ทรมานหัวใจ (2)

1492 คำ
อัญชนาจิตใจหวาดหวั่น กลัวก็กลัว แต่ก็กลัวว่าเขาจะไม่ยอมตกลงแต่งงานกับเธอมากกว่า กฤตภพพาอัญชนามาถึงบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่ง แค่มองภายนอกก็รู้ว่ามันสวยมาก หากได้นอนค้างที่นี่สักคืนสองคืนกับคนที่เธอรักก็คงจะโรแมนติกไม่น้อย แต่นี่มันไม่ใช่ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอตอนนี้ไม่ใช่ผู้ชายในฝันของเธอสักนิด “อ้าวคุณ มัวยืนบื้ออยู่ทำไม เข้าไปในบ้านสิ” เขาดุนหลังหญิงสาวเบาๆ แต่อัญชนาเบี่ยงตัวหลบ และมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ ก็ดูสายตาที่เขามองเธอสิ มันมีแต่ความหื่นกระหาย หรือว่าเธอคิดไปเองก็ไม่รู้นะ ก็คนมันไม่เคยอยู่กับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้นี่ โดยเฉพาะอยู่กับผู้ชายที่เคยเป็นคู่อริกับเธอมาก่อน มันไม่น่าไว้ใจจริงๆ นั่นแหละ “ทำไมฉันต้องเข้าไปในบ้านด้วย ถ้าเกิดคุณคิดจะทำอะไรฉันขึ้นมา ฉันจะเรียกให้ใครช่วยได้ ฉันไม่เข้าไปหรอก” หล่อนทำท่าดื้อรั้น ไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขาง่ายๆ แม้ว่าในใจจะรู้สึกสั่นๆ แต่หญิงสาวก็ต้องหาทางป้องกันตัวเองสุดฤทธิ์ “ถ้าคุณอยากให้ผมตกลงแต่งงานกับคุณ และจดทะเบียนกับคุณ ภายในระยะเวลาสองปี คุณก็ต้องเข้าไปข้างใน ถ้าไม่เข้าไปก็หาทางกลับบ้านเองแล้วกัน”  เขาพูดเหมือนไม่ยี่หระ และเดินตัวปลิวเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้อัญชนาทำท่ากระฟัดกระเฟียดอยู่ที่หน้าประตู แต่เมื่อเขาไม่หันมาสนใจ คนที่เดินตามเขาเข้าไปถึงกับหน้างอเป็นม้าหมากรุก “ก็ได้! อย่าให้ถึงทีฉันบ้างแล้วกัน ฉันจะเอาคืนคุณอย่างสาสมเลยทีเดียว ผู้ชายอะไรเอาแต่สั่งๆ อยู่ได้ ไม่นึกถึงจิตใจคนอื่นเขาบ้างเลย” ร่างบางบ่นกระปอดกระแปดอย่างอารมณ์เสีย แม้ว่าอัญชนาจะบ่นตามหลังเขาไปจนถึงข้างในบ้าน แต่กฤตภพก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาทำเป็นหูทวนลม และเดินตรงไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำเย็นมาเปิดขวดแล้วดื่มแก้กระหาย ก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาหนานุ่ม หันมาจ้องหน้าหญิงสาวนิ่งเหมือนอย่างประเมิน “คืนนี้เราจะนอนค้างกันที่นี่” กฤตภพพูดเสียงเรียบ แต่ในใจของเขาก็ไตร่ตรองเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะพูดอะไรออกมาอย่างรอบคอบแล้ว “อะไรนะ! ฉันกับคุณน่ะเหรอจะนอนค้างกันที่นี่ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ คุณยังไม่ได้แต่งงานกับฉันเลย จะให้ฉันมานอนค้างอ้างแรมกับคุณสองต่อสองแบบนี้ได้ยังไง ฉันเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ ฉันเสียหายรู้หรือเปล่า” หล่อนแหวใส่เขาอย่างเหลืออด นี่เขาคิดจะเอาเปรียบเธอไปถึงไหนกัน ที่ผ่านมาเมื่อกี้เขายังเอาเปรียบเธอไม่พออีกหรือยังไง ถึงได้คิดจะกลั่นแกล้งเธอต่อที่นี่อีก เธอไม่ยอมแน่ๆ “ผมรู้ว่าคุณคงจะไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่หรอก แต่ผมก็อยากจะรู้จักว่าที่เมียของผมในอนาคตเหมือนกัน ว่าเป็นยังไง ผมไม่ใช่คนโง่นะ ที่จะทานอาหารโดยไม่ตรวจสอบว่ามีเครื่องหมายออยอหรือเปล่า กลัวเจอของเน่าไม่มีคุณภาพ” “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” หล่อนมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง นี่เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน ถึงได้มาพูดจาดูถูกกันถึงขนาดนี้ แม้ว่าจะไม่รู้ความหมายของสิ่งที่เขาพูดออกมาตรงๆ แต่แววตาของเขามันก็ส่อเป็นนัยๆ ว่าเธออาจจะเป็นผู้หญิงสำส่อน “อะไรกันคุณ ผมพูดถึงขนาดนี้ยังต้องให้แปลไทยเป็นไทยอีกเหรอ คุณเรียนจบอะไรมาเนี่ย ถึงได้พูดเข้าใจยากแบบนี้” เขามองเธอด้วยสายตาค้นคว้าแกมหยอกเย้าแรงๆ อยู่ในที “คุณกฤตภพ กรุณาพูดจากับฉันตรงๆ ได้ไหมคะ ฉันยอมรับว่าฉันไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมกลโกงของคุณหรอกค่ะ คุณอาจจะไล่ต้อนหลอกล่อผู้หญิงมามากมายให้หลงมาติดกับบนเตียงนอนของคุณ แต่ต้องไม่ใช่ฉัน ฉันบอกคุณแล้วนี่คะ ว่าฉันยอมคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับฉันก่อน ไม่ใช่ด้วยวิธีการสกปรกแบบนี้” “คุณว่าผมใช้วิธีการสกปรกกับคุณเหรอสาวน้อย ตลกสิ้นดี ผู้หญิงอย่างคุณผมไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ คุณตามผมมาเองนะ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผมเป็นคนแบบนี้ แบบที่อาจจะไม่ถูกใจคุณสักเท่าไหร่ แต่ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่เคยคิดฝืนใจคุณ โน่นประตู” เขาชี้มือออกไป และหันกลับมามองเธออีกครั้ง “ถ้าคุณไม่พอใจก็เดินออกไปได้เลย ผมเบื่อผู้หญิงที่เล่นตัวอย่างคุณเต็มที ผู้หญิงสวยๆ ที่พร้อมจะนอนกับผมที่นี่มีตั้งเยอะแยะ แค่กดโทรกิ๊กเดียวพวกหล่อนก็มาแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องหาความสุขเอากับคุณหรอก” เขายิ้มหยัน อัญชนากัดริมฝีปากตนเองจนห้อเลือด ทำไม...ทำไมต้องเป็นผู้ชายร้ายกาจคนนี้ด้วย ก็ได้...เมื่อมันเป็นทางเดียวที่จะช่วยพ่อกับแม่ของเธอได้ ทางเดียวที่จะทำให้ธุรกิจของครอบครัวกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง เธอจะยอมขายตัวให้เขาก็ได้ แต่เธอจะไม่มีวันขายหัวใจให้เขาเด็ดขาด! วันนี้ทั้งวันคุณหญิงบุษกรกับสามีต่างก็กลุ้มใจที่ลูกสาวคนโตหายตัวออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า โดยไม่ได้บอกใครว่าออกไปไหนกับใคร ปกติอัญชนาจะไปเที่ยวที่ไหนในวันหยุดเธอมักจะบอกพ่อกับแม่เสมอ แต่วันนี้หญิงสาวกลับขับรถออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้าโดยไม่ยอมบอกใคร หนำซ้ำมือถือก็ปิด ทั้งสองสามีภรรยาจึงรู้สึกเป็นห่วงลูกสาวเป็นอันมาก “คุณเดชคะ ดิฉันเป็นห่วงยัยอัญเหลือเกินค่ะ ไม่รู้ว่าออกไปไหนกับใครแต่เช้า ดูสิคะมือถือก็ไม่ยอมเปิด ลูกจะรู้มั้ยเนี่ยว่าแม่เป็นห่วงลูกมากแค่ไหน” คุณหญิงบุษกรเปรยกับสามีด้วยสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งพักนี้ท่าทางของอัญชนาก็ดูแปลกๆ ไป คนเป็นแม่ก็อดที่จะเป็นห่วงลูกสาวมากไม่ได้ “นั่นสิ ผมก็รู้สึกเป็นห่วงลูกยังไงบอกไม่ถูก ยัยอัญนะยัยอัญ จะไปไหนทำไมไม่บอกพ่อกับแม่บ้าง ลูกคนนี้นี่ ใช้ไม่ได้จริงๆ” ปากก็บ่นแต่ในใจก็อดที่จะเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้เหมือนกัน “อิน ลองโทรหาพี่เขาอีกครั้งสิลูก เผื่อจะติด” คุณหญิงบุษกรบอกให้อินทุอรลูกสาวคนเล็กโทรหาอัญชนาอีกครั้ง “ค่ะแม่” อินทุอรกดโทรหาพี่สาวของเธออีกครั้ง กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง! “ติดแล้วค่ะแม่!” อินทุอรเอ่ยด้วยความดีใจ “ไหนๆ มาให้แม่คุยหน่อยซิ” มืออวบที่เริ่มมีริ้วรอยเอื้อมมาคว้ามือถือเครื่องเล็กไปแนบหูด้วยความดีใจ “ยัยอัญ! ตอนนี้หนูอยู่ที่ไหนลูก พ่อกับแม่เป็นห่วงลูกมากนะรู้มั้ย ทำไมออกไปจากบ้านแล้วไม่ยอมบอกใคร แล้วปิดมือถือทำไม รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วงหนูมาก” ด้วยความเป็นห่วงลูกสาว คำถามจึงได้หลุดออกจากปากผู้เป็นแม่หลายชุด จนคนฟังที่ปลายสายต้องนิ่วหน้าเพราะไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี “แม่คะ อัญสบายดีค่ะ อัญต้องขอโทษพ่อกับแม่ด้วยที่ออกมาโดยไม่ได้บอก อัญเครียดนิดหน่อยค่ะแม่ก็เลยออกมาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศกับเพื่อนที่หัวหินสักวัน เพื่อนอัญชวนให้ค้างที่บ้านเขาคืนหนึ่ง พรุ่งนี้เย็นๆ อัญถึงจะกลับนะคะ” “นอนค้างที่หัวหินตั้งคืนหนึ่งเลยหรือลูก แล้วเพื่อนหนูชื่ออะไร แม่รู้จักมั้ย” น้ำเสียงของผู้เป็นแม่ดูร้อนรนกระวนกระวายด้วยความไม่สบายใจ นายอนุเดชรีบคว้ามือถือจากภรรยามาคุยกับลูกสาวทันที ด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน “ยัยอัญ ทำไมไปเที่ยวกับเพื่อนถึงต้องปิดมือถือด้วย แล้วเพื่อนของลูกเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย ไหนเรียกเพื่อนของลูกมาคุยกับพ่อหน่อยซิ” นายอนุเดชพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนเพราะหวงลูกสาว กลัวว่าอัญชนาจะถูกเพื่อนชายหลอกเอาได้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตลูกสาวทั้งสองคนถูกเลี้ยงมาแบบไข่ในหิน ริ้นไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ทำให้คนเป็นพ่ออดที่จะเป็นห่วงลูกสาวไม่ได้ 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม