ริมฝีปากบางเฉียบสีสดของเขาเม้มสนิทเข้าหากันแทบจะเป็นเส้นตรง สักพัก ปากได้รูปสวยของเขาจึงขยับเพียงเล็กน้อย ทว่าเสียงของเขากลับเขย่าขวัญเธอแบบสุดๆ!
“ใครอนุญาตให้เธอมาเด็ดดอกไม้ชองฉัน!”
ดวงตาของเจ้าของเสียงทุ้มกังวานนั้นเหมือนจะวาวโรจน์ขึ้นมา จนหัวใจของสาวน้อยกระตุกวูบและหล่นตุ้บไปอยู่ที่ตาตุ่ม
จนด้วยคำตอบ ริมฝีปากสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่เมื่ออ้าเผยอน้อยๆคล้ายจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ยังนึกเรียบเรียงคำพูดไม่ออก
ดวงตาคมกริบคู่นั้นหลุบมองริมฝีปากของเธอ ซึ่งยังมีหลักฐานของการเป็นขโมยอย่างชัดเจน ติดอยู่
เจ้าของดวงตาสีอำพันเข้มเหลือบเขียวมรกตคล้ายสีของปีกแมลงทับก็ตวัดขึ้นมาสบตาเธออีกครั้ง แล้วคล้ายจะยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมดูเปล่งประกายเล็กน้อย ทว่าเพียงครู่เดียวดวงตาคมเฉี่ยวคู่เดิมก็ดุกร้าวขึ้นมาอีก
“ขโมยที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา ว่าแอบขโมยเด็ดกินดอกไม้ราคาที่แพงที่สุดในโลกของคนอื่นแบบนี้ เธอรู้ไหมว่าควรลงโทษสถานใดดี” เสียงน้ำเยือกเย็นพอๆกับแววตาของเขาในตอนนี้เลย
มารีรินจนด้วยคำตอบอีกเช่นเคย เธอก้มมองดอกไม้ในมือที่ร่วงหล่นลงพื้นนั้น บวกกับคิดถึงคำบอกเล่าของเขาว่า ดอกชบาที่เธอเพิ่งลิ้มลองรสชาติและสูดกลิ่นของมันเข้าไปเป็นดอกไม้ที่แพงที่สุดในโลก แล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาครามครัน
‘แล้วเธอจะชดใช้ยังไงไหว’
ยังไม่ทันได้คิดหาทางออก ข้อมือข้างที่ทำดอกชบาร่วงหล่นก็ถูกมือแข็งดุจคีมเหล็กจับแล้วกำไว้อย่างแรงแล้วจ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ดอกชบาแสนมีค่าของฉัน ไม่ควรร่วงลงสู่พื้น แต่เธอเป็นคนแรกที่ทำมันหล่น”
เสียงนั้นกร้าวกระด้าง เยือกเย็นขึ้นอีกหลายเท่า จนคนฟังแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว ด้วยความกลัว สาวน้อยลืมคิดไปเลยว่าพาเจ้าแรมโบ้มาด้วย ลืมไปเลยว่าเมื่อตกอยู่ในอันตรายต้องเป่าปากเป็นเสียงนกหวีดเพื่อเรียกให้เจ้าสุนัขแสนรู้มาช่วย
“คะ...คะ...คือมาร์ มาร์แค่...”
“แค่เด็ด ดม กิน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของมันงั้นเหรอ ที่สำคัญเธอทำมันหล่น! กลายเป็นดอกไม้ไร้ค่าแบบนี้เธอจะชดใช้ยังไงไม่ทราบ”
“คะ...คือว่า มาร์...มาร์ไม่ได้ตั้งใจ มาร์...มาร์แค่ตกใจ”
เธอแก้ตัวละล่ำละลัก ด้วยเสียงตะกุกตะกัก ขณะที่ยังสบตาเขาอยู่ แล้วเขาก็บีบข้อมือเธอแรงขึ้นไปอีก จนเธอนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“แล้วเธอรู้อะไรไหม ผลของการกินน้ำหวานของมัน เคี้ยวกินกลีบดอกมัน จะป็นยังไง”
หญิงสาวสั่นศีรษะทันที
“มะ...ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบแทบจะเป็นเสียงกระซิบ หอบหายใจกระชั้นด้วยความตื่นกลัวเขามากขึ้นไปอีก
“โง่สิ้นดี!”
แล้วชายหนุ่มก็ดึงร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดทันที แล้วบดเคล้าลงมาบนเรียวปากเล็กที่ยังมีคราบสีของดอกชบาติดอยู่ อย่างแนบแน่น และสอดลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัดรัดเรียวลิ้นเพื่อดูดกลืนความหอมหวานในโพลงปากของที่เต็มไปด้วยรสชาติและกลิ่นหอมของดอกชบา เนิ่นนาน จนแทบจะสิ้นความหอมหวานของดอกไม้ เขาจึงได้คลายริมฝีปากออก แล้วก็ค่อยๆผละร่างเล็กออกห่าง
เธอเซจนต้องคว้าจับกิ่งก้านของชบาเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ไม่ให้ล้มลงไป
มารีรีนจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไงเมื่อถูกเขาลงทัณฑ์ด้วยการจูบแบบนั้น รู้แค่เพียงว่าเธอแทบช็อค แทบจะเป็นลมล้มพับไป เห็นดาวเห็นเดือนสว่างพร่างพราวเต็มหัวไปหมดจนตาพร่า และใจยังคงสั่น แถมตัวเธอก็ยังสั่นไม่หายอีกด้วย ก่อนจะทรงตัวได้แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มอีกครั้งด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“ออกไปจากดงดอกไม้ของฉันเดี๋ยวนี้เลย หาทางออกไปจากสวนชบาของฉันให้ได้ภายในห้านาที หากเกินห้านาทีแล้ว เธอยังหาทางออกไปจากสวนชบาของฉันไม่ได้ เธออาจจะไม่ได้ออกไปจากคฤหาสน์ของฉันอีกเลยออกไป!” เขาตะเบ็งเสียงไล่
มารีรินรีบหันหลังแล้วรีบเดินหาทางออกไปจากสวนชบาทันที แต่หญิงสาวก็ยังไม่รู้ว่า สวนดอกไม้แห่งนี้ เขาทำเป็น ‘สวนวงกต!’
หลายนาทีแล้วที่เจ้าของร่างเพรียวบางในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อแขนตุ๊กตาผูกโบว์สีครีมพอดีตัวเดินวนไปวนมาในดงดอกชบา สุดท้ายก็วนกลับมายังจุดเดิม จนเริ่มมึน และเริ่มเอ๊ะใจแล้วว่า เธอกำลังเดินอยู่ในสวนวงกตแน่แท้
แล้วพอเงยหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบน ก็เริ่มเห็นดวงดาวเปล่งประกายแข่งแสงกันหลายดวงแล้ว
‘มืดแล้วหรือนี่ แต่เรายังหาทางออกไม่ได้เลย จัดสวนเป็นเขาวงกตก็ไม่ยอมบอกกัน หรือว่าต้องส่งเสียงให้แรมโบ้มาช่วยดี หากกลับบ้านค่ำกว่านี้พ่อกับแม่ต้องด่าแน่ๆ’
ทว่าพอจะทำปากเป่าเป็นเสียงนกหวีด หญิงสาวก็รู้สึกเวียนหัว มึนๆ งงๆ หนาวๆร้อนๆเหมือนคนจะเป็นไข้ขึ้นมาครามครัน แล้วพอเดินได้ไม่กี่ก้าวก็โซเซล้มลงทับกิ่งชบาจนกิ่งอ่อนหักและดอกของมันก็ได้รับความเสียหายหลายดอก
พอมารีรินเห็นดอกไม้แสนแพงของเขาได้รับความเสียหายเพราะเธอ ก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที เพราะจำได้ว่า แค่เธอเด็ดดอกชบาของเขาเพียงหนึ่งดอก เขาลงโทษเธอเช่นไร หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำราวกลางศึก
เธอกลัวจนลนลาน หาทางลุกขึ้นจะเดินหนีออกไปจากดงดอกไม้นี้ให้ได้เร็วที่สุด
ทว่าเธอกลับพยุงร่างของตนเองให้ลุกขึ้นได้อย่างยากเย็นนัก แล้วพอเดินไปได้ก้าวเดียวเท่านั้น เธอก็เซจะล้มอีกครั้ง แต่ก่อนที่ร่างบางจะล้มลงไปกองกับพื้น เอวกิ่วของเธอก็ถูกวงแขนแข็งแรงข้างหนึ่งคว้าเกี่ยวเอาไว้ได้พอดี
แล้วร่างเล็กก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมกอดของคนตัวโตรูปร่างสูงใหญ่ในชุดดำทมึนอีกครั้ง
สายลมเย็นๆพัดเอาผมที่ปรกหน้าของเขาไปด้านข้างทั้งสองข้าง เผยให้เห็นเบ้าหน้าหล่อคมแบบวัวควายตายล้ม ในตอนที่สาวน้อยในอ้อมแขนหันหน้ามาช้อนสายตาขึ้นมามองดวงหน้าและสบตาเขาเข้าพอดี
ใบหน้าหวานที่ซีดสลับแดงของหญิงสาวในอ้อมกอด และปากซีดๆสั่นๆของเธอ ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่า ‘เธอกำลังถูกพิษของดอกชบา’ เล่นงานเสียแล้ว
...ทางเดียวที่จะแก้พิษของดอกไม้นี้ได้...