“คุณไม่ตกลงไม่ได้นะคะ! ฉัน...ฉันขอร้อง ฉันยอมทุกอย่างเพื่อ...เพื่อให้ได้แต่งงานกับคุณ แล้วแต่คุณจะยื่นข้อเสนอมา”
วันนี้อัญชนาตั้งใจไว้แล้วว่า ยังไงก็ตามเธอจะต้องเจรจาให้สำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ ไม่ว่าจะยังไงเธอจะต้องช่วยพ่อกับแม่ของเธอกู้ฐานะของร้านเคเคไดมอนด์มาให้ได้
เหนือสิ่งอื่นใด พ่อกับแม่ของเธอกำลังป่วยจริงๆ เธอทนไม่ได้หรอก ถ้าจะต้องเห็นอาการของท่านทั้งสองทรุดลงไปต่อหน้าต่อตา ทั้งๆ ที่เธอมีโอกาสที่จะสามารถช่วยท่านทั้งสองได้
ดังนั้นผู้หญิงที่เคยหยิ่งผยองจึงดูอ่อนลงอย่างน่าแปลกใจในสายตาของชายหนุ่ม กฤตภพก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าอัญชนาจะเปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้ แต่มันก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น เขายังต้องทำความรู้จักกับหล่อนอีกมาก
“แน่ใจนะว่าจะยอมทำทุกอย่างที่ผมเสนอ”
ร่างสูงใหญ่ลุกยืนขึ้นเดินเข้ามาคร่อมร่างเล็กเอาไว้ในกรงแขนแข็งแรง เขาค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาใกล้ซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว แล้วสูดเอาความหอมจากลำคอขาวผ่องเข้าไปจนชุ่มปอด ร่างเล็กเบี่ยงกายหนี แต่เขาก็ยังดักหล่อนอีกทางจนได้
“นี่คุณ! กรุณาให้เกียรติฉันด้วย ตอนนี้ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณนะ ดังนั้นคุณจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ!” หล่อนแหวใส่เสียงห้วนจัด
ใบหน้าของหล่อนแดงก่ำเพราะความโกรธที่กำลังคุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขายังไม่ยอมหยุดรุกรานเธอด้วยเสน่หาอันร้ายกาจของเขา จนหล่อนหายใจแทบไม่ทั่วท้อง
“ไหนว่าคุณจะยอมทุกอย่างไง แค่นี้ก็ไม่ได้เหรอ”
“ฉันหมายถึงว่า ฉันจะยอมคุณทุกอย่างหลังจากที่ผ่านพิธีแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับคุณแล้วต่างหากล่ะ”
“ข้อแม้เยอะจังเลยนะ ไม่ขอมากไปหน่อยเหรอคุณ”
ร่างหนาตั้งท่าจะโน้มตัวลงมาใกล้เธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้อัญชนาทนให้เขาเอาเปรียบเธอต่อไปไม่ไหวแล้ว หล่อนจึงลุกขึ้นมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ทั้งๆ ที่พวงแก้มของหล่อนแดงเถือกไปหมด ทั้งโมโหทั้งโกรธทั้งขัดเขินปนเปกันไปหมดจนแยกแยะไม่ออกว่าเป็นอารมณ์ไหน
“คุณกฤตภพ คุณกำลังคุกคามฉันอยู่นะ ตกลงคุณจะเอายังไง คุณจะต้องให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะยอมตกลง”
“คุณก็ลองบอกข้อเสนอดีๆ ของคุณมาก่อนสิ เผื่อผมจะพิจารณา”
“ข้อเสนอของฉันคือ ให้คุณเป็นคนยื่นข้อเสนอเอง ว่าคุณจะให้ฉันทำยังไงคุณถึงจะยอมแต่งงานกับฉัน”
“แน่ใจนะที่พูด”
เขามองหญิงสาวนิ่งอย่างครุ่นคิด และกำลังคิดแผนการอันชาญฉลาดอย่างแยบยล ภายในเวลาไม่กี่วินาทีก็นึกออก และหันมายิ้มให้อัญชนาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราวอย่างแสนร้ายกาจ
“แน่ใจ” อัญชนาตอบสั้นๆ สบตาเขานิ่งเช่นกัน
“โอเค ผมรู้ว่าคุณคงอยากแต่งงานกับผมจนตัวสั่น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง ผมไม่สน แต่ผมต้องการเพียงแค่สามอย่าง หนึ่ง คืออิสระที่ผมจะทำอะไรก็ได้ จะคบกับใครก็ได้แล้วแต่ใจของผม และสองคุณต้องทำหน้าที่เมียเมื่อผมต้องการ แต่คุณจะไปนอนมั่วกับใครไม่ได้ในขณะที่ยังจดทะเบียนสมรสกับผมอยู่ และข้อสุดท้าย คุณต้องแต่งงานอยู่กินกับผมให้ครบสองปีแล้วค่อยหย่า แค่นี้คุณยอมได้หรือเปล่าแม่ลูกสาวยอดกตัญญู”
เขาดันร่างบางจนชิดฝาหนังและกักขังเธอเอาไว้ในอ้อมแขน
“ข้อที่สอง คุณไม่คิดว่าคุณจะเอาเปรียบฉันมากเกินไปหน่อยเหรอคะ”
อัญชนาพูดเสียงสั่นๆ หัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ อยากจะหลุดออกจากการคุกคามของเขาเต็มที เธออึดอัดจนจะหายใจแทบไม่ออกอยู่แล้ว กฤตภพดูร้ายกาจกว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วเสียอีก
“อ้อ คุณคงอยากไปมีอะไรกับผู้ชายคนอื่นบ้างใช่มั้ย ที่จริงผมไม่ได้คิดจะหวงเอาไว้คนเดียวหรอกนะ แต่ผมกลัวเชื้อโรคน่ะ ผู้หญิงสมัยนี้ไว้ใจยาก โดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ”
“อ้อ ที่แท้ก็กลัวตายนี่เอง ไม่ใช่ฉันหรอกเหรอค่ะที่สมควรต้องพูดประโยคนี้กับคุณ ฉันต่างหากที่ไม่ควรไว้ใจผู้ชายอย่างคุณ ผู้ชายที่มั่วผู้หญิงมาตั้งครึ่งค่อนประเทศอย่างคุณ จะยังสะอาดไร้โรคติดต่อมาจนถึงตอนนี้หรือเปล่าฉันยังไม่แน่ใจ”
“ปากเก่งเหมือนกันนี่ ไม่รู้ว่าปากของคุณจะจูบเก่งด้วยหรือเปล่า”
อัญชนาตาโตกำลังจะอ้าปากว่าอะไรเขาแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ปากอุ่นๆ ของเขาประกบลงมาอย่างรวดเร็ว เขาบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างเอาแต่ใจไร้ความปรานี
อ้อมแขนแข็งแรงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น รัดร่างของเธอจนมันเบียดเข้ากับอกแกร่งของเขาจนไม่เหลือช่องว่างให้แมลงวันสักตัวบินผ่าน ร่างเล็กหอบสะท้านและหอบหายใจจนตัวโยน เมื่อเขาไม่คิดจะหยุดให้เธอได้หายใจสักวินาทีเดียว
กำปั้นเล็กทุบระรัวลงบนอกกว้างของเขาหลายที แต่ร่างแกร่งดุจหินผากลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด กฤตภพยังแอบหัวเราะในใจ เมื่อแกล้งหล่อนได้สำเร็จ และเขาไม่คิดที่จะหยุดแค่นั้น
กลิ่นกายสาวและรสหอมหวานจากโพรงน้ำผึ้งที่เขาเพิ่งตวัดลิ้นร้อนๆ ไล้เลียดูดกลืนมันยิ่งกว่าสิ่งเสพติดที่ไม่อยากจะหยุดง่ายๆ ขัดขืนได้ก็ขัดขืนไปสิ
ยังไงหล่อนก็ต้องยอมเป็นของเขาอยู่วันยังค่ำ ไม่เป็นวันนี้ก็ต้องเป็นวันพรุ่งนี้ หล่อนร้องขอเขาเองนี่ เขาไม่ได้บังคับหล่อนเสียหน่อย แค่จูบแค่นี้จะสึกหรอแค่ไหนกันเชียว
เขาจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งหลบหนีเขาก็ยิ่งไล่ตาม ยิ่งขัดขืนเขาก็ยิ่งรัดร่างเธอแน่นจนหญิงสาวเจ็บไปหมด กระดูกของหล่อนต้องแหลกไม่เป็นชิ้นดีแน่ๆ ถ้าเขายังกอดรัดเธอแรงๆ แบบนี้
ร่างบางดิ้นขลุกขลักขัดขืนต่อต้านเขาจนเหนื่อยอ่อน จนแทบไม่มีแรงพยุงตัว แต่กฤตภพไม่ยอมปล่อยให้ร่างบางหลุดลงไปกองกับพื้นง่ายๆ หรอก เพราะที่ที่เขาอยากให้หล่อนทรุดลงไปนอนไม่ใช่ที่พื้น แต่เป็นที่นอนหนานุ่มที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ต่างหากล่ะ
ร่างสูงใหญ่ย่อตัวลงเล็กน้อย ตวัดแขนอุ้มคนพยศไว้แนบอก แล้วพาหล่อนไปยังเตียงกว้าง วางหล่อนลงอย่างไม่ค่อยจะนิ่มนวลนัก และไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อสาวหลบหลีกได้ทัน
“ไม่นะ! คุณจะทำอะไรฉัน...ปล่อยฉันนะ!”
“ไม่ปล่อย!”
“ปล่อยนะ! คนบ้า!”
อัญชนาตะโกนสุดเสียงเมื่อมีโอกาส แต่เขาก็ปิดปากของเธออีกครั้งอย่างเร่าร้อน เรียกร้องมากกว่าเดิมหลายเท่า สองมือหนาประสานมือเล็กไว้เหนือศีรษะ และคร่อมร่างเล็กเอาไว้ด้วยร่างกายใหญ่โตของเขา จนหล่อนไร้หนทางหลีกหนี ได้แต่ฮึดฮัดเพียงแค่ชั่วครู่ก็หมดแรงสู้ ปล่อยให้เขารุกรานเธอได้ตามอำเภอใจ
จากจุมพิตที่จาบจ้วงแต่แรกแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานนุ่มนวลในเวลาต่อมา เมื่อคนตัวเล็กในอ้อมกอดเลิกพยศ เขาแค่อยากสั่งสอนหญิงสาวให้รู้ว่า ผู้หญิงอย่างหล่อนไม่ควรอวดดีกับเขา เพราะผู้ชายอย่างเขาก็ไม่เคยคิดให้ผู้หญิงมามีอำนาจเหนือกว่า และอัญชนาจะต้องยอมเขาทุกอย่าง
อัญชนาคือผู้หญิงที่เขาจดจำชื่อของหล่อนไว้ในใจเสมอมา ว่าเขาไม่มีทางรักหล่อนแน่ แต่หล่อนนั่นแหละที่จะต้องหลงเสน่ห์เขาเข้าสักวัน
หล่อนก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขานั่นแหละ ต้องการแค่เงิน ลองถ้าเขาไม่มีเงินสิ จ้างให้ผู้หญิงอย่างอัญชนาก็ไม่มีทางยอมมาเป็นเจ้าสาวของเขาแน่ และครั้งนี้เขาก็รู้ว่าเขาถือไพ่เหนือกว่าหล่อน
ร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านในอ้อมกอด ทำให้กฤตภพต้องนิ่งสำรวจความรู้สึกของหล่อนชั่วครู่ แล้วก็รู้ว่าอัญชนากำลังตัวสั่นเพราะร้องไห้นี่เอง รสเค็มที่ลิ้นของเขาที่สัมผัสได้ คือน้ำตาของหล่อนที่ไหลเปรอะออกมาจนเลอะข้างแก้มนวลของหล่อนนี่เอง
หัวใจของเขาอ่อนยวบลงอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกผิดถาโถมเข้าสู่หัวใจ นี่เขาทำอะไรลงไป เขารังแกผู้หญิงจนหล่อนร้องไห้หนักขนาดนี่เชียวเหรอ เขาไม่ได้รุนแรงกับหล่อนสักหน่อย บ้าที่สุด!