บท 6 แดง & น้ำเงิน

2615 คำ
บท 6 แดง & น้ำเงิน ร่างกำยำทะมัดทะแมงรีบว่ายน้ำขึ้นฝั่งทันที ขายาวเร่งสาวแล้วกระโดดขึ้นไปบนเถียงนาเกรงว่าเจ้าสิงโตจะตามทัน “แฮ่ก ๆ” ฉลามโค้งตัวหอบหายใจ เมื่อครู่เขาลุ้นแทบตายเกรงว่าไอ้สิงโตจะว่ายน้ำได้เร็วกว่า แต่ที่ไหนได้! ไอ้หมาตัวนั้นกลับเอาแต่เล่นน้ำยังไม่ยอมขึ้นฝั่ง ดูเหมือนมันจะมีความสุขด้วยซ้ำ “วั่งได๋นี้อ้ายลงน้ำไปเฮ็ดหยัง?” (เมื่อกี้พี่ลงน้ำไปทำไม?) “พามันไปเล่นน้ำตั๊วะ เห็นบ่ สิ้นฤทธิ์แล้ว” (พามันไปเล่นน้ำไง เห็นไหม สิ้นฤทธิ์แล้ว) ฉลามแก้ตัวรวดเร็ว ฮักและฮันเตอร์ถึงกับถอนหายใจและส่ายหน้าก่อนจะกระโดดลงเถียงนาไปรีบทำงาน “ไปเถาะ เสียเวลาอีหลี” (ไปเถอะ เสียเวลาจริง ๆ) “มันอารมณ์ดีแล้วเหรอ?” ไทเกอร์ที่กำลังมองเจ้าสิงโตเดินขึ้นฝั่งแล้วสะบัดขนเปียกน้ำของมันออก ก่อนจะวิ่งกลับเถียงนาที่มันเคยเฝ้า ราวกลับเมื่อครู่มันไม่ได้วิ่งไล่จะกัดเขามาก่อน… อะไรกันเขาวิ่งแทบตาย!? “Oh my Buddha!” (โอ้ พระพุทธเจ้าของฉัน) “Oh my God! กะเว้ามาเถาะ อย่ามาหาตลกอยู่นี่ คนแห่งเมื่อยอยู่” (Oh my God! ก็พูดมาเถอะ อย่ามาหาตลก คนยิ่งเหนื่อยอยู่) ฉลามหันไปมองค้อนเพื่อนรัก ถ้าไทเกอร์มันเลิกวิ่งยามเช้าเมื่อไหร่ชีวิตในหมู่ 8 คงไม่ลำบากขนาดนี้ “ไอไม่อยากให้เครียด” ไทเกอร์เกาหัวแกรกๆ ด้วยความใสซื่อ เมื่อครู่เขาสร้างปัญหาใหญ่ให้เพื่อนเลยเกรงใจอยู่เหมือนกัน “อืม ไปเฮ็ดงานเถาะ” (อืม ไปทำงานเถอะ) ฉลามพยักหน้าตบไหล่เพื่อนเพื่อเป็นการบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะชำเลืองไปยังบริเวณสระน้ำ เห็นไอ้สิงโตกลับไปแล้วฉลามก็ส่ายหน้าระอา เขาเองก็งงกับหมาเหมือนกัน… ได้ยินคำว่า ‘งาน’ ไทเกอร์มองตามแผ่นหลังของฮันเตอร์กับฮักทันควัน “ยูจะให้ไอช่วยทำแบบนั้นเหรอ?” นิ้วเรียวยาวชี้ไปยังฮันเตอร์ที่กำลังถอนต้นมันขึ้น “ไม่ ๆ เดี๋ยวตารงค์ก็มาไถขึ้นให้ มึงรอเก็บหัวมันใส่เข่งอย่างเดียวพอ” “ออ” ไทเกอร์พยักหน้าเข้าใจ แม้เขาจะไม่เข้าใจก็ตาม จากนั้นก็เอาบันไดลงแล้วลงจากเถียงนาไปหาน้อง ๆ ทั้งสอง “ไปแม้ะ มาเฮ็ดซอยบ่แม่นบ่?” (ไปสิ มาช่วยทำงานไม่ใช่เหรอ?) ฉลามเห็นกำแก้วเอาแต่ยืนส่องกระจกในมือก็ขมวดคิ้ว “จิ๊ อ้ายไปก่อนเลย กำแก้วสิถ่ายคอนเทนต์หาเงินก่อน” (จิ๊ พี่ไปก่อนเลย กำแก้วจะถ่ายคอนเทนต์หาเงินก่อน) “คอนเทนต์หยังอีก?” (คอนเทนต์อะไรอีก?) ฉลามเลิกคิ้วถาม เขาไม่เข้าใจกับสิ่งที่กำแก้วชอบทำหรอก วัน ๆ เห็นแต่ถ่ายคลิปลงต็อกต็อก ไร้สาระ… “อะ!” ขณะกำแก้วจะหันไปดุใส่คนแก่คร่ำครึ ก็ดันเห็นเข้ากับห่อหมกขนาดใหญ่ที่ขดตัวอยู่ภายใต้กางเกงใน มันพองออกมาจนทะลุม่านตา โอ้~ มันขนาดเท่าไหร่กันน้อ? แก้มเนียนทั้งสองข้างแดงระเรื่อ ใบหน้าใสเบือนหน้าหนีทันทีก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “อะ…อ้ายสิไปเข้าใจหยัง ไปหาใส่เสื้อผ้าพู้นไป” (พะ…พี่จะไปเข้าใจอะไร ไปหาสวมเสื้อผ้านู่นไป) สิ้นเสียงใส ฉลามก็พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองใส่กางเกงในเพียงตัวเดียว เมื่อก้มมองร่างเปลือยเปล่าของตัวเองถึงกับสะดุ้งก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงดุดัน “เป็นหยัง อยากเบิ่งกะเบิ่งโลด อ้ายบ่ใส่สิเป็นหยัง?” (ทำไม อยากดูก็ดูสิ พี่ไม่ใส่ จะทำไม?) “อุบาทว์ตา!” กำแก้วละเบื่อในความมั่นหน้าของพี่คนนี้จริง ๆ ดวงตากลมใสกลอกไปมาพร้อมกับคว่ำปาก ก่อนจะเริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับโชว์ผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อถ่ายทำคลิป ส่วนคนถูกเมินก็เริ่มรู้สึกหัวเสีย ขณะที่กำแก้วกำลังบรรยายสรรพคุณของครีมกันแดด ฉลามก็เดินดุ่ม ๆ สภาพไม่ใส่กางเกงและเสื้อผ่านหน้ากล้องของเธอไป “อีหยังของอ้ายเนี้ย!?” (อะไรของพี่เนี่ย?) “อีหยัง? อ้ายกะแค่สิย่างลงเถียงนา” (อะไร? พี่ก็แค่จะเดินลงเถียงนา) “บันไดอยู่ทางพู้นคือบ่ย่างไปซั่นเด้ะ!” (บันไดอยู่ทางนั้นทำไมไม่เดินไปล่ะ!) คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความหงุดหงิด “อ้ายอยากโดดลง!” (พี่อยากกระโดดลง!) พูดจบฉลามก็กระโดดลงเถียงนาไปทันที ฮักกับฮันเตอร์ที่มองทั้งสองอยู่ไกล ๆ ก็ได้แต่ส่ายหน้า นั่นคือพี่ฉลามวัยยี่สิบเจ็ดขวบต้องการเรียกร้องความสนใจใช่ไหม? “ประสาท!” กำแก้วมองตามแผ่นหลังกว้างของฉลามซึ่งกำลังเดินไปยังกองเสื้อผ้าที่เขาถอดทิ้งไว้ เธอเพียงขยับปากบ่นอุบอิบเพราะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า จากนั้นก็กดลบคลิปเดิมออกแล้วเริ่มถ่ายใหม่… “กันแดดตัวนี้ดีมากค่ะทุกคน ใช่แล้วไม่เป็นคราบเลย ตอนนี้กำแก้วก็อยู่ที่ไร่มันสำปะหลัง หลังจากทำงานมากันแดดยังติดทนอยู่เลยค่ะ” “การละคร!” ฉลามได้ยินแบบนั้นก็ตะโกนสวนไปทันที ไปทำงานตอนไหน? เห็นเอาแต่ส่องกระจกไม่วางมือ “ควายหิวหญ้าทางได๋มางัวะแถวนี่วะ!” (ควายหิวหญ้าทางไหนมาร้องแถวนี้เนี้ย?) “โท๊ะ! ควายพะนะ ถึงอ้ายเป็นควายกะควายหล่อ ๆ โตหนึ่งล่ะ บ่คือกำแก้วดอก คือกับแก้หนิ” (โอ้โห ควายเลยเหรอ? ถึงพี่เป็นควายก็ควายหล่อ ๆ ตัวหนึ่งอ่ะนะ ไม่เหมือนกำแก้วหรอกเหมือนตุ๊กแก) คนอะไรหน้าเล็กเท่าฝ่ามือแต่ตาโตราวกับไข่ห่าน “ป๊าดดดด คือกล้าว่าแท้ นี่ดาวมหา’ลัยนะคะ” (โห! ทำไมกล้าพูด นี่ดาวมหา’ลัยนะคะ) ถ้าเธอหน้าเหมือนตุ๊กแกแล้วคนทั่วไปจะหน้าเหมือนอะไร? “ดาวน์ซินโดรมกะว่าแหน่” (ดาวน์ซินโดรมก็พูดเถอะ) “มาแข่งกันบ่ อ้ายกับกำแก้วไผสิมีแฟนก่อนกัน!” (มาแข่งกับไหม พี่กับกำแก้วใครจะมีแฟนก่อนกัน!) กำแก้วปิดมือถือเก็บกระจกแล้วยืนขึ้นทันที ไอ้พี่คนนี้ดูถูกความงามเธอเกินไปแล้ว! “ได้เลย! ระดับอ้ายแล้ว ย่างไปซี้เอาไผกะได้” (ได้เลย! ระดับพี่แล้วเดินไปชี้เอาใครก็ได้) “คือกันล่ะ” (เหมือนกันแหละ!) กำแก้วกอดอกเชิดหน้าก่อนจะกระแทกเท้าเดินลงเถียงนาด้วยความหงุดหงิด “ย่างค่อย ๆ แหน่ เสาเถียงอ้ายสิเอน” (เดินเบา ๆ หน่อย เสาเถียงนาพี่จะเอน) เห็นสองคนที่อยู่ฟากเถียงนาเถียงกัน ฮักกับฮันเตอร์จึงทิ้งตัวนั่งลงราวกับกองเชียร์ที่จับตาดูการแข่งขันกีฬา และเป็นฮันเตอร์เปิดประเด็นก่อนใคร… “มึงว่าไผสิชนะ?” (มึงว่าใครจะชนะ?) “แล้วฝ่ายได๋เป็นฝ่ายได๋ล่ะ?” (แล้วฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนล่ะ?) “ฝ่ายแดง กำแก้วศิษย์ป๋าปาล์ม กับ ฝ่ายน้ำเงิน ฉลามน้อย ลูกจอห์นนี่” “ถ้าสู้แบบแนวตั้งกูว่าจั่งได๋กะฝ่ายน้ำเงิน ถ้าสู้แบบแนวนอนจั่งได๋กะฝ่ายแดงชนะเห็น ๆ” (ถ้าสู้แบบแนวตั้งกูว่ายังไงก็ฝ่ายน้ำเงิน แต่ถ้าสู้แบบแนวนอนยังไงก็ฝ่ายแดงชนะเห็น ๆ) “กูกะคิดคือมึงเลย กูว่าถ้าน้ำเงินแทงเข่า ถึงฝ่ายแดงสิจุกแหน่แต่กะฟินทั้งคู่ แต่ถ้าแดงสับศอกขึ้นมา น้ำเงินตายคั้ก ๆ” (กูก็คิดเหมือนมึงเลย กูว่าถ้าน้ำเงินแทงเข่า ถึงฝ่ายแดงจะจุกอยู่บ้างแต่ก็ฟินทั้งคู่ แต่ถ้าแดงสับศอกขึ้นมา น้ำเงินตายแน่นอน) ป๊าบ! ป๊าบ!! “ซุมหมู่หนิ เป็นเด็กเล็กเด็กน้อย สมองมีแต่เรื่องเซิง” (ไอ้พวกนี้ เป็นเด็กเป็นเล็ก สมองมีแต่เรื่องลามก) ตารงค์ เดินมาพร้อมกับมะเหงกใส่หัวทั้งคู่คนละที จนฮักกับฮันเตอร์ต้องยกมือขึ้นมากุมหัว “โอ๊ยยยย!” “เอ้า! เจ้ามาแต่ทางได๋ คือบ่ได้ยินเสียงรถ?” (อ้าว! ตามาได้ยังไง ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถ) ฮักมองตารงค์แขกผู้มาใหม่ ซึ่งเป็นคุณตาของพี่ฉลาม “อย่าบอกว่าเจ้าย่างมา?” (อย่าบอกว่าตาเดินมา?) ฮันเตอร์เห็นตารงค์หอบหายใจเหมือนเหนื่อยจึงเอ่ยถาม “ขี่พรมมามั้ง” ตารงค์เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน เขาเดินจนเหงื่อไหลมาขนาดนี้ ไอ้เด็กพวกนี้ยิ่งมาถามจี้ใจดำ ไม่รู้ว่าปลาส้มลูกสาวสุดที่รักของเขาเอามอเตอร์ไปขับเล่นตอนไหน น้ำมันหมดก็ไม่ยอมเติมให้เลยได้จอดทิ้งข้างทางแล้วเดินมา “สมพอล่ะเป็นเงียบ ๆ” (ถึงว่าสิทำไมเงียบ ๆ) ฮันเตอร์พยักหน้าด้วยสีหน้ากวนประสาท “แล้วตาเอาพรมจอดไว้ไสล่ะ?” (แล้วตาเอาพรมจอดไว้ไหนล่ะ?) ฮักแสร้งถามด้วยแววตาใสซื่อ “เทิ่งยอดตาลฮั่น” (บนยอดตาลตรงนั้น) “สมพอกางเกงขาดเบิ่ดล่ะแมะ เจ้าคือสิรูดต้นตาลลงมาติ๊เนาะ” (ถึงว่ากางเกงขาดหมด ตาคงจะรูดต้นตาลลงมาสินะ) ฮันเตอร์รีบเข้าทีมกับฮักทันที “ไปเรื่อยเลยซุมหน้ามึนหนิ!” (ไปเรื่อยเลยไอ้พวกหน้ามึน) สิ้นเสียงตารงค์ ฮันเตอร์ก็ยกมือลูบหัวทันทีเพราะโดนมะเหงกลูกใหญ่กว่าเดิมทุบลงกบาลจนสะดุ้ง ส่วนฮักไหวตัวทัน หลบได้อย่างปลอดภัย เอามือปิดปากกลั้นขำก่อนจะปัดตูดเดินหนี “เอ้า ตามาแล้วติ” (อ้าว ตามาแล้วเหรอ?) ฉลามเห็นผู้เป็นตามาถึงก็เลิกเถียงกับกำแก้วแล้วเดินเข้าไปหา ไทเกอร์พึ่งจำได้ว่านี่คือตาของฉลามก็เข้ามาทักทายทำความเคารพ “ตารงค์สวัสดีครับ” “หวัดดีลูกหวัดดี ผู้บ่าวเมืองนอกกะมาซ่อยหมู่ติ คือดีแท้” (หวัดดีลูกหวัดดี หนุ่มเมืองนอกก็มาช่วยเพื่อนเหรอ ดีจริง ๆ) “ครับ” ไทเกอร์พยักหน้าแม้จะฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ “คนงานหลายเนาะมื้อนี่ ยังสิให้ตามาซ่อยอยู่ติ?” (คนงานเยอะนะวันนี้ ยังจะให้ตามาช่วยอยู่เหรอ?) “ซ่อยแหล่วเนาะ บ่มีไผไถหัวมันขึ้นเป็นคือตาแม้ะ” (ช่วยสิครับ ไม่มีใครไถหัวมันขึ้นเป็นเหมือนตา) ฉลามพยักหน้าขณะที่สวมเสื้อปุ๋ยไปด้วย “เอ้า ๆ เริ่มเถาะ” (เอาล่ะ เริ่มเลย) แม้ตารงค์จะเหนื่อยจากการเดิน แต่เขาก็ยอมไปติดเครื่องรถไถสีส้มที่จอดอยู่โรงรถของเถียงนาขับออกมาจากนั้นก็เริ่มไถหัวมันสำปะหลังให้หลานชายทันที เด็กวัยรุ่นทั้งห้าคนต่างก็ช่วยกันทำงานอย่างขะมักเขม้น โชคดีที่วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มเลยทำให้ไม่ร้อนมากนัก เพียงแต่อบอ้าวอยู่ไม่น้อยแต่ก็ดีกว่าแดดร้อนจัด กำแก้วและไทเกอร์เป็นแผนกนำหัวมันสําปะหลังใส่เข่งให้กับพวกฉลามและฮันเตอร์แบกขึ้นรถอีแต๋น ส่วนฮัก หลังจากช่วยแบกมันสำปะหลังขึ้นรถจนเต็มก็ทำหน้าที่ขนมันสำปะหลังไปขายที่ลานมันของพ่อเขา เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจครอบครัวเต็มรูปแบบก็ว่าได้ “เฮง! สิมารับซื้อราคาปกติบ่ได้เด้อ บวกไปเลยหนึ่งบาท” (เฮง! จะมารับซื้อราคาปกติไม่ได้นะ บวกไปเลยหนึ่งบาท) ปู่และย่าของฮักคอยกำกับเฮงให้เพิ่มราคาให้กับหลานแบบลับ ๆ อยู่ตลอดแม้จะขาดทุนก็ตาม สำหรับฉลามพวกเขายอมได้อยู่แล้ว “พากันให้ท้ายอ้ายหลามแบบนี้ล่ะ เลาเลยสิบ่ยอมเรียนจบจักเที่ย” (ก็พากันให้ท้ายพี่ฉลามแบบนี้ พี่แกเลยจะไม่ยอมเรียนจบเสียที) ฮักเห็นบิลมันสำปะหลังที่ขายได้ก็ส่ายหน้าระอา ชาวบ้านปกติมาขายให้ ที่ลานมันของเขาจะรับซื้อแค่โลละสองบาทกว่า ๆ แต่พอเป็นของพี่ฉลามพวกปู่ย่าและพ่อต่างก็พร้อมใจกันเพิ่มเป็นสามบาทกว่า ดีจริง ๆ “อย่าว่าอ้าย” (อย่าว่าพี่) ย่าของฮักปรามหลานชายทันที ฮักก็ได้แต่ไหวไหล่ก่อนจะขับรถอีแต๋นออกไปอีกรอบ ช่วงพักเที่ยงหลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งห้าคนก็นั่งเล่นเพื่อพักผ่อน ตารงค์หลังจากไถหัวมันเสร็จก็กลับบ้านไปทำธุระต่อ ปล่อยให้หลาน ๆ ทำงานกันเอง “เหนื่อยไหมพี่ไทเกอร์?” กำแก้วเห็นสภาพลูกคุณหนูใส่เสื้อฮู้ดแบรนด์เนมมาช่วยเก็บหัวมันก็อดถามขึ้นไม่ได้ ไทเกอร์เหงื่อท่วมทั้งตัวแต่สีหน้าของเขากลับยังคงมีรอยยิ้มอยู่ มีความสุขมากด้วยซ้ำ... “No, Very nice today” (ไม่ วันนี้มันดีมาก ๆ) ไทเกอร์อยากลองทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ตอนอยู่อเมริกาเขาแอบส่องเฟซฯ ของฉลามดูแทบทุกวันและอยากใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ แบบนี้มาตลอด “เจ้านี่กะแปลกคนอีหลี” (พี่นี่ก็แปลกคนจริง ๆ) ฮันเตอร์ล่ะเพลียกับสิ่งที่ได้ยิน เอาอะไรมาไนซ์ก่อนร้อนขนาดนี้ “บักเตอร์ มึงควรซึมซับไว้เด้อน้อง ขนาดลูกคุณหนูหมื่นล้านยังมักกู้มันเลย อย่าขี้ค้านหลาย” (ไอ้เตอร์ มึงควรซึมซับไว้นะน้อง ขนาดลูกคุณหนูหมื่นล้านยังชอบเก็บมันเลย อย่าขี้เกียจให้มาก) ฉลามได้ทีก็สั่งสอนอย่างอดไม่ได้ “พอปานเจ้าหมั่นเนาะ ถ้าบ่แม่นน้าปลาส้มตัดหางปล่อยวัด จ้างกะบ่มาเฮ็ดดอก” (ยังกับพี่ขยันตายแหละ ถ้าไม่ใช่ว่าน้าปลาส้มตัดหางปล่อยวัด จ้างก็ไม่มาทำหรอก) “แสนรู้อีหลี” (แสนรู้จริง ๆ) จริงอย่างที่ไอ้เตอร์มันว่า ถ้าแม่ยังให้เงินไปเรียน จ้างไอ้หลามคนนี้ก็ไม่มาทำ “เถียงหยังกันอีกสองคนนี้” (เถียงอะไรกันอีกสองคนนี้) ฮักพึ่งเดินกลับจากไปเยี่ยวแถวต้นไม้ ได้ยินเสียงทั้งคู่เถียงกันก็ทิ้งตัวนั่งลงทันที “คือเยี่ยวไวแท้บักนี่” (เยี่ยวเร็วจังไอ้นี่) ฮันเตอร์เห็นฮักไปไวมาไวเลยเอ่ยลอย ๆ “ท่อมันใหญ่เลยออกเบิ่ดไว บ่คือมึงดอกท่อนิ้วก้อยเยี่ยวเป็นชั่วโมง” (ท่อมันใหญ่เลยหมดไว ไม่เหมือนมึงหรอกเท่านิ้วก้อยเยี่ยวเป็นชั่วโมง) “อ้าวบักนี่ มึงสิเปิดศึกติ” (อ้าวไอ้นี่ มึงจะเปิดศึกเหรอ?) “บ่ต้องเถียงกัน อ้ายใหญ่สุด ไปเยี่ยวเที่ยต้องใช้สามคนแบก” (ไม่ต้องเถียงกัน พี่ใหญ่สุด ไปเยี่ยวทีต้องใช้สามคนแบก) “เฮ้อ~” กำแก้วถึงกับกุมขมับด้วยสีหน้าเอือมระอา สามคนนี้สมแล้วที่เป็นญาติกัน ฮักกับฮันเตอร์สองคนนั้นว่าไร้สาระแล้ว มาเจอพี่ฉลามเข้าไปยิ่งเละเทะ แทนที่จะห้ามน้อง ดันไปลงเล่นด้วยอีกคน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม