บท 2
แคมป์ปิ้ง
“มองหยัง? บ่เคยเห็นคนหล่อติ?” (มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ?) ฉลามกลบเกลื่อนความคิดชั่วร้ายของตัวเองด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ
เด็กนี่ยืนจ้องเขาตาเขียวอยู่นาน จนเขาทำตัวไม่ถูก หากคนเราสามารถฆ่ากันผ่านสายตาได้ พนันได้เลยว่าเขาตายแล้วเกิดใหม่ไปหลายสิบรอบด้วยฝีมือยัยเด็กนรกนี่แน่!
“คนหยังชื่อฉลาม หน้าคือแย้หลงฮูหนิ!” (คนอะไรชื่อฉลาม หน้าเหมือนแย้หลงรู!) ไม่รู้จะจัดการพี่คนนี้ได้ด้วยวิธีไหนอีกแล้วนอกจากบูลลี่ ขออภัยที่เธอต้องเป็นเด็กไม่ดี
“แล้วชื่อกำแก้ว กำเป็นแต่แก้วบ่?” (แล้วชื่อกำแก้ว กำเป็นแต่แก้วเหรอ?) ฉลามกระตุกมุมปาก กล้าหาญบูลลี่ชื่อคนอื่น ดูชื่อตัวเอง กำแก้ว ไม่บอกก็รู้ว่าพ่อขี้เมา!
แทนที่กำแก้วจะโกรธ แต่ใบหน้าจิ้มลิ้มกลับหรี่ตาลง ริมฝีปากโค้งขึ้นหนึ่งข้างอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“บ่นะ แนวอื่นกะกำเป็น” (ไม่นะ อย่างอื่นก็กำเป็น) กล่าวจบก็เดินไปประชิดคนตัวสูงก่อนจะออกแรงที่มือบีบบางอย่างที่กำลังซุกซ่อนอยู่ใต้กางเกงยีน
หมับ!!
เสร็จภารกิจ กำแก้วก็วิ่งปรู๊ดด้วยความเร็ว ปล่อยให้คนบางคนยืนเหม่อลอยไม่ได้สติ เมื่อครู่เขานึกถึงแต่สัมผัสแผ่วเบาบางอย่างที่จุดอ่อนไหว
“เฮ้ยยยยย! ล่อกำหำอ้ายติ เด็กนรก!” (เฮ้ยยยยยย! หลอกกำหำพี่เหรอ ยัยเด็กนรก!) ใบหน้าหล่อเหลาแดงแป๊ดขึ้นสีไปทั้งหน้า ชาตินี้ฉลามไม่คิดว่าจะได้พบเจอผู้หญิงใจกล้าหน้าด้านแบบกำแก้ว
“ตกใจหยัง คลำหายังบ่พ้ออยู่ ทีหลังแปลงเพศมาแล้วกะบอก เสียเวลา” (ตกใจอะไร คลำหายังไม่เจอเลย ทีหลังแปลงเพศมาแล้วก็บอก เสียเวลา) กำแก้วเอ่ยขณะยกรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าตั้งแต่รุ่นพ่อยังเป็นหนุ่มขึ้นก่อนจะสตาร์ทแล้วขับออกไป
จะรอทำพระแสงอะไรล่ะ?
ขืนอยู่ต่อ ไอ้พี่ฉลามจับเธอโยนลงน้ำอีกแน่!
“แปลงเพศ?” แปลงเพศแปลว่าไม่มีแล้ว...
ฉลามพึมพำขณะก้มมองลูกรักของตัวเองที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงใน ถึงแม้ผ้าของกางเกงยีนจะหนา แต่เด็กนั่นบอกหาไม่เจอเลย ยัยเด็กเลี้ยงแกะ! มันนูนสู้มือขึ้นมาขนาดนี้ยังว่าหาไม่เจออีก!
“นรกสาขาสองเอ๊ย!”
เจอคราวหน้าจะให้จับมันตอนตื่นตัวเลย คอยดูเถอะ!
ทางด้านกำแก้วขับมอเตอร์ไซค์หนีฉลามด้วยความหงุดหงิด มันต้องมีสักวันแหละที่เธอจะจัดการไอ้พี่คนนี้ได้อยู่หมัด ไม่รู้เวรกรรมอะไรที่ทำให้ต้องเกิดมาร่วมโลกกัน ทั้งที่เธอพยายามอยู่ห่าง ๆ เขาแทบตาย แต่พอไปเรียนน้าปลาส้มยังไหว้วานให้เธอช่วยจับตาดูไอ้พี่คนนี้อีก
สภาพก็ได้แค่จับตาดู!
สำหรับพี่ฉลาม มีใครบ้างที่จะบังคับเขาได้ ก็คิดดูว่าเรียนยังไงจนกระทั่งปีแปดยังไม่ยอมจบ ไม่ใช่เรียนไม่เก่งนะ เธอไปสืบมาแล้วเกรด A ทุกตัวยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษที่ได้มาสุดคือเกรด B ฟันธงได้เลยว่าพี่แกคงกะจะเรียนเอาเต็มขีดจำกัดที่มหาวิทยาลัยขีดเส้นไว้ให้ตั้งแต่แรก
แค่คิดก็ปวดหัวจะแย่!
หากได้คนแบบนี้เป็นลูก เธอเย็บมดลูกไว้เลยยังจะดีกว่า
ทางด้านฉลามเมื่อมาถึงบ้านอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยจะออกไปหาอะไรกินนอกบ้าน ก็ดันเจอเข้ากับเด็กนรกสาขาแรกเสียอย่างนั้น
ร่างกายบอบบางในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวสะอาดตา กางเกงวอร์มขายาวสีดำ บนหัวมีหมวกฟาง ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
“ปลานิล” น้องสาวคนเดียวของฉลามนั่นเอง ดูจากตะกร้าในมือคงพึ่งจะตากผ้าเสร็จ ดวงตากลมโตถอดแบบมาจากแม่เป๊ะ ๆ มองฉลามด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
ให้ตายสิ! มีใครบ้างที่จะไม่เบื่อพี่ชายไร้สาระแบบนี้
“อีหยัง?” (อะไร?)
“ขอตังค์แหน่ไปซื้อมาม่า” (ขอตังค์หน่อยไปซื้อมาม่า) ฉลามลูบท้องด้วยความหิวโหย วันนี้แม่ไม่ทำกับข้าวอะไรสักอย่างทิ้งไว้ให้ ส่วนเขาก็ลืมเอาเงินมาจากมหา’ลัย ปกติเขาเป็นพวกอนุรักษนิยม มักจะไม่ใช้แอปฯของธนาคาร เน้นใช้เงินสดและกดจากบัตรเอทีเอ็ม
ปลานิลมองหน้าพี่ชายก็ถอนหายใจอีกรอบ ก่อนจะคลำหาเศษเหรียญในกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้เพราะมีเพียงเหรียญเดียว
“...” ฉลามมองเหรียญห้าบาทในมือด้วยสีหน้าสิ้นหวัง “มึงบ่รู้บ่ว่าเขาขึ้นราคาแล้ว” (มึงไม่รู้เหรอว่าเขาขึ้นราคาแล้ว)
“บ่มีแล้ว งั้นกะไปซื้ออยู่ร้านแม่เฒ่าน้าเฮง จั่งเซ็นได้” (ไม่มีแล้ว งั้นก็ไปซื้อที่ร้านแม่ยายน้าเฮงค่อยเซ็นได้) ปลานิลเสนอทางเลือกให้กับฉลามเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะสามารถเอาตัวรอดได้ตอนนี้ ทว่าพี่ชายของเธอกลับเอ่ยด้วยท่าทีขี้เกียจเสียเต็มประดา...
“เปลืองน้ำมัน”
“ปั่นจักรยาน”
“ปวดขา”
“ตายซะ!”
“เปลืองถ่าน”
ปลานิลหมดความอดทนวางตะกร้าผ้าลงที่พื้น เท้าเอวรัวคำด่าออกมายาวเหยียด
“จั่งแม่นยากเนาะ เกิดมาฮกโลกอีหลี ตายไปสิเอาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้บ่ ต้นไม้สิบ่ตายซะรึ บ่มีประโยชน์แฮง!” (มันยากเย็นอะไรขนาดนั้น เกิดมารกโลกจริง ๆ ตายไปจะเอาเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ได้ไหม ต้นไม้จะไม่ตายเลยเหรอ ไม่มีประโยชน์อย่างแรง!)
ฉลามถึงกับต้องรีบยัดเงินห้าบาทใส่มือของปลานิล คืนให้น้องไปทันที “เอา 5 บาท มึงคืนไปเสีย อ้ายไปกินบุฟเฟ่ต์วัดกะได้ดอก” (เอา 5 บาทมึงคืนไปเสีย พี่ไปกินบุฟเฟ่ต์วัดเอาก็ได้)
“ให้หลวงพ่อเอาให้หมากินเถาะ ให้อ้ายกินเสียดายข้าว” (ให้หลวงพ่อเอาให้หมากินเถอะ ให้พี่กินเสียดายข้าว) สิ้นเสียงก็หยิบตะกร้าผ้ากระแทกเท้าเข้าบ้านไป
“นั่นแม่หรือน้องกูวะ” ฉลามเกาหัวแกรก ๆ เด็กนรกสาขาแรกน่ากลัวจริง
ยังไม่ทันจะเดินออกไปหน้าบ้านก็เจอเข้ากับไทเกอร์ที่กำลังโบกมืออยู่รั้วด้านข้าง ซึ่งบ้านของพวกเขาอยู่ติดกัน บริเวณที่มีที่ดินติดกัน แม่ของพวกเขาเลือกจะปลูกต้นมะขามทำเป็นรั้วแทนรั้วปูน
“ว่าได๋เพื่อน?” (ว่าไงเพื่อน?)
“ไออยากไปแคมป์ปิ้ง มีที่แคมป์ปิ้งแถวนี้บ้างไหม” ไทเกอร์เอ่ยถามด้วยสีหน้าใสซื่อ ในตอนนั้นฉลามยกยิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้า แววตาคมกริบฉาบเคลือบไปด้วยความเจ้าเล่ห์
“มีสิ”