ลายไทย

1858 คำ
​ Love's so hot รักรสเผ็ดร้อน บทที่ 9 ในห้องอาหารคลาสพรีเมี่ยมที่ถูกเหมาจองโดยลูกค้าระดับวีไอพี มีเพียงหญิงสาวในชุดเดรสสีครีมที่นั่งหน้าหงิกหน้างอรอคนนัดมานานกว่าชั่วโมง เสียงดนตรีบรรเลงเพลงคลาสสิคดังแว่วมาจากลำโพงในห้องอาหาร ดอกไม้ที่ถูกสั่งจัดพิเศษเป็นดอกบัวหลวงสีขาวและสีชมพู ตากลมโตลอบมองนาฬิกาที่ข้อมืออยู่หลายครั้งด้วยท่าทางกระวนกระวาย เธออยากจะหนีกลับใจแทบขาดแล้ว แต่ติดที่ว่าต้องมาเสนอโครงการของลูกพี่ลูกน้องที่จ้องจะใช้เธอเป็นสะพานกอบโกยโอกาสจากเฉินหมิงจิน "ไม่รอแล้ว นี่เกินเวลานานแล้วนะรส!!" เสียงใสปนหงุดหงิดของร่างบางในห้องอาหารดังขึ้นพร้อมกับเจ้าตัวที่ลุกจากเก้าอี้แล้วหันไปหยิบกระเป๋าถือเตรียมจะก้าวออกจากประตู เธอรอเขาผิดเวลามาสองรอบแล้วอุส่าห์โทรไปเตือนแล้วให้เวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง แต่เขาก็ยังไม่รักษาเวลา "ใจเย็นสิครับ ต้องขอโทษจริงๆ ที่สาย" แต่ไม่ทันได้ก้าวเท้าแม้แต่ก้าวเดียวอกกว้างของเฉินหมิงก็มาขวางทางเดินเสียก่อน "คุณเป็นนักธุรกิจยังไง ทำไมไม่รักษาเวลาเลย" "พอดีผมจัดเวลาพลาดไปนิดหน่อย ขอให้รับไอ้นี่ไว้แทนคำขอโทษนะครับ" เขายื่นช่อดอกไม้ที่เพิ่งรับจากลูกน้องที่เดินตามมายื่นให้กับสาวสวยตรงหน้า แต่หล่อนดูจะไม่ประทับใจนัก "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงบ้าวัตถุหรอกนะ" "คุณไม่ชอบของมีค่า ผมก็สั่งช่อดอกบัวราคาประหยัดแบบที่คุณชอบมานี่ไง" สวรสแอบมองดูดอกไม้บนช่อในมือของเฉินหมิง เห็นเป็นดอกบัวจริงอย่างเขาว่าเพียงแต่มีดอกไม้อื่นๆ แซมมาด้วย ทำให้ดูช่อใหญ่โต "รีบคุยเถอะ ฉันมีงานต้องไปสรุป" สวรสพูดน้ำน้ำเสียงกระแทกกระทั้น แต่เฉินหมิงกลับไม่มีท่าทีจะสนใจไอ้โครงการนั่นสักนิด ทำเปลี่ยนเรื่องชวนกินข้าวแล้วพูดเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อย "คุณมีแพลนอยากจะไปเที่ยวต่างประเทศบ้างรึป่าว" "ฉันไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกนะคะ แค่เวลางานของฉันก็จองเต็มทุกวันทั้งอาทิตย์แล้ว หลังเลิกงานยังต้องมากินข้าว เสนอโครงการใหม่ให้กับคุณอีก" คนขี้ประชดว่าก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม "คุณนักจิตวิทยาใจดีหายไปแล้วจริงๆ" เฉินหมิงแกล้งว่า ทำให้คนตรงหน้าหันมาค้อนเขาก่อนจะหันไปคว้ามีดขึ้นมาลงมือ หั่นสเต็กเนื้อชั้นดีที่สั่งมาพิเศษในคืนนี้ "หั่นแบบนั้นก็เละหมดสิคุณ มาผมหั่นให้" "เละก็เละสิ เดี๋ยวก็ต้องเคี้ยว จะทำให้ยุ่งยากทำไม" "ไม่ได้ เนื้อชนิดนี้ถ้าเละแล้วจะไม่อร่อย เอามาผมหั่นให้" มือหนาพยายามยื้อแย่งจานเสต็กของสวรส จนในที่สุดก็ยกมาได้ "กินยากกินเย็นแบบนี้แหละของแพง ฉันถึงไม่อยากจะกิน อิ่มก็ไม่อิ่ม" "มันไม่ได้ยากเลย คุณแค่ต้องใจเย็น และทำให้ถูกวิธี นี่ไงแค่นี้เอง" เฉินหมิงยกจานสเต็กคืนให้กับคนตรงหน้าในสภาพพร้อมทาน "กินสิอร่อยนะ" "ขอบคุณค่ะ" สวรสมองดูเนื้อวัวในจานที่ถูกหั่นเรียบร้อยก่อนจะยกส้อมขึ้นมาจิ้มเนื้อใส่ปากชิมดูหนึ่งชิ้น ดวงตากลมโตหรี่ลงเมื่อลิ้นได้รับรสสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่าซอสที่ราดมาบนเนื้อหรือซอสที่ใช้หมักกันแน่ ถึงทำให้มันอร่อยขนาดนี้ "อร่อยมั้ย" "อื้ม ค่ะ อร่อยดี" เฉินหมิงยิ้มรับคำตอบอย่างพอใจ "ถ้าคุณไม่ชอบของแพงนานๆ กินสักครั้งก็ไม่เป็นไรหรอก" "ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ลิ้นฉันได้รับรสอาหารราคาแพง" การพูดล้อเล่นของสวรสทำให้คนฟังเผลอจินตนาการถึงการถูกลิ้นน้อยๆ ไล้เลียบนเรือนร่างของตัวเองจนเผลอแสดงอาการออกมา "คุณ!! คุณเป็นอะไร" เฉินหมิงสะดุ้งหลุดจากจินตนาการของตัวเองเอได้ยินเสียงเรียกด้วยความตกใจของสวรส "ป่าว ผมเบลอๆ นิดหน่อยวันนี้ทำงานค่อนข้างหนัก" "งั้นรีบกินกันเถอะจะได้รีบกลับ" "ไม่เป็นไร ผมมีเรื่องอยากถามคุณเยอะเลย" "อื้อ ถามมาสิ" สวรสว่าพร้อมกับตักอาหารเข้าปาก "คุณเคยมีแฟนหรือเปล่า" คำถามที่ดูธรรมดาแต่แฝงไปด้วยเจตนาอยากรู้ที่ไม่ธรรมดาของคนถาม "ห้ะ!! ไม่ละลาบละล้วงไปหน่อยหรือไง" สวรสโวยทันที "ผมถามตรงๆ เพราะอยากรู้ ก็ผมกำลังจีบคุณอยู่" คำพูดของเฉินหมิงพาให้นักจิตวิทยาสาวเขินอายเล็กน้อย ความจริงตลอดชีวิตของสวรสนั้น มีผู้ชายมากมายที่เข้ามาเกี้ยวมาจีบ แต่เธอไม่เคยแม้แต่จะปลายตามอง เพราะคนที่เข้ามาล้วนแต่เป็นพวกผู้ชายประเภทที่เธอไม่ชอบทั้งสิ้น "ไม่มีนะ ฉันว่าอยู่แบบนี้ก็สบายใจดี" "แสดงว่าตอนนี้ก็ยังไม่มี" สวรสถอนหายใจเล็กๆ เมื่อรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกหลอกถาม "ใช่ ยังไม่เจอคนที่ใช่ ฉันจะ 30 แล้วนะมีแฟนก็อยากคบยาวๆ ไปเลย" "คุณชอบผู้ชายแบบไหน" "ก็ เรียบง่าย ใช้ชีวิตปกติ เข้าใจฉัน ดูแลฉันได้ ให้เกียรติฉัน และรักครอบครัวฉัน" "ก็ไม่ได้หายากนี่" "แค่เรียบง่ายก็ยากแล้วคุณ ผู้ชายบางคนเงินเดือนแค่หมื่นห้าแต่ทะเยอทะยานไปผ่อนรถคันละเกือบล้าน ไหนจะบ้าน ไหนจะจิปาถะอื่นๆ อีก ฉันไม่อยากแต่งงานไปช่วยคนแบบนี้ใช้หนี้หรอกนะ" "ผมนั่งรถคันละหลายสิบล้าน แต่ผมก็ซื้อสดนะ แล้วคุณก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้แต่งงานมาช่วยผมใช้หนี้ด้วย" "ฉันไม่ชอบคนอวดรวย" "ผมไม่ได้อวด ผมรวย และมันก็เป็นเงินที่ผมหาเองจริงอยู่ที่พ่อแม่สร้างทุกอย่างไว้ แต่ท่านสร้างที่จีนผมเอาเงินที่หาเองมาสานต่อที่ไทย มาเริ่มจากศูนย์" "แต่คุณก็ไม่ได้ใช้ชีวิตปกติอยู่ดี" "ชีวิตผมมันไม่ปกติยังไง" "คนธรรมดาที่ไหนเค้าเหมาร้านอาหารกินข้าวแบบนี้ล่ะ" "ปกติผมก็ไม่ได้เหมานะ แค่มื้อนี้มันพิเศษที่มีคุณ" "ฉันไม่เถียงกับคุณแล้ว เถียงคุณก็แถไปเรื่อย" พูดจบสวรสก็ตั้งหน้าตั้งตากิน พออิ่มกันแล้วก็พากันกลับจนลืมโครงการที่รัดดาฝากให้เอามาเสนอให้เฉินหมิงไปจนสนิท --------------------------------------- "ขอบคุณนะคะ" เฉินหมิงลงทุนขับรถมาส่งสวรสด้วยตัวเองถึงที่บ้าน ทั้งที่ปกติแล้วเขาแทบจะไม่ขับรถเลย "ด้วยความยินดีครับ" "ขับรถกลับดีดีนะคะ" เฉินหมิงได้แต่พยักหน้ารับ แต่ไม่กลับขึ้นรถสักที ส่วนเจ้าของบ้านก็ยืนรอคนมาส่งให้ออกไปก่อนถึงจะเข้าบ้าน "คุณเข้าบ้านสิ ผมจะได้สบายใจว่าส่งคุณปลอดภัยแล้ว" "คุณก็กลับไปสิ ฉันรอส่งคุณกลับ" "คุณเข้าบ้านไปเถอะ ผมมาส่งคุณนะ" สวรสรู้ดีว่าการเถียงกับเฉินหมิงโอกาสจะชนะมันน้อยเลยยอมเดินกลับเข้าบ้านแต่โดยดี เมื่อร่างบางเดินเข้าไปในรั้วบ้านพร้อมกับปิดประตูแล้วเฉินหมิงก็กลับขึ้นรถแล้วขับกลับบ้านทันทีเช่นกัน "ยิ้มหน้าบานเลยนะ" ร่างบางที่ยืนชะเง้อมองรถเก่งหรูแล่นออกไปสะดุ้งตกใจกับเสียงของแขกประจำอย่างลายไทย เมื่อหันมาดูก็พบว่าเขากำลังยืนหน้าบึ้งไม่พอใจอยู่ "อ่อ มากินข้าวล่ะสิ ฉันไปกินข้างนอกมาแล้ว แต่เดี๋ยวจะทำกับข้าวให้นะ" "ไม่ต้องผมกินมาแล้ว" "งั้น...แล้วโมโหอะไร" "ใครโมโห" "ก็คุณไง ดูทำหน้าเข้าสิ" สวรสว่าพร้อมกับยกนิ้วชี้ไปที่หน้าของลายไทย "ผมเป็นห่วงคุณแทบแย่ติดต่อก็ไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าคุณไปดินเนอร์สบายใจอยู่กับฆาตรกร" "นี่ ฉันตั้งใจไปคุยงานเถอะ" "คุยงาน ไอ้ช่อดอกไม้เนี่ยหรืองาน" "เค้าให้ฉันแทนคำขอโทษที่มาสาย" "หึ ก็อย่างนี้แหละนะผู้หญิง ได้ของก็ลืมไปหมดว่าเค้าทำผิด" "นี่แขวะฉันเหรอ" "พูดตามเนื้อผ้า คุณอย่าลืมนะรสว่าไอ้เฉินหมิงมันเป็นโรคจิต ที่มันทำดีกับคุณ มันอาจจะแค่หลอกให้คุณตายใจแล้วฆ่าคุณเมื่อไหร่ก็ได้" "ลายไทย ฉันพูดตามตรงนะ ฉันว่าเค้าปกติขึ้นมากจากที่เคยบำบัดเขาฉันว่า..." "ฆาตกรก็คือฆาตกร มันอาจจะดีแค่ต่อหน้าคุณก็ได้ แล้วคุณไปไหนกับมันก็ต้องบอกผมทุกครั้ง เบอร์ผมก็มีโทรมาสักแป๊บจะเป็นอะไร ผมเป็นห่วงคุณมากแค่ไหนรู้บ้างหรือป่าว" น้ำเสียงและแววตาของลายไทย ทำให้คนฟังนิ่งอึ้งไปสักพัก ตามหลักจิตวิทยาแล้วสิ่งที่ฉายมาจากดวงตาคู่นั้นมันจริงใจมาก มันคือความจริง ความรู้สึกของเขาจากใจจริงๆ "ฉันขอโทษนะ ต่อไปฉันจะบอกคุณ" "ผมแค่เป็นห่วง ถ้าเกิดมันทำอะไรคุณขึ้นมา ผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต" "มากไปมั้ง" "ก็ผมเป็นคนขอให้คุณช่วย" ได้ยินแบบนี้สวรสก็ค่อยกระจ่างว่าคนตรงหน้าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยมากไปกว่าเพื่อนร่วมงานกัน "อืม งั้นฉันขอตัวนะ คุณก็กินข้าวมาแล้วนี่ ออกไปก็ปิดประตูให้ด้วยล่ะ" "เดี๋ยว อะ" ลายไทยหันไปหยิบดอกกุหลาบบนโต๊ะม้าหินมายื่นให้กับสวรส "อะไร" "ดอกไม้ไง มันอาจจะไม่ได้ใหญ่เท่าช่อที่คุณได้มา แต่ผมซื้อมาจากเด็กแถวสลัมไม่รู้จะเอาไปไหนเลยให้คุณ คิดว่าผู้หญิงก็น่าจะชอบดอกไม้" "ขอบคุณนะ มันไม่เกี่ยวว่าดอกเล็กหรือดอกใหญ่หรอก มันอยู่ที่ความตั้งใจมากกว่า" หลังจากนั้นทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป สวรสจัดการอาบน้ำแต่งตัวโทรหาพี่สาวก็ได้ความว่าไปค้างบ้านเพื่อน เลยกลับมาเคลียร์งานที่ห้องทำงาน ทำงานไปตาก็มองดอกกุหลาบสีแดงในแจกันไปเป็นระยะ ดอกไม้หนึ่งดอกที่ห่อด้วยกระดาษใสมีลายตกแต่งราคาน่าจะ 50 บาทแต่มันมีความพิเศษจากน้ำใจของคนซื้อ ผิดกับดอกไม้ช่อใหญ่ที่ต่อให้แพงแสนแพง แต่คนซื้อใช้เศษเงินซื้อมันมาเพื่อขอโทษปกปิดสิ่งที่ตัวเองทำผิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม