“สินค้าน่าสนใจ แต่ยังไงก็ต้องตรวจสอบคุณภาพก่อน ให้คนสืบประวัติมาให้ด้วย”
“ครับเสี่ย”
ปรินทรปิดโทรศัพท์แล้วมองหญิงสาวที่นั่งเล่นกับลูกหมา เขาหรี่ตามองเธอ มีความคิดมากมายและสับสนเกินไป เธอเป็นแฟนของนิพัฒน์จริงรึ? แน่นอนว่าเขาเคยเจอผู้หญิงสาวกว่าพิชญนรีมาเยอะ และหลายครั้งที่เคยเห็นผู้ชายขายเมียตัวเองใช้แทนหนี้ในบ่อน หรือแม้กระทั่งตัวผู้หญิงเองที่ยอมขายตัวเองเพื่อมีเงินไปแก้มือ
ตลอดชีวิตที่เป็นลูกพ่อกำนันทรงชัยนั้น เขาเจอคนมากมายนัก มาดีมาร้าย เขาล้วน “ดูออก” ทั้งสิ้น
ผิดกับครั้งนี้ที่เขาลังเลที่จะฟันธงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแบบไหน? แต่ที่แน่ๆ เธอดึงดูดความสนใจของเขามากเหลือเกิน
ประตูกระจกเปิดออกแล้วร่างสูงก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาหยุดยืนมองดูหญิงสาวแล้วหยิบนามบัตรของตัวเอง เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่
“ผมจะวางเงินมัดจำไว้ก่อน ที่เหลือถ้าไม่พออย่างไรให้ติดต่อตามนี้นะครับ” เขาพูดแล้วส่งนามบัตรให้
“ผมมีธุระด่วนเข้ามากระทันหัน ส่วนแม่หมากับลูกหมาพวกนี้ ผมจะให้คนมารับ” เขาดูเวลาแล้วพูดต่อ “ตอนนี้เขาออกมาแล้ว ไม่กี่นาทีคงมาถึง”
“ค่ะ ขอบคุณคุณปรินทรมากค่ะ ถ้าไม่ได้คุณช่วย พั้นซ์ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเหมือนกัน”
ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้ารับรู้ แล้วเดินออกไปอย่างง่ายดาย เหมือนไม่ได้สนใจอยากคุยอะไรกับเธอนัก พิชญ์นรีได้แต่ยิ้มและมองตามร่างสูงออกไป เธอเองก็ทำงานด้านต้อนรับ เจอผู้คนมากมายหลายประเภท แต่กับเขาก็ยากจะคาดเดาได้ว่าอะไรอยู่
ไม่นานอย่างที่ชายหนุ่มพูดไว้จริงๆ ชายวัยกลางคนในชุดรปภ.สีฟ้าเข้มก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ทราบว่าหมาตัวไหนที่คุณปรินทรให้ผมมารับครับ”
“อ้อ!!สองตัวนี้และอีกตัวที่หมอกำลังรักษาค่ะ”
“ครับๆ” ชายคนนั้นยิ้มแล้วเดินไปหยิบตะกร้ามาราวกับเตรียมพร้อมมาแล้ว “มานี้ๆไปอยู่บ้านใหม่ด้วยกัน”
“คุณน้าจะเอาไปอยู่ที่ไหนเหรอคะ” พิชญนรีอดถามไม่ได้
“ที่บ้านน้าเอง คุณปรินทรชอบไปเก็บหมามาให้น้าเลี้ยงอยู่เรื่อย” เขาพูดยิ้มๆ
“ตอนนี้มีกี่ตัวแล้วละคะ”
“ไม่เยอะหรอกครับ ก็สิบกว่าตัว ส่วนใหญ่มีแต่พวกหมาเจ็บ ไม่มีใครอยากเอาไปเลี้ยง แต่เจ้าพวกนี้คงเขากับเพื่อนใหม่ได้ไม่ยาก”
“บ้านน้าอยู่แถวไหนคะ หนูขอไปส่งเจ้าสามตัวนี่ได้ไหม เผื่อวันไหนว่างๆ หนูแวะไปดูเจ้าตัวเล็กพวกนี้บ้าง หนูก็อยากเลี้ยงค่ะ แต่อยู่คอนโดไม่สะดวกจะเลี้ยง”
“ได้ครับคุณหนู เจ้านายให้ผมเอารถมาใช้ เดี๋ยวยังไงไปพร้อมกันก็ได้ครับ”
“ค่ะ ขอบคุณน้ามากๆนะคะ”
“โอ๊ย! ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ขอบคุณเจ้านายผมเถอะ เช่าบ้านให้ผมอยู่กับลูกเมียแถมยังให้เงินค่าจ้างเลี้ยงหมาพวกนี้อีก”
“ดีจัง”
มีคนแบบนี้ด้วยเหรอ? พิชญ์นรีอดแปลกใจกับผู้ชายที่เพิ่งพบหน้ากันครั้งแรกไม่ได้ เขาดูเป็นคนดีจริงๆด้วย หญิงสาวยิ้มอย่างอารมณ์ดี และเป็นจังหวะที่คุณหมอออกมาพร้อมรายงานการรักษาหมาแม่ลูกอ่อนแล้ว
“เรียบร้อยแล้วนะคะ ต้องยังพันผ้าไว้ไม่ให้เขาเคลื่อนไหวมากเกินไป และหมอนัดมาดูอาการอีกหนึ่งสัปดาห์ มียาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบด้วย กินให้หมดครบตามที่หมอสั่งนะคะ"
"ขอบคุณค่ะคุณหมอ" หญิงสาวยกมือไหว้ และเดินไปที่เคาน์เตอร์ อ้าปากจะถามเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดแต่เจ้าหน้าที่ยิ้มหวานและให้คำตอบที่เธอยิ่งประหลาดใจ
“คุณปรินทรจ่ายให้หมดแล้วค่ะ”
“เอ๋?”
“ปกติคุณปรินทร์ส่งหมาจรมารับการรักษาที่โรงพยาบาลของเราเป็นประจำอยู่แล้วค่ะ”
“ค่ะ”
เธอได้แต่ยิ้มอย่างงุนงงแล้วช่วยคุณน้ารปภ. อุ้มหมาขึ้นรถเก๋งญี่ปุ่น ซึ่ง...เชื่อว่าไม่ใช่รถขอคุณน้าแน่ๆ มีคนแบบนี้จริงๆ ด้วย? แล้วคำตอบก็อยู่เบื้องหน้า บ้านสองชั้นดูเก่าแต่สภาพยังดีอยู่ บริเวณบ้านมีโรงรถแต่ถูกดัดแปลงให้เป็นที่อยู่ของหมาบาดเจ็บ หมาพิการ เธอพาเจ้าลูกหมาลงจากรถแล้วเดินไปดูหมาตัวอื่น
“ครับ อ้อ ผมชื่อสมชายนะครับ เรียกน้าชายก็ได้”
“ค่ะ น้าชาย คราวหน้าพั้นซ์ขอมาเยี่ยมอีกนะคะ” เธอย้ำเขาอีกครั้ง
“คุณปรินทรนี่ใจดีจริงๆเลยนะคะ”
“ครับ”
สมชายไม่ได้พูดหรอกว่า เจ้านายของเขาจะใจดีเฉพาะกับสัตว์สี่เท้าอย่างเจ้าพวกนี้เท่านั้น กับคนนะเหรอ โหดเสียจนไม่มีคำบรรยายเลยทีเดียว ที่เขามีที่ซุกหัวนอนก็เพราะคุณปรินทรช่วยไว้แท้ๆ
แต่ที่น่าแปลกใจคือผู้หญิงคนนี้ดูจะไม่ค่อยสนใจเจ้านายของเขานัก หรือว่ารู้อยู่แล้วและทำเป็นไม่พูดถึงก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ อย่าเพิ่งเชื่ออะไรที่ตาเห็นจะดีที่สุด
............
แม้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว งานที่โรงแรมก็มีอะไรให้ยุ่งได้ตลอดทั้งปี ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะนั้นหมายถึงพนักงานทุกคนจะไม่ต้องหวาดหวั่นกับการถูกปลดจากงาน บางวันก็มีงานจัดเลี้ยงงานแต่งงาน งานมงคลต่างๆ ห้องประชุม ห้องสัมนา และบ้างครั้งก็มีทีมงานจากนิตยสารมาถ่ายแบบ หรือมาถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ
“นี่ๆ ยัยพั้นซ์ ได้ยินว่าวันนี้พี่เบสท์มาถ่ายเอ็มวีที่สระว่ายน้ำโรงแรมเราเหรอ” ปาจรีย์ถามพัชญนรีน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่เบสท์?”
คนถูกถามเพียงหันไปมองตารางงานแล้วก็พยักหน้า วันนี้มีคนเหมาใช้สระน้ำของโรงแรมถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ แต่เธอจำชื่อศิลปินไม่ได้เพราะในตารางไม่ลงชื่อศิลปิน แต่ลงไว้ว่าบริษัทไหนจะเข้ามาใช้งงาน
“โธ่! พี่เบสท์ไง นักร้องไทยหน้าตาเกาหลีๆ นะ หล่อสไตล์โอปป้าเลยนะ” ปาจรีย์ทำหน้าเคลิ้ม แต่พิชญนรีกลับหัวเราะออกมา
“พั้นซ์ไม่ค่อยติดตามดารานักร้องเลยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”
“ถ้างั้นช่วงพักปลาขอแอบไปส่งผู้ชาย เอ๊ย ไปดูพี่เบสท์หน่อยนะ”
“ไปซิ อย่าให้หัวหน้ารู้ก็แล้วกัน”
“จ๊ะ ขอบใจมาก”
หญิงสาวยิ้มให้เพื่อนและทำงานของตัวเองต่อ เหมือนไม่นานเท่าไหร่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาทางประหลักของโรงแรม พิชญ์นรีเงยหน้าแล้วส่งยิ้มต้อนรับ
“พี่เบสท์มาแล้ว” ปาจรีย์เก็บอาการตื่นเต้นดีใจ
ชายหนุ่มสวมแว่นกันแดดสีชาเดินเข้ามาพร้อมทีมงานคนอื่นๆ แรกทีเดียวเขามองตรงเคาน์เตอร์แบบผ่านๆ และหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนก้าวเดินตรงมาทางพนักงานสาวทั้งสอง หากไม่มีเคาน์เตอร์บังอยู่ คงได้เห็นปาจรีย์ตื่นเต้นขนาดจับมือพิชญนรีไว้ข้างหนึ่ง
“เค้าเดินตรงมาทางนี้แล้ว”
“อืม”
รับคำเพื่อนได้แค่นั้น ชายหนุ่มรูปร่างบอบบางผิวค่อนข้างขาว ริมฝีปากแดงคลี่ยิ้ม มือข้างขวายกขึ้นถอดแว่นกันแดดออกแล้วเลื่อนให้มันคาดทับเส้นผมของเขา เสื้อยืดแขนสั้นทำให้เห็นรอยสักลายกราฟฟิกที่ท่อนแขน
“น้ำพั้นซ์”
“คะ?”
เจ้าของชื่อทำตาปริบๆ แต่ใบหน้ายังยิ้มค้าง นักร้องหนุ่มยื่นมือมาวางตรงเคาน์เตอร์แล้วชะโง้กหน้าเข้าไปใกล้ เขาจ้องมองเธอไม่กระพริบตา แต่อีกฝ่ายได้แต่ยืนนิ่งเป็นหุ่น ด้วยไม่รู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้รู้จักชื่อเล่นของเธอ
“ใช่พั้นซ์จริงๆ” เขาชี้ไปที่อกเสื้อซึ่งมีป้ายชื่อของเธออยู่ “พิชญนรี นักศึกษาเกียรตินิยมอันดับสอง”
“เอ่อ... ขอโทษนะคะ คือ..”
“นึกแล้วว่าต้องจำไม่ได้ ก็พี่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพั้นซ์เลยนี่นะ” ชายหนุ่มหัวเราะ แล้วหันไปโบกมือส่งสัญญาณให้เพื่อนๆ ล่วงหน้าไปก่อน
“พี่เบสท์ไงครับ พี่เป็นเพื่อนพี่โจ้ที่เป็นพี่รหัสของพั้นซ์ไง”