ฟ้าครามพยักหน้าให้เพื่อนทั้งสอง ไม่ทันได้เอ่ยพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงบรรดาเพื่อนสาวๆ ร้องกรี๊ดดังลั่น ประภาพรและอัจฉราก็ร่วมวงด้วย ทั้งสองร้องกรี๊ดแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังหน้าเวทีอย่างรวดเร็ว
“นักร้องมาแล้ว อัจฉราไปเร็ว เดี๋ยวไม่ได้อยู่หน้าเวที”
ไม่ต้องรอให้เพื่อนบอกซ้ำ อัจฉราวิ่งตามประภาพรตรงไปยังเวที ซึ่งตอนนี้นักร้องวง
ร็อคชื่อดังได้เดินทางมาถึงร้านอาหารแล้ว และกำลังทักทายกับบรรดาว่าที่บัณฑิตจบใหม่อย่างเป็นกันเอง
ฟ้าครามถอนหายใจลึกมองตามเพื่อนทั้งสอง และก็อดไม่ได้ที่จะเอี้ยวตัวหันไปมองยังโต๊ะที่คิวากรนั่งอยู่กับผองเพื่อน ซึ่งตอนนี้ไม่เห็นคิวากรแล้ว คงมีแค่ภูริศกับจักรินเท่านั้น
“รีบกินรีบกลับดีกว่าเรา”
ฟ้าครามบอกกับตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็ตักอาหารที่มีอยู่แค่เพียงนิดเดียวส่งเข้าปาก
แต่...กินอาหารไม่ทันหมด ก็ต้องเงยหน้าขึ้น เมื่อเพื่อนสนิทของคิวากรนั่นก็คือจักรินและภูริศได้ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเธอ
ภูริศกับจักรินเริ่มดำเนินแผนชั่วแล้ว พวกเขาถือแก้วแชมเปญของตัวเอง และอีกแก้วที่พิเศษสุดสำหรับฟ้าครามเดินตรงมาหาเหยื่อสาว จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามแล้วคลี่ยิ้มกว้างที่อาบไปด้วยยาพิษให้กับหญิงสาว ที่เงยหน้าขึ้นมองพวกเขาด้วยสายตาหวาดๆ
“สวัสดีฟ้า พวกเรานึกว่าคุณจะไม่มาร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”
ภูริศเป็นฝ่ายเริ่มก่อน นอกจากจะทักทายด้วยน้ำเสียงฟังดูเป็นกันเองแล้วยังยิ้มกว้างให้กับฟ้าครามด้วย
ฟ้าครามวางช้อนในมือลง เกิดอาการอึดอัดกับสายตาของเพื่อนร่วมคณะทั้งสองคนนี้ และในหัวเต็มไปด้วยคำถามว่าพวกเขามาพูดคุยด้วยทำไม เพราะปกติแล้วพวกเขาทั้งสองไม่เคยเข้ามาข้องแวะหรือทักทายกับเธอ แม้จะเรียนคณะเดียวกันก็ตาม
“เอ่อ...ค่ะ แต่กำลังจะกลับแล้วค่ะ”
“อ้าว...ทำไมกลับเร็วนักละครับ เพิ่งสองทุ่มกว่าเองนะครับ”
จักรินแสร้งร้องด้วยความผิดหวัง ในใจนั้นนึกเยาะคนที่กำลังจะตกเป็นอาหารอันโอชะของคิวากร
ฟ้าครามขยับตัวนั่งอยู่ไม่เป็นสุข อยากให้จักรินและภูริศลุกออกจากที่นั่งสักที เธอจะได้กลับหอพัก เพราะรู้ตัวว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้
“พรุ่งนี้มีสอนพิเศษแต่เช้า ก็เลยอยากกลับไปเตรียมแผนการสอนนะคะ”
“อ๋อ...ครับ พวกเราได้ยินอยู่ว่าฟ้ารับสอนพิเศษให้เด็กๆ ด้วย”
จักรินพูดไปตามน้ำขณะหันไปพยักพเยิดให้กับภูริศ ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาไม่เคยรู้เรื่องและไม่เคยสนใจเกี่ยวกับวิถีชีวิตของสาวบ้านนอกคนนี้เลย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฟ้าขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ภูริศรีบเอื้อมมือไปจับต้นแขนของฟ้าครามไว้เมื่อหญิงสาวทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ “อย่าเพิ่งกลับสิครับ นั่งลงคุยกันก่อนครับ”
“ใช่ครับ อย่าเพิ่งกลับเลย พวกเรามีของขวัญจะให้ฟ้าด้วย ที่ฟ้าสอบชิงทุนไปเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกที่อเมริกาได้”
จักรินเสริมทัพอีกคน เอ่ยห้ามแกมขอร้องไม่ให้ฟ้าครามออกจากงานเลี้ยง หญิงสาวจะกลับหอพักไม่ได้ นอกจากไปอยู่บนเตียงในโรงแรมหรูของคิวากรเท่านั้น
“ของขวัญอะไรหรือคะ”
ฟ้าครามถามออกมาได้หลังจากต้องทรุดตัวลงนั่งอีกครั้งตามแรงยึดจากมือใหญ่ของภูริศ
“ฟ้ารู้ไหมครับว่าคิวามันชอบฟ้ามาก มันชอบตรงที่ฟ้าเป็นเด็กเรียน ไม่เคยเที่ยวเตร่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ พอมันรู้ว่าฟ้าสอบชิงทุนได้ มันก็เตรียมของขวัญชิ้นพิเศษให้ฟ้าด้วย”
ภูริศเริ่มแผนชั่วเอ่ยโกหกและหลอกล่อให้ฟ้าครามตกหลุมพราง และจักรินก็รีบเอ่ยเสริมเพื่อความน่าเชื่อถือให้ก่อเกิดในตัวฟ้าครามต่อ
“ที่ไอ้ภูบอกนั้นเป็นเรื่องจริงครับ พวกผมรู้ว่าคิวาชอบฟ้าตรงที่เป็นเด็กเรียน แถมยังขยันทำงานพิเศษด้วย พอมันรู้ข่าวว่าฟ้าสอบชิงทุนไปเรียนที่อเมริกาได้ มันก็เตรียมของขวัญให้ ซึ่งพวกผมยังแปลกใจเลยที่คิวามันใส่ใจในตัวฟ้ามาก เตรียมของขวัญให้ฟ้าทั้งๆ ที่เพื่อนคนอื่นๆ ไม่มีใครให้ของขวัญกับฟ้าเลย”
“เอ่อ...ไม่ต้องให้ของขวัญกับฟ้าก็ได้ค่ะ ฟ้าเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของคิวาร่วงหรอกครับ” เอ่ยบอกไปแล้วภูริศก็หัวเราะร่วน ก่อนจะแสร้งตีสีหน้าผิดหวังให้เห็นขณะโกหกต่อ
“แต่คิวามันเป็นคนขี้ลืม ดันลืมของขวัญไว้ที่โรงแรมของมัน นี่มันกลับไปเอาของขวัญแล้ว แต่เพราะรถติดมาก มันคงกลับมาที่งานเลี้ยงไม่ทัน มันก็เลยวานให้พวกผมพาฟ้าไปเอาของขวัญที่โรงแรมของมันครับ”
ฟ้าครามตีสีหน้าเหยเก ไม่ใช่เพราะผิดหวังที่คิวากรไม่ได้หยิบของขวัญติดมือมาให้เธอ แต่หวาดกลัวที่คนบ้านนอกใส่เสื้อผ้าเก่าๆ โทรมๆ ต้องไปที่โรงแรมหรูระดับห้าดาวของคิวากรต่างหาก
“ฟ้าไม่ไปเอาได้ไหมคะ และฟ้าฝากขอบคุณไปถึงคุณคิวาด้วยที่อุตส่าห์ซื้อของขวัญให้กับฟ้า”
“ไม่ได้ครับ ฟ้าต้องไปเอาด้วยตัวเองครับ”
จักรินส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมกับยกแม่น้ำทั้งห้าบอกเหตุผล เพื่อหลอกล่อให้ฟ้าครามเดินเข้าปากราชสีห์
“คิวามันอุตส่าห์ไปเลือกซื้อของขวัญด้วยตัวเอง ฟ้าอย่าทำลายน้ำใจของมันสิครับ ส่วนเรื่องราคาค่างวด ฟ้าอย่าไปสนใจเลยว่าจะแพงมากแค่ไหน ขอแค่ฟ้าไปรับของขวัญ และยิ้มขอบคุณ เพียงเท่านี้คิวามันก็มีความสุขและพอใจแล้วครับ”
“ก็ได้ค่ะ ฟ้าจะไปรับของขวัญจากคุณคิวา แต่ไม่ใช่เพราะฟ้าอยากได้ของขวัญจากเขา แต่เพราะว่าฟ้าไม่อยากให้เขาต้องเสียน้ำใจค่ะ”
“ขอบคุณฟ้ามากที่ยอมไปรับของขวัญจากคิวา” จักรินคลี่ยิ้มกว้างถือวิสาสะเอื้อมมือมาบีบมือเล็กของฟ้าครามในขณะเอ่ยขอบคุณ
“และนี่เป็นของขวัญจากพวกเรา ที่จะแสดงความยินดีและอวยพรล่วงหน้าให้ฟ้าประสบความสำเร็จในการไปเรียนปริญญาโทและปริญญาเอกที่อเมริกา”
ภูริศยื่นแก้วแชมเปญมาตรงหน้าฟ้าคราม แล้วเอ่ยบอกต่ออย่างขอลุแก่โทษให้ฟังดูน่าสงสารว่า
“พวกเราไม่ได้ร่ำรวยเหมือนคิวา จึงไม่มีของขวัญชิ้นพิเศษให้กับฟ้า เพราะฉะนั้นผมจึงขอใช้แชมเปญฟรีในงานเลี้ยงนี่แหละดื่มอวยพรให้กับฟ้า”