยิบแก้วแชมเปญมาดื่มในที่สุด เพราะกลัวว่าเพื่อนทั้งสองจะรำคาญเธอด้วย
แต่หญิงสาวหารู้ไม่ว่าในขณะที่เธอหยิบแชมเปญขึ้นดื่ม ทั้งภูริศทั้งจักรินก็ลอบมองสบ
ตากันแล้วสแยะยิ้มด้วยความถูกใจกับแผนการที่สำเร็จลุล่วงได้ครึ่งทางแล้ว
“ดื่มให้หมดแก้วเลยครับ” ภูริศคะยั้นคะยอ มองตามตาไม่กะพริบว่าฟ้าครามดื่มแชมเปญหมดแก้วหรือเปล่า
และจากที่ตั้งใจจะจิบแชมเปญแค่เพียงนิดเดียวเพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจของเพื่อนร่วมคณะ ฟ้าครามก็จำต้องกลั้นหายใจดื่มแชมเปญจนหมดแก้วในที่สุด และคิดว่าดื่มแชมเปญแก้วเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว กลับมีแชมเปญที่ยื่นมาจากจักรินให้กับเธออีกแก้ว
“แชมเปญแก้วนั้นเป็นของไอ้ภูที่แสดงความยินดีกับฟ้า ต่อไปก็เป็นจากผมบ้าง ผมขออวยพรให้ฟ้าประสบความสำเร็จได้เป็นดอกเตอร์เกียรตินิยมจากอเมริกาครับ”
เอ่ยอวยพรเสร็จแล้วจักรินก็ยื่นแก้วแชมเปญให้กับฟ้าครามบ้าง ซึ่งหญิงสาวจำต้องรับมาดื่มและขอบคุณเสียงแผ่วเบา
“ขอบคุณมากค่ะ”
คนที่ไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน พอดื่มแชมเปญเป็นแก้วที่สองก็เกิดอาการร้อนผะผ่าวมีเลือดวิ่งวนทั่วใบหน้าจนแดงก่ำไปหมด
และไม่ใช่เพราะแค่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เท่านั้นที่ทำให้ฟ้าครามเกิดอาการร้อนวูบวาบทั่วทั้งตัว แต่เป็นเพราะฤทธิ์ของยาเสียสาวไร้รส ไร้กลิ่นที่ถูกหยดลงไปในแชมเปญทั้งสองแก้วเริ่มทำปฏิกิริยากับร่างกายของหญิงสาวแล้ว
จักรินมองหน้าภูริศ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พวกเขาต้องรีบพาฟ้าครามออกจากร้านอาหารก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์จนเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อนคนอื่นๆ
“ไปกันเถอะครับฟ้า ผมจะพาคุณไปเอาของขวัญกับคิวาที่โรงแรมของเขา ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีหรอกครับ รับของขวัญเสร็จแล้วผมกับไอ้ภูจะไปส่งฟ้าที่หอพักเองครับ”
“ค่ะ”
ฟ้าครามถึงกับเซในขณะลุกขึ้นยืน และภูริศก็รับจับต้นแขนเพื่อประคองร่างบางไว้ จาก
นั้นก็พาฟ้าครามเดินออกจากร้านอาหารโดยไม่มีใครสังเกต เพราะเพื่อนๆ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหญิงหรือเพื่อนชาย ต่างก็กำลังโยกศีรษะ ตะโกนร้องเพลงร็อคร่วมกับนักร้องชื่อดังที่เปิดมินิคอนเสิร์ตอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครสนใจว่าฟ้าครามกำลังตกเป็นเหยื่อของคนที่เธอไว้ใจ และเรียกว่าเพื่อน!
“บ้าฉิบ! ไม่น่ารับคำท้ากับไอ้จักและไอ้ภูเลย จะกินยัยบ้านนอกลงไหมเนี่ย ไม่ใช่เนื้อตัวมีแต่กลิ่นโคลนสาบควายหรือวะ”
เจ้าของโรงแรมหรูหรา ได้คะแนนห้าดาวจากนักท่องเที่ยวนักวิจารณ์ทั่วโลก ทั้งสบถ ทั้งบ่นเป็นหมีกินผึ้ง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเสยผมให้ยุ่งไปหมด ส่วนมืออีกข้างก็มีขวดแชมเปญอยู่ในมือ
“ยกเลิกคำท้ากับพวกมันดีไหมวะ”
“ไม่ดีๆ ไอ้จักไอ้ภูคงได้หัวเราะเยาะฟันหักแน่”
“แต่ถ้าเอาเงินฟาดหัวพวกมันคนละแสนสองแสน ก็คงปิดปากไม่ให้พวกมันหัวเราะเยาะเราได้”
แน่นอนว่าคิวากรกำลังเกิดอาการลังเล จึงตั้งคำถามและโต้แย้งในคำถามของตนเองอยู่เพียงคนเดียว ร่างใหญ่ล่ำสันที่ถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เล่นงานบ้างแล้ว ถึงกับเดินเซขณะเดินไปมาอยู่ภายในห้องชุดสุดหรู
“เงิน! คงปิดปากพวกมันได้”
คิวากรบอกกับตัวเองอีกครั้ง ไม่ได้นึกเสียดายเงินที่จะต้องจ่ายให้กับเพื่อนทั้งสอง เพื่อเป็นค่าปิดปากไม่ให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะเขาที่ยอมล้มคำท้าที่จะกินสาวบ้านนอกอย่างฟ้าคราม พอคิดได้เช่นนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาจักรินโดยไม่รอช้า
ทันทีที่เพื่อนกดรับสาย คิวากรก็อ้าปากเอ่ยเรียกเพื่อน แต่ไม่ทันได้บอกถึงแผนในหัวที่ต้องการล้มคำท้า ก็ถูกจักรินเป็นฝ่ายชิงบอกซะก่อน
“ไอ้จัก”
“คิวา...พวกกูพายัยฟ้าครามมาถึงโรงแรมของมึงแล้ว อดใจรออีกห้านาที กูจะพายัยฟ้าครามไปให้มึงฟาดถึงห้อง”
“บ้าฉิบ!”
คิวากรได้แต่สบถอยู่ในลำคอ แทบขว้างโทรศัพท์ทิ้ง และก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย เพราะจักรินได้กดวางสายไปแล้วหลังจากเอ่ยบอกรัวเร็วเช่นนั้น
“นี่กูต้องทนฝืนกินยัยบ้านนอกหรือวะ”
คิวากรสบถบ่นอย่างหัวเสีย ด้วยรู้สึกขยะแขยง กลิ่นเหม็นสาบลอยมาปะทะจมูกจนขนลุกไปหมด และเมื่อไม่อาจยกเลิกคำท้าได้ จึงยกขวดแชมเปญในมือกระดกเข้าปากราวกับดื่มน้ำเปล่า ต้องการดื่มแชมเปญเพื่อย้อมใจตัวเองให้เมาเต็มที่ จะได้ทำตามคำท้าของเพื่อนทั้งสอง และบอกกับตัวเองว่าจะกลั้นใจหลับหูหลับตาขึ้นขย่มฟ้าครามให้ถึงสวรรค์เร็วๆ จะได้เสร็จสิ้นภารกิจท้าทายในครั้งนี้
คิวากรดื่มย้อมใจอีกอึกใหญ่ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง ทำเอาสะดุ้งโหยงด้วยความสยดสยอง เพราะรู้ว่าคนที่เคาะประตูห้องพักของเขาคือจักรินกับภูริศนั่นเอง
ขณะเดินตรงไปที่ประตูห้อง ร่างใหญ่กำยำที่ดื่มแชมเปญรวมๆ แล้วหมดไปเกือบสองขวดตั้งแต่จากงานเลี้ยงในร้านอาหารและดื่มย้อมใจที่ห้องก็ถึงกับเซบ้าง และต้องใช้เวลาเกือบห้านาที กว่าจะเดินไปเปิดประตูห้องได้ พอเปิดประตูออกกว้าง ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูง เอ่ยถามเพื่อนทั้งสองด้วยความสงสัย
“นี่ยัยบ้านนอกเมาเละถึงกับต้องหิ้วปีกเลยหรือวะ”