“โปรด ฉันวานเธอออกไปสั่งกาแฟให้หน่อยสิ เดี๋ยวเอารถฉันไปก็ได้” หญิงสาวร่างเล็กแต่ทำงานดุเดือดอย่างพี่นัทรีบรุดมากระซิบโปรดปรานเบา ๆ เธอกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะรับกุญแจรถของคนโตกว่ามาอย่างงง ๆ “อะ นี่ลิสต์รายการนะ พอดีวันนี้ค่อนข้างแย่น่ะ” ประโยคหลังเธอพูดเสียงค่อย เหลือบสายตามองลูกค้าที่นั่งดูจออยู่หน้าเซ็ตด้วยสีหน้าไม่สู้ดี โปรดยิ้มหวานตอบกลับอีกฝ่ายทันที
“โอเคค่ะพี่นัท รอสักครู่นะ พี่นัทจะเอาด้วยไหมคะ”
“ของพี่อเมริกาโน่ก็ได้ ขอใบกำกับภาษีด้วยนะคะ เดี๋ยวพี่โอนเงินไปให้ก่อนสามพันนะ” เธอว่าแล้วรีบเดินกลับไปพูดคุยกับลูกค้าทันที ไม่นานเสียงข้อความแจ้งเตือนยอดเงินเข้าบัญชีก็เด้งขึ้นมาในตอนที่โปรดปรานกำลังเดินไปยังรถคันสีขาวประจำตัวรุ่นพี่คนสวยของเธอ
ตอนเช้าที่เหมือนงานทุกอย่างจะราบเรียบไปได้ด้วยดีกลับเกิดปัญหาเสียได้ เมื่อนักแสดงสมทบที่กั้งดีลมากลับมาอย่างสภาพไม่ตรงปกกับที่วันแคสก่อนหน้าดีลกันไว้ ไม่ว่าจะแต่งหน้าขนาดไหนหน้าก็ยังดรอปไม่สู้แสงไฟอยู่ดี จนกลายเป็นว่าต้องมาคิดเปลี่ยนสีฉากลิมโบ้ด้านหลังเป็นสีอื่นแทนนอกจากสีแดงไวน์ที่เลือกเอาไว้ในคราแรก ซีนถ่ายแบบของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเกิดปัญหาความล่าช้าค่อนข้างมากโข
บวกกับลูกค้าที่เป็นสปอนเซอร์กับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มาดูแล้วบังเอิญพบกับปัญหานี้เข้าพอดิบพอดี แม้ว่าทางทีมงานจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้รวดเร็วขนาดไหน หรือการแสดงของนักแสดงคนนี้จะดีเท่าไหร่ ทางลูกค้าก็ยังรู้สึกประทับใจน้อยลงอยู่ดีเมื่อเกิดความผิดพลาดเช่นนี้
ดีอย่างที่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมากนอกจากเสริมเพิ่มเติมในบางจุดที่เขาต้องการ เพราะมีการปรับเปลี่ยนค่อนข้างเยอะ แต่ถึงอย่างนั้น สีหน้านิ่ง ๆ และการที่ไม่แย้มยิ้มมากเท่าครั้งก่อนที่พบเจอก็ทำให้โปรดปรานรู้ได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขารู้สึกไม่พอใจอยู่นั่นล่ะ
ไม่นานนักเธอก็ขับรถมาถึงร้านกาแฟใกล้ ๆ กับสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำ หญิงสาวรีบเดินไปยื่นออเดอร์ให้กับพนักงานทันที ก่อนจะสั่งคุ้กกี้นิ่มช็อกโกแลตชิพสักชิ้นมานั่งทานรอระหว่างที่พนักงานนั้นจัดการเครื่องดื่มให้เสร็จ แหม ก็ซื้อสิบกว่าแก้วอย่างนี้จะให้เร็วก็คงไม่ได้หรอกนะ
ระหว่างที่นั่งทานขนมเพลิน ๆ พร้อมกับพิมพ์ไลน์อัปเดทกับทีมงานคนอื่น ๆ รวมทั้งฝ่ายสวัสดิการที่ช่วยเธอดูแลเรื่องข้าวปลาอาหารอีกทีว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร เธอก็เปลี่ยนจากแอปพลิเคชั่นไลน์ไปเป็นแอปพลิเคชั่นที่เป็นเหมือนพื้นที่ส่วนตัวของเธออย่างเฟสบุ๊คทันที
แล้วทันใดนั้นเอง โปรดปรานก็ต้องตาโตด้วยความตกใจ
‘Today Event งานเลี้ยงรุ่น ส.ย. รุ่นที่ 17’
ตายแล้ว! เธอลืมงานนี้ไปเสียสนิทใจจริง ๆ
โปรดปรานกระวีกระวาดกดเช็กสถานที่จัดงานแล้วก็ต้องรู้สึกกังวลเข้าไปใหญ่เมื่องานนั้นเริ่มตอนหกโมงเย็น อีกทั้งยังจัดที่โรงแรมแถวสุขุมวิทซึ่งไม่ไกลจากอโศกแต่รถติดน้อยที่ไหนกัน กว่าเธอจะเลิกงานก็เกือบห้าโมงแล้วด้วยซ้ำ ไหนจะทีท่าที่วันนี้ดูเหมือนจะเลทอีกล่ะ อา ตายแล้ว!
เธอเม้มปากน้อย ๆ มองจอโทรศัพท์อย่างครุ่นคิด
สายก็สาย! ยังไงก็ต้องกลับไปแต่งตัวอยู่ดีนั่นแหละ
ยัยโปรดปรานเอ๊ย จะโดนมองแรงใส่ไหมเนี่ย!
. . . . .
18.44 น.
“(โปรด เธออยู่ไหนแล้วเนี่ย)” เสียงของพราว คนที่เชื้อเชิญเธอให้มางานนี้ดังลอดสายออกมา โปรดปรานหอบหายใจน้อย ๆ จัดผมจัดเผ้าที่ตั้งใจจัดแต่งมาอย่างดีให้เข้าที่ก่อนจะผลักประตูห้องโถงของโรงแรมเข้าไปอย่างเบามือ
“อยู่ตรงทางเข้า เธออยู่ไหนหรอ” เธอหรี่ตามองไปรอบ ๆ ห้องที่มีผู้คนเต็มไปหมด อันที่จริงจะเรียกว่าคนคุ้นเคยก็คงไม่ถูกเสียเท่าไหร่ เพราะทุกคนที่เธอจำได้นั้นคือเด็กอายุเพียง 16 ปี ไม่ใช่ผู้ใหญ่อายุ 27 ปีเสียหน่อย ทั้ง ๆ ที่โรงเรียนแห่งนั้นอยู่โคราชแท้ ๆ จัดงานที่กรุงเทพคนยังมาเยอะแยะขนาดนี้ น่าเหลือเชื่อไม่น้อยเลยล่ะ
“ฉันอยู่นี่โปรด ทางนี้!” เสียงของแพรวที่ดังออกมาทำให้เธอหันกลับไปมองอีกฝ่ายทันที ก่อนโปรดปรานจะต้องยิ้มอย่างโล่งใจพร้อมทั้งก้าวขาไว ๆ ไปนั่งยังโต๊ะนั้น ที่มีสาว ๆ คนอื่น ๆ นั่งอยู่จนครบเก้าอี้ทุกตัว และทุกคนนั้นโปรดปรานจำได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเธอน่ะคือคนที่รับเธอเข้ากลุ่มเวลาทำงาน หรือไปทานข้าวกลางวันด้วยในบางครั้ง
“โห สวยขึ้นแบบที่แกว่าเลยว่ะแพรว ไปทำไรมาคะหล่อน” เสียงของกุ้งพูดขึ้น อีกฝ่ายยังดูน่ารักและใจดีเหมือนเดิมไม่มีผิด โปรดปรานยิ้มอย่างเขิน ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ พราวแล้วยิ้มให้เพื่อน ๆ คนอื่นทุกคน
“โตแล้วตัวมันยืดน่ะ ฮ่า ๆ” เธอพูด แล้วคนอื่น ๆ ก็หัวเราะเช่นเคย ก่อนที่โปรดปรานจะหันไปสังเกตคนข้างกายที่ตอนนี้ก็ยังคงดูโดดเด่นเช่นเคย
ใช่ มธุรสโดดเด่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย
“เธอเป็นไงบ้างล่ะรส” โปรดปรานเลือกที่จะหันไปถามคนข้างกาย อีกฝ่ายยิ้มให้เธอบาง ๆ ด้วยมารยาท ก่อนจะสะบัดเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่ขับผิวขาวนวลของเธอให้ชัดเจนขึ้นไปอีก
“ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะเป็นไงบ้าง ไม่เจอกันนานเลยนะโปรดปราน” มธุรสพูดก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “ฉันล้อเล่นน่ะ เธอสวยขึ้นนะโปรด”
“ขอบใจนะรส ฉันก็ดี ทำงานแทบทุกวันเหมือนเดิมเลย” โปรดปรานว่าต่ออย่างไม่ติดใจอะไรนัก
อย่างไรเสีย มันก็เป็นอย่างนี้มาตลอดนั่นล่ะ
มีเพียงแค่สิรดนย์เท่านั้นที่จะด่าเธอว่าโง่ ที่ไม่คิดอะไรเลยกับคำพูดที่ไม่ดีของคนอื่น