เป้าหมายที่สาม : คุณข้าวตังนั่งลง
ในที่สุด! วันที่ผมตั้งตารอคอยยิ่งกว่าวันที่เกมตัวใหม่ออกก็มาถึง นั่นคือวันที่ผมจะได้ไปหาพี่หมอเพื่อให้พี่หมอช่วยทำให้ผมหายกลัวหมานั่นเอง (หรือเรียกง่ายๆ ว่าไปอ่อยพี่หมอนั่นแหละ) ขอบอกว่าตอนแรกก็กลัวว่าจะโดนพี่หมอจับโยนใส่กรงที่มีหมาหลายๆตัวเพื่อให้เกิดความเคยชิน เหมือนในหนังที่เขาฝึกทหารโดยการปล่อยทหารไว้ในที่อันตรายไรงี้ แต่หน้าตาพี่หมอใจดีขนาดนั้น คงไม่ทำอะไรใจร้ายกับไอ้ต่ายหรอก
แต่ถึงใจร้ายไอ้ต่ายก็รับได้ จะยอมเป็นมาโซคิสม์ให้พี่หมอฟาดแส้ใส่ทุกวันเลย เอ้า! รออะไรล่ะครับ โซ่ แส้ กุญแจมือเทียนไข จัดมาสิครับ!
“จะไปไหนน่ะ วันนี้วันเสาร์ไม่ใช่หรือไง”
“ต่ายจะเอาเสื้อไปคืนพี่หมอ” ผมคว้าเสื้อที่พี่หมอให้ยืมมาถือไว้ในอ้อมกอด ขอบอกเลยว่า (แม่) ตั้งใจซักมาก (เพราะยี่ห้อแพง กลัวพัง และไม่มีตังจ่าย ฮือ) แต่ไอ้ต่ายคนนี้เป็นคนใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเองกับมือนะครับ กะว่าพอพี่หมอได้กลิ่นปุ๊บ หลงรักไอ้ต่ายหัวปักหัวปำปั๊บ
ขอตั้งชื่อว่า น้ำยาปรับผ้านุ่มพราย
“แล้วอย่าไปทำเรื่องขายหน้าอีกล่ะ”
โธ่แม่! ไอ้ต่ายเกือบจะลืมแล้วไหมเนี่ยว่าเคยสร้างเรื่องอะไรไว้ ไม่น่าเล่าให้ฟังเลย แต่เอาจริงๆ พอโดนสายตากดดันของหม่อมแม่มองมาและถามว่าทำไมใส่ชุดนี้กลับมา ปากมันก็เล่าไปเองเฉย ไม่เคยมีความลับกับมนุษย์แม่ได้เลยจริงๆ แถมพอเล่าจบแม่ถึงกับกุมขมับ แทบจะยกข้าวปลาอาหารแห้งไปขอขมาพี่หมอถึงคลินิกด้วยซ้ำ นี่ถ้าผมไม่ห้ามไว้แม่คงจะจัดขบวนแห่ไปหาพี่หมอแล้วมั้งเนี่ย
แหม...แม่ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวอนาคตก็ต้องยกขันหมากไปสู่ขอพี่หมออยู่แล้ว
แต่ก่อนที่จะยกขันหมากไปสู่ขอพี่หมอ การจะไปหาว่าที่แฟนในอนาคตก็ควรจะซื้อของไปฝากด้วยเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจอันท่วมท้น ดังนั้นเป้าหมายแรกก่อนจะเดินไปหาพี่หมอคือร้านขายขนมเค้กที่อยู่กลางซอยนั่นเอง ไอ้ต่ายอุตส่าห์ทุบกระปุกเอาตังค์อันน้อยนิดที่หยอดไว้วันละห้าบาทออกมาซื้อขนมเค้กแสนอร่อยไปฝากพี่หมอเลยนะ
แม้ไอ้ต่ายจะอยากกินมากแค่ไหนไอ้ต่ายก็จะอดทน เพื่อให้พี่หมอได้กินของอร่อย เห็นไหมล่ะว่าไอ้ต่ายเป็น (ว่าที่) แฟนที่ดีขนาดไหน พี่หมอรู้แล้วจะต้องหลั่งน้ำตา
“เค้กวนิลาหนึ่ง เค้กช็อกโกแลตหนึ่ง ใส่กล่องแยกกันค้าบบบ”
แต่จะฝากพี่หมอคนเดียวก็ไม่ได้ไง ต้องฝากพี่พยาบาลคนสวยด้วย เผื่อในอนาคตจะชักจูงมาเป็นพรรคพวกเดียวกันได้ เห็นไหมว่าไอ้ต่ายฉลาดวางแผนการล่วงหน้าแค่ไหน แต่ฉลาดขนาดนี้ทำไมวิชาเลขเกือบตกทุกทีเลยวะ
เอาเถอะ ผมคิดว่านอกจากไอ้พวกที่อ่านหนังสือหน้าดำคร่ำเครียดแล้ว ไม่มีใครได้คะแนนวิชาเลขสวยหรูนักหรอก
“ได้แล้วค่ะ”
“ค้าบบ”
ผมเอื้อมมือไปรับพร้อมกับควักถุงข้าวแกงใส่เหรียญหยอดกระปุกขึ้นมานับก่อนจะยัดใส่มือพี่เจ้าของร้าน โดนพี่เจ้าของร้านมองค้อนมาด้วยหนึ่งที แต่ไอ้ต่ายไม่สนส่งยิ้มกลับไปให้เป็นการโปรยเสน่ห์
“จะได้มีเหรียญไว้ทอนลูกค้าไงครับ” แล้วก็ยักคิ้วแล้วเดินออกไปเท่ๆ นอกจากหล่อแล้วยังใจดีอีกนะเรา ป่านนี้พี่เจ้าของร้านกรี๊ดสลบเพราะหลงเสน่ห์ไอ้ต่ายคนนี้ไปแล้วมั้งเนี่ย
“เอาล่ะนะ ฮ่า...ฮ่า! โอเค ปากหอมชื่นใจ หล่อแล้วไอ้ต่าย ลุย!” ผมยืนส่องบานประตูกระจกหน้าคลินิกพี่หมออยู่อึดใจ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้วยรอยยิ้ม พี่พยาบาลคนสวยยังคงยืนส่งยิ้มให้มาเหมือนวันแรกที่ไอ้ต่ายเหยียบเข้ามาเป๊ะ! ต่างกันตรงที่วันนี้ไอ้ต่ายเต็มใจที่จะเข้ามา
นี่ถ้าไม่เกรงใจจะพกเต็นท์และข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเข้ามากางนอนในนี้ด้วยนะเนี่ย
“อ้าวน้องคนนั้น...”
“ผมชื่อต่ายครับ”
“ค่ะน้องต่าย...มาทำอะไรเหรอคะ พาน้องกระต่ายตัวน้อยมาให้คุณหมอแซนตรวจเหรอคะ” พี่พยาบาลถามด้วยรอยยิ้มสดใสโลกเป็นสีชมพูด ดอกลาเวนเดอร์นี่ลอยผ่านหน้าไปเลย
“ผมเอาเสื้อผ้ามาคืนครับ แล้วก็ซื้อขนมมาฝากพี่หมอกับพี่พยาบาล...”
“พี่ชื่อสิตาค่ะ”
“ครับพี่สิตา นี่ค้าบ นี่ของพี่สิตา” ผมยื่นกล่องขนมเค้กให้พี่พยาบาลสาวคนสวยนามว่าสิตาตรงหน้าก่อนจะมองซ้ายมองขวามองหน้ามองหลัง
“ขอบคุณนะคะ จริงๆ ไม่ต้องเอามาฝากก็ได้นะคะ พี่เกรงใจ”
“หูยยย คนกันเองครับ อีกอย่างผมสร้างเรื่องไว้ด้วยก็ต้องแสดงความขอโทษหน่อยสิครับ ว่าแต่...พี่หมอไม่อยู่เหรอครับ”
“อยู่ด้านบนค่ะ วันเสาร์คลินิกจะเปิดครึ่งวันค่ะ นี่ก็ใกล้ได้เวลาปิดแล้ว คุณหมอแซนน่าจะนั่งเล่นกับคุณข้าวตังอยู่ด้านบน น้องต่ายจะขึ้นไปหาคุณหมอแซนไหมคะ”
น้องต่าย!
เพิ่งได้ยินพี่สิตาเรียกตัวเองชัดๆ ทำไมใครๆ ก็เรียกไอ้ต่ายคนนี้ว่าน้องต่ายด้วยวะ นี่ถ้าไม่เห็นว่าน่ารักมากและสมควรชักจูงมาเป็นพรรคพวกนะ ไอ้ต่ายจะด่าให้
“ผมขึ้นไปได้เลยเหรอครับ”
“ค่ะ ชั้นสาม เปิดประตูเข้าไปก็เจอเลยค่ะ เดี๋ยวพี่ขอตัวไปปิดคลินิกก่อนนะคะ”
“ค้าบบบ ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้สวยๆตามแบบฉบับธรรมเนียมของไทย นางสาวไทยยังชิดซ้ายเลยขอบอก อีกนิดเดียวส่งผมขึ้นเวทีประกวดได้แล้วเนี่ย มงต้องลงแล้วจังหวะนี้!
ผมเดินไปตามทางที่คุ้นชินเพื่อเมื่อหลายวันก่อนผมขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ชั้นสอง อ๊ะๆ...ถ้าถามว่าเดินมาแบบนี้ไม่กลัวคุณข้าวตังกระโจนใส่เหรอ ขอบอกว่ากลัวครับ!
จะเหลือเหรอ ขานี่สั่นผับๆ แต่เราต้องสู้! จะอ่อยเขาต้องใจกล้าและหน้าด้าน เมื่อคืนผมนี่นอนคิดแผนทั้งคืนเลยว่าจะเริ่มต้นยังไงดี นี่กะว่าให้คุณข้าวตังกระโจนใส่เต็มที่เลยนะเนี่ย แล้วหลังจากนั้นผมก็จะไปออเซาะเกาะไหล่พี่หมอแซนเหมือนนางเอกละครหลังข่าวไง! พอพี่หมอก้มหน้าลงมาสบตากับผมก็ต้องตกอยู่ในภวังค์แห่งรัก แล้วหลงรักผมในที่สุด
เพอร์เฟกต์!
ต้องขอบคุณแม่ที่เมื่อวานนั่งดูละครหลังข่าวก่อนนอน ผมที่ลงมากินน้ำแล้วเห็นฉากเบสิกนี้พอดีเลยได้ไอเดียดีๆ อย่าคิดว่ามันเป็นมุกเชยนะคุณ มุกเก่าแบบนี้เสร็จมาแล้วนักต่อนัก
ก็อกๆ ๆ
ปกติเวลาไปบ้านไอ้เนมก็เปิดพรวดเข้าไปไม่ขอหรอก ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะไม่ค่อยมีสติแล้วยังไม่ค่อยมีมารยาทด้วย แต่ต้อนนี้ต้องปรับปรุงตัวไง ต้องเป็นคนดีศรีสยามเพื่อพี่หมอ ขอบอกว่าต่อไปนี้ไอ้ต่ายจะเป็นคนดีเพื่อให้เหมาะสมกับพี่หมอครับ
เอามงมาสวม!
“ครับ”
โอ้โห ออร่าความหล่อความสะอาดของพี่หมอกระแทกตาหนักมาก เป็นการเปิดประตูที่โคตรหล่อ บนโลกใบนี้ไม่มีใครเปิดประตูมาได้หล่อขนาดนี้แล้วล่ะ
“ผมมาตามนัดครับ แล้วนี่ก็ขนม ผมซื้อมาฝาก กับเสื้อผ้าที่ยืมใส่ไปวันก่อน”
“ขอบคุณครับน้องต่าย แต่จริงๆ ไม่ต้องซื้อขนมมาให้บ่อยๆ ก็ได้นะครับ พี่เกรงใจ”
“เกรงใจอะไรล่ะครับ เดี๋ยวก็เป็นแฟนกันแล้ว”
“อะไรนะครับ”
“เอ่อ...หมายถึง กาแฟน่ะครับ เค้กนี้กินกับกาแฟอร่อยม้ากกกก พี่หมอน่าจะชอบ”
อย่างแรกที่ผมควรแก้คือนิสัยปากหุบไม่อยู่ของตัวเองนี่แหละ ชอบหลุดความคิดจิตใต้สำนึกตัวเองออกไปอยู่เรื่อย ความจะแตกก็เพราะอย่างนี้นี่แหละ คราวหน้าพกสก็อตเทปมาแปะปากตัวเองด้วยดีกว่า
“ฮ่ะๆ ขอบคุณอีกทีนะครับ เข้ามาก่อนสิครับ”
อยากจะเข้าไปแล้วอยู่ในนั้นตลอดชาติ โหยยยย ห้องสวยมาก เป็นเหมือนห้องรับแขก แต่งด้วยโทนสีครีมน้ำตาลดูสบายตา ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์แค่โซฟาตัวใหญ่สองตัว ทีวีหน้าจอใหญ่มาก ด้านซ้ายเหมือนจะเป็นห้องน้ำ ส่วนด้านขวาเป็นห้องครัวแบบเปิด สวยอย่างกับห้องในโรงแรม!!
แล้วนั่น!! กลางห้องก็มีสิ่งมีชีวิตสีน้ำตาลอ่อนที่เข้ากับห้องสุดๆอยู่ด้วย
โฮ่งๆๆ!
ใช่ ไอ้คุณข้าวตังนั่นเอง...
ดีนะที่วันนี้มันไม่กระโจนใส่ผม เอ๊ะ!...แต่ลองสังเกตดีๆ แล้วเหมือนจะมีเชือกล่ามอยู่นี่หน่า
“พี่ล่ามไว้น่ะครับ คุณข้าวตังยิ่งชอบน้องต่ายอยู่ด้วย ถ้ากระโจนเข้าหาน้องต่ายอีกพี่กลัวว่าน้องต่ายจะตกใจ”
เหมือนเป็นปีกเทวดาอยู่ด้านหลัง เขาแคร์ผมอะทุกคน! เขาห่วงผม! นี่คือสัญญาณที่ดีที่บอกว่าพี่หมอแซนกำลังหลงเสน่ห์ผม และจะเสร็จผมในไม่ช้า!
“เริ่มเลยไหมครับ”
“ครับ!”
เอาเลยครับ ผมพร้อมจะพลีกายถวายตัวให้พี่หมอแซนแล้ว คัมม่อนเบเบ้
“งั้นเริ่มจากการสั่งให้คุณข้าวตังนั่งลงก่อนละกันนะครับ”
ผมกัดปากจื่อตาค้างกลางอากาศก่อนจะกระแอมไอเบาๆ แล้วค่อยๆ หย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ปากก็ส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่หมอแซนไปด้วย ที่แท้ก็เริ่มทำความสนิทสนมกับคุณข้าวตังนี่เอง
“เอ่อ...ครับ”
ความมั่นใจมั่นหน้าก่อนหน้านี้หายวับไปกับตาเมื่อต้องนั่งจ้องหน้ากับคุณข้าวตัง เริ่มคิดๆ แล้วว่าการพลีชีพตัวเองแบบนี้มันคุ้มกับการได้อยู่ใกล้กับพี่หมอไหมเนี่ย ถ้าไอ้ต่ายคนนี้หัวใจวายตายคาที่ไปจะทำยังไง! ยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ใช้ชีวิตก็ยังไม่คุ้ม ต่ายยังตายไม่ได้นะเว้ย!
“ใจเย็นๆ นะครับน้องต่าย พี่อยู่ข้างๆ เชื่อใจพี่นะครับ”
โอ้โห...
มาเหอะ! ตายก็ยอมล่ะวะงานนี้
ความปอดแหกก่อนหน้านี้หาบวับไปทันทีที่ได้ยินเสียงนุ่มๆ ของว่าที่แฟนในอนาคต ใจผมที่ลอยตามเสียงไปเรียบร้อย พยักหน้าตามอย่างว่าง่าย มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถแล้วจังหวะนี้
“คุณข้าวตังฟังคำสั่งรู้เรื่อง เพียงแค่น้องต่ายต้องตั้งสติดีๆ อย่าทำท่าระแวงหรือกลัวคุณข้าวตัง ยิ่งเราแสดงท่าทีว่ากลัวมากเท่าไหร่ สัญชาตญาณของสุนัขจะยิ่งกระโจนเข้าหาเรา”
ผมพยักหน้าฟังเสียงนุ่มๆ ของพี่หมออย่างมีความสุข พี่หมอแซนหันมาพยักหน้าให้ผมก่อนจะค่อยๆ ลงไปนั่งบนพื้นพรมแล้วตบข้างตัว รออะไรล่ะครับ! ผมนี่แทบจะไหลตัวลงไปนอนกองตรงนั้น
“คำสั่งแรกคือคุณข้าวตังนั่งลง”
“...”
“น้องต่ายครับ?”
“...”
“ฟังพี่อยู่ไหมครับ?”
“ครับ หล่อมากครับ”
“หือ?”
โว้ย! ดวงตาของพี่หมอนี่เหมือนหลุมดำจริงๆ นะ มองทีไรเหมือนถูกดูดเข้าไปเลย ละสายตาไม่ได้ ใจก็เต้นตึกตักตึกตัก โคตรปลุกความแรดในตัวผมเลย อยากจะกระโจนเข้าใส่จนตัวสั่น
“แฮ่ๆ ฟังครับ”
พี่หมอส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ก่อนจะหลุดขำผมนิดหน่อย โอ้โห บังอาจมากที่มายิ้มขำกันแบบนี้!! อยากจะตบลงโทษสักทีสองที...ตบด้วยปากอะนะ
“ถ้าน้องต่ายเห็นคุณข้าวตังวิ่งเข้าใส่ น้องต่ายแค่ชูนิ้วชี้ขึ้นมานิ่งๆ แล้วพูดว่าคุณข้าวตังนั่งลง คุณข้าวตังก็จะนั่งลงครับ”
“หือ? ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ” ผมปรับตัวเองให้มีสติมากขึ้นแล้วเริ่มเรียนรู้อย่างจริงจังก่อนที่จะหลุดปากบอกรักพี่หมอไป ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนจับโยนออกไปนอกคลินิกแน่ๆ
จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ ได้แฟนแถมหายกลัวหมาอีก โอ้โห! ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย โคตรฉลาด โคตรคูลเลยไอ้ต่าย
“ครับ คุณข้าวตังเป็นเด็กดี”
“เด็กดีของพี่หมอกระโจนเข้าหาผมทุกครั้ง แถมยังชอบเห่าผมอีก” ผมบุ้ยปากมองคุณข้าวตังที่นั่งกระดิกหากแลบลิ้นหอบแฮ่กๆ เตรียมกระโจนใส่ผมอยู่ตรงหน้า เนี่ย! ถ้าไม่มีเชือกล่ามไว้ตอนนี้คุณข้าวตังคนกระโจนมานั่งตักผมแล้ว แล้วผมน่ะเหรอ ช็อกน้ำลายฟูมปากตายอยู่คาพรมนี่ไง!
“คุณข้าวตังแค่ดีใจน่ะครับ”
“ฮ่ะๆ เป็นวิธีการดีใจที่รุนแรงดีนะครับ”
“สัญชาตญาณน่ะครับ เวลาน้องต่ายเจอใครสักคนไม่เคยมีความรู้สึกอยากเข้าไปกอดหรือเข้าใกล้เหรอครับ”
โอ้โห...พี่หมอนี่ไงครับ แทบจะห้ามความหื่นในตัวเองไม่อยู่แล้วเนี่ย! แต่ด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ที่สร้างมาทั้งหมด ไอ้ต่ายคนนี้จึงกัดปากอมยิ้มหน่อยๆ แล้วส่ายหัวเขินๆ
“ไม่ครับ”
“แต่พี่เคยนะครับ”
หือ! ใคร! ใครหน้าไหนที่พี่หมออยากกอด อยากเข้าใกล้!
ผมเงยหน้ามองพี่หมอขวับ ดวงตาอ่อนโยนมองผมก่อนจะส่งรอยยิ้มละมุนละไมยิ่งกว่าสายไหมแสนอร่อยมาให้ ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ขอเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าพี่หมอหมายถึงผม
“พี่หมายถึงคุณข้าวตังน่ะครับ”
เพล้ง! หน้าแตกยับเยิน แต่ไม่เป็นไรครับ ผมเองครับ! ผมชื่อข้าวตัง! โฮ่งๆ!
“ฮ่ะๆ น้องต่ายทำหน้าตลกอีกแล้ว” พี่หมอหลุดขำออกมานิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหาคุณข้าวตัง ปลดสายเชือกที่ล่ามไว้ออกแต่จับปลอกคอคุณข้าวตังไว้แน่น “เริ่มเลยนะครับ”
ห้ะ! เริ่มเลยเหรอครับ
หูตาเหลือกสิครับรออะไร ไอ้ต่ายยังไม่พร้อม ไม่ได้เตรียมตัวมาเลย รู้งี้ก่อนออกจากบ้านขอยืมพระของแม่ห้อยคอมาดีกว่า มาตัวเปล่ารู้สึกไม่ปลอดภัยเลย
“เชื่อใจพี่นะครับ”
เนี่ย! ก็มาพูดด้วยเสียงอย่างนี้ ใครมันจะไม่ยอมล่ะ!
“ครับ”
เสียงอ่อยเชียวนะกู แรดได้โล่จริงๆ
“พี่จะทำให้ดูก่อนนะครับ” พี่หมอว่าแล้วก็หันไปมองคุณข้าวตังที่ลุกขึ้นยืนกระดิกหางมองผมด้วยสายตาระยิบระยับ บางทีผมก็สงสัยนะว่าในสายตาคุณข้าวตังอาจจะไม่ได้เห็นผมเป็นคนหรือเปล่า อาจจะเห็นเป็นน่องไก่หรืออาหารเม็ดอะไรแบบนี้ เห็นหน้าผมกี่ครั้งก็อยากจะกระโจนเข้าใส่อยู่เรื่อย
“คุณข้าวตังนั่งลงครับ”
โอ้โห...เป็นการสั่งหมาที่โคตรสุภาพ ขนาดผมเป็นคนที่มีชื่อว่าต่ายยังอยากจะนั่งลงด้วยความเรียบร้อย แถมแลบลิ้นและยกมือให้ข้างหนึ่งด้วยเอ้า!
“เห็นไหมครับ คุณข้าวตังนั่งลงแล้ว”
ผมพยักหน้าให้พี่หมอ มองคุณข้าวตังที่นั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่ข้างๆ พี่หมอ แววตาระยิบระยับมองมาที่ผม หางกระดิกไปมา เดาได้เลยว่าถ้าพี่หมอไม่จับเชือกไว้ไอ้คุณข้าวตังกระโจนมาแน่
“เชื่อพี่นะครับ พี่จะไม่ทำให้น้องต่ายตกใจแน่นอน”
น่ะ! แล้วก็พยักหน้าเชื่อฟังเขาอย่างง่ายดาย
พี่หมอกระตุกเชือกเบาๆ ทำให้คุณข้าวตังลุกขึ้นยืน คุณข้าวตังเดินมาอยู่ตรงหน้าผมแต่เพราะพี่หมอจับเชือกไว้เลยเข้ามาไม่ถึงตัว แต่แค่นี้ผมก็ตัวสั่นไปหมดแล้ววว สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกในตอนนี้ไม่ใช่การกระโดดขึ้นที่สูงอย่างที่เคยทำ แต่เป็นการกลั้นฉี่ตัวเองไว้!
เกิดฉี่ราดอีกรอบนี่จบเลยนะ แถมนี่ยังนั่งอยู่บนพรมด้วย ล้างไม่ได้นะครับ ซื้อใหม่อย่างเดียว...แล้วดูท่าจะแพงด้วยนี่สิ หมดตัวกันพอดีครอบครัวผม
เอ...หรือว่าผมควรฉี่ไปเลยดี แล้วแบบค่อยหาเงินมาผ่อนพี่หมอเป็นอาทิตย์ๆ ไป เหมือนในละครหลังข่าวไง ที่นางเอกทำของราคาแพงของพระเอกพังแล้วติดหนี้ ต้องทำงานหาเงินผ่อนใช้ทุกเดือนๆ สุดท้ายได้กัน
หน้าแม่ลอยมา...
แต่ก่อนได้จะกัน ต่ายน่าจะได้ไม้เรียวก่อนแน่ๆ แม่น่าจะหวดไอ้ต่ายจนตูดลายไปสามวันแปดวัน ขนาดใส่เสื้อแพงๆ ของพี่หมอกลับไปแม่ยังช็อกมือกำไม้เรียวแน่นเลย ถ้าไอ้ต่ายทำพรมชุ่มไปด้วยฉี่อีกรอบแม่คงฟาดต่ายและทำบายศรีตั้งขบวนตั้งแต่หน้าบ้านเดินมาขอขมาพี่หมอถึงคลินิกแล้วล่ะ
เพราะงั้นต่ายไม่เสี่ยงดีกว่า
โฮ่งๆๆ
“แว้กกก!! คุณข้าวตังนั่งลง ๆๆๆๆๆ! ฮือออ” ผมกระโจนขึ้นโซฟาหน้าแทบทิ่มลงไปจิ่มกับพรมข้างล่าง มือขวากระตุกขึ้นมาชูนิ้วสั่ง นั่งเกร็งหลับหูหลับตาสั่งตามที่พี่หมอเคยสอน น้ำตานี่ปริ่มๆ จะไหลแหล่ไม่ไหลแหล่
ยังไม่ทันตั้งตัวเลย!
“เก่งมากครับ”
หือ?
คุณข้าวตังนั่งจริงด้วยอะ! นั่งแบบเรียบร้อยมาก มีเพียงหางที่กระดิกไปมากับดวงตาดีใจที่มองมาที่ผม นอกจากนั้นก็สงบสุดๆ
“ผม...ผมทำได้” มือปาดน้ำตาที่หางตาออกก่อนจะยิ้มดีใจออกมา “คุณข้าวตังนั่งเลย” คุณข้าวตังที่ยังนั่งอยู่กับที่เอียงคอมองผม คงสงสัยว่าทำไมไอ้เด็กนี่ทำหน้าประหลาดแบบนี้แน่ๆ
ก็ผมดีใจอะ! เกิดมาจนอายุสิบแปด เคยสื่อสารกับหมารู้เรื่องที่ไหน วันๆ ดีแต่วิ่งหนีหมา ไม่ก็โดนหมาวิ่งไล่ ไม่รู้ว่าตัวผมมีกลิ่นอะไรอยู่หรือไงหมาถึงชอบเข้ามาใกล้จัง แต่วันนี้...วันนี้ผมสั่งหมาให้นั่งลงได้อะทุกคน
โอ้โห...ปลื้มปริ่มกับความเก่งของตัวเองจริงๆ
โฮ่งๆๆ!
ในขณะที่ผมกำลังดีใจที่สั่งหมาได้อยู่ คุณข้าวตังก็ฉวยโอกาสนั้นลุกขึ้นแล้วควบตัวเองมาหาผม ผมลืมตาโพลงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ภาพความทรงจำในวัยเด็กไหลกลับมาเข้าอย่างกับกดรีเพลย์ซ้ำ แต่ก่อนที่คุณข้าวตังจะกระโจนขึ้นมาบนโซฟา พี่หมอก็กระตุกเชือกแล้วสั่งเสียงเข้มขึ้นมาเสียก่อน
“นั่งลงครับคุณข้าวตัง ห้ามดื้อ ห้ามทำให้น้องต่ายตกใจสิครับ”
ไม่ทันแล้วครับ ผมนี่นั่งสั่นน้ำตาไหลพรากๆ เลย ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ฉี่ราด ดีนะที่เมื่อเช้าไม่ได้กินน้ำมาเยอะ ไม่งั้นป่านนี้แม่ต้องควักเงินจ่ายค่าโซฟาตัวใหม่ให้พี่หมอแน่ๆ
“ไม่เป็นไรนะครับน้องต่าย” พี่หมอพูดแล้วขยับมานั่งบนโซฟาข้างๆ ผม ส่งยิ้มอบอุ่นยิ่งกว่าเตาผิงในฤดูหนาวมาให้ ผมชะงักค้างกลางอากาศ น้ำตาหยุดไหลทันที ความกลัวและตกใจก่อนหน้านี้ที่ทำให้ผมน้ำตาไหลหายวับไปกับตา แต่ไม่ได้! จะหายกลัวง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้โว้ย!!
“ฮือออ ผมตกใจหมดเลยครับพี่หมอ”
อกพี่หมออุ่นมาก หอมมาก อื้อหือออ อยากจะซุกแบบนี้ทั้งวัน ผมขยับตัวเข้าไปในอ้อมกอดพี่หมอ โอบมือไปรอบเอวแล้วรัดไว้แน่น กันพี่หมอสะบัดหลุด หลับตาปี๋สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกักตุนกลิ่นหอมไว้ในปอดให้ได้มากที่สุด
“เอ่อ...”
พี่หมอตัวแข็งไปเลย เขินไอ้ต่ายแน่ๆ
“เอ่อน้องต่ายครับ...ปล่อยพี่ก่อนนะครับ”
“ไม่เอา ผมกลัว” ต่ายหอม ต่ายอุ่น ต่ายชอบบบบบ
“พี่จะหายใจไม่ออกอยู่แล้วครับ”
อ้าวฉิบหาย! เกือบฆ่าว่าที่แฟนในอนาคตแล้วไหมล่ะกู ผมรีบปล่อยพี่หมอก่อนจะส่งยิ้มให้ “ขอโทษครับ ผมตกใจมากไปหน่อย”
“ฮ่ะๆ ไม่เป็นไรครับ น่ารักดี”
น่ารัก!
ต่ายโดนชมว่าน่ารักอะทุกคน! ปกตินี่รับไม่ได้กับคำว่าน่ารักนะ ไอ้ต่ายนี่ต้องหล่อต้องเท่เท่านั้นโว้ย แต่ทำไมเวลาพี่หมอชมแล้วยิ้มแบบนั้นต่ายถึงเขินนะ
“ขอโทษที่ไม่จับคุณข้าวตังให้ดีๆ นะครับ ทำให้น้องต่ายตกใจเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” ต่ายยินดีตกใจถ้าจะได้กอดพี่หมอบ่อยๆ
“แต่น้องต่ายเก่งมากที่สั่งคุณข้าวตังได้ เก่งที่สุดเลยครับ” มือใหญ่วางลงบนหัวของผมเบาๆ วางไว้เฉยๆ ไม่ได้ขยับไปมา มีเพียงแค่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านฝ่ามือมาเท่านั้น แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกร้อนแปลกๆ บนใบหน้า
“ชอบจังเลยครับ...”
“หือ?”
เวรแล้ว! หลุดปาก! โอ๊ย! ไอ้กระต่ายโง่! ผมรีบตะครุบปากตัวเองก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาทางเอาตัวรอด ส่งสายตาไปหาคุณข้าวตังว่าให้ช่วยกันหน่อยแต่คุณข้าวตังกลับนั่งเรียบร้อยไม่ส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
หน็อย! ทีจะให้เห่าล่ะไม่เห่านะ ไม่ช่วยกันเลย! งอนคุณข้าวตังแล้ว
“ชอบให้พี่ลูบหัวเหรอครับ?”
“เอ่อ...ครับ แฮ่ๆ” เอาวะ อย่างน้อยให้พี่หมอแซนเข้าใจแบบนี้ก็น่าจะดีกว่า
“อืม...” พี่หมอแซนยกมืออีกค้างมาเท้าคาง ส่งแววตาระยิบระยับมาให้พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมใจเต้นรุนแรงมาก “งั้นถ้าน้องต่ายน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่ซน” มือที่วางลงบนหัวของผมขยับไปมาเบาๆ “พี่จะลูบหัวน้องต่ายบ่อยๆ โอเคไหมครับ”
วินาทีนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนสไนเปอร์ของพี่หมอแซนยิงจากที่ไกลๆ โดยไม่ทันตั้งตัว เพิ่งเข้าใจว่าที่สาวๆ ในห้องพูดกันว่าฟินอย่างนู้นฟินอย่างนี้มันเป็นยังไง
ฟินโว้ย!
“เข้าใจครับ! ต่ายจะน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่ซน พี่หมอสั่งให้ทำอะไรต่ายจะทำหมดเลยครับ!”
“คนเก่งของพี่”
ของพี่!!
ตู้ม!
ลาก่อนครับทุกคน ต่ายระเบิดตัวตายไปแล้ว