ใบหน้าหล่ออมยิ้มราวพบเรื่องถูกใจ รู้ว่าแม่ต้องการสะใภ้ แต่เขาจะไม่จนมุม
“ไม่ยอมดอกครับ นอกจากว่าผมจะถูกใจหล่อน และหล่อนก็ถูกใจผมด้วย แต่ผมเห็นด้วยนะครับหากคุณป้าจะนัดแนะคุณหนูให้มาพบกับผมในงานฤดูหนาว เพราะไม่ว่าผมจะพึงใจหล่อนหรือว่าหล่อนพึงใจผม ก็จะไม่เป็นข้อครหาทางฝ่ายหญิง ลางทีทั้งผมและหล่อนอาจพบคนที่ถูกใจในงานก็ย่อมได้”
แม่ส้มจีนหันไปยิ้มให้คุณหญิงชบา เพราะเรื่องราวมีเค้าว่าจะไปได้ดี แต่ก็ยังแยบถาม “แล้วมีคุณหนูเรือนไหนที่คุณพระนายถูกใจไหมล่ะจ๊ะ ป้าจะได้ไปลองเทียบเคียงดู”
“คุณป้าคงจะเหนื่อยทีเดียวครับ เพราะผมถูกใจทุกคนที่เข้าใกล้ ถ้าเรียกยืนเรียงแถวได้คงยาวขนาบทางรถไฟตั้งแต่พระนครยันแปดริ้วโน่นล่ะครับ”
คนหนุ่มพูดไปยิ้มไป เพราะใจประหวัดไปถึงเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นแล้ว ทว่าคนสูงวัยได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
คุณหญิงชบาและแม่ส้มจีนมองตามเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ขอตัวเข้าไปในบ้าน เพื่อผู้ใหญ่จะได้พูดคุยธุระกันได้ตามสบาย
“เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณพี่ แล้วจะไม่ให้ฉันห่วงได้อย่างไรกัน พ่อทองเจ้าชู้เหลือเกิน” คุณหญิงชบาพูดเสียงเนือยพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“แต่ฉันไม่คิดอย่างคุณหญิงนะคะ”
“อ้าว... ทำไมเล่าคะคุณพี่ แล้วคุณพี่คิดอย่างไร”
“ก็คราแรกที่ได้ฟังคุณหญิงเล่ากับกิตติศัพท์ที่ฉันได้รู้มาบ้าง ฉันก็ว่าคุณพระนายทองคงจะเจ้าชู้ประตูดินจริงอย่างที่คนเขาร่ำลือ แต่พอมาเจอตัว ฉันว่าไม่นะคะ”
“ไม่อย่างไรคะคุณพี่”
“ก็แหม... คุณหญิงคะ ผู้ชายเจ้าชู้ที่ไหนเล่าคะ จะออกตัวว่าเจ้าชู้ แบบคุณพระนายเนี่ยไม่เรียกว่าเจ้าชู้ดอกค่ะ ต้องเรียกว่ายังไม่เจอคนที่ใช่มากกว่า”
“คนที่ใช่...”
“ค่ะ คนที่ใช่ คนที่อยากให้เป็นแม่ของลูก ดูไปแล้วคุณพระนายก็ถอดแบบท่านเจ้าคุณมาไม่ผิดเพี้ยนเลยนะคะ ผู้ชายแบบนี้ คุณหญิงน่าจะทราบว่ารักลูกรักเมียแค่ไหน”
คุณหญิงชบาสีหน้าดีขึ้นเมื่อนึกถึงท่านเจ้าคุณผู้เป็นสามีเมื่อครั้งแรกที่พบหน้า ในยามนั้นหล่อนไม่ปลงรักด้วยโดยง่าย เพราะท่านเองก็มีกิตติศัพท์เรื่องเจ้าชู้ไม่เบา แต่เมื่อพานพบกันหลายครั้ง คุณหญิงจึงรู้ว่าไม่ใช่ เป็นตามคำที่แม่ส้มจีนพูดทุกอย่าง ‘แค่ยังไม่พบคนที่ใช่’ ท่านเจ้าคุณครานั้นด้วยรูปหล่ออัธยาศัยดีจึงทำให้ดูเป็นชายเจ้าชู้ประตูดินไปเสีย
“แต่ฉันก็ยังไม่วางใจดอกค่ะคุณพี่ จนกว่าพ่อทองจะพบคนที่ใช่ คุณพี่ช่วยฉันด้วยนะคะ พ่อทองเปิดช่องให้แล้ว จะต้องมีคุณหนูสักเรือนสิคะที่พ่อทองจะปลงใจ”
“อย่างนั้นสัปดาห์หน้าฉันจะมาแจ้งข่าวนะคะ วันพรุ่งต้องไปแปดริ้ว กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน”
“ฝากความคิดถึงถึงแม่สายพิณด้วยนะคะ ลูกๆ คงโตกันหมดแล้ว”
“ลูกชายทั้งสี่คนน่ะโตเอาการเอางานแยกโรงสีจากเถ้าแก่ไปหมดแล้วค่ะ จะเหลือก็แค่แม่คนเล็กที่โตแต่ตัว”
“แม่สายพิณมีลูกสาวด้วยหรือคะ ฉันคิดว่ามีแค่ลูกชายสี่คนเสียอีก”
“มีค่ะ ลูกหลง ห่างจากลูกชายคนเล็กเป็นสิบปี เถ้าแก่ก็เลยทั้งรักทั้งหลง และที่ฉันต้องลงไปแปดริ้ว ก็เพราะแม่สายพิณส่งโทรเลขให้ลงไปรับลูกสาวหล่อนมาอยู่ด้วย”
“ด่วนถึงขนาดต้องส่งโทรเลขเชียวหรือคะ”
“ด่วนสิคะ กระโดกกระเดกเป็นม้าดีดกะโหลก แม่สายพิณทานไม่ไหวแล้วค่ะ เถ้าแก่ลิ้มก็ตามใจลูกสาวเหลือเกิน นี่เกริ่นไว้จะให้นำไปฝากรับใช้เจ้านาย แต่ในยามนี้จะมีวังไหนที่รับนางข้าหลวงเล่าคะ ฉันก็ได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ คงต้องพามาอยู่ด้วยกันก่อน แล้วค่อยคิดอ่านอีกทีน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าแม่ลูกจันทร์จะฤทธิ์มากเพียงไหน”
“ชื่อลูกจันทร์หรือคะ ชื่อไพเราะนัก”
“ชื่อไพเราะ หน้าตาก็จิ้มลิ้มพริ้มเพราค่ะ แถมยังเก่งงานค้าตามเถ้าแก่ แต่แม่สายพิณไม่ชอบดอกนะคะ กิริยากระโดกกระเดกเกินงามไปมากเยี่ยงนี้ คงหาคนดีๆ มาแต่งด้วยยาก”
โรงสีข้าวเถ้าแก่ลิ้ม
“อัดเช้ย!”
เสียงจามหลายครั้งทำให้ดวงตาคมเข้มยาวรีตวัดมองคนร่างเล็กที่ยืนแจกไม้ติ้วให้จับกังแบกข้าวสารขึ้นเรือ ก่อนจะก้มหน้าจัดการกับบัญชีขายข้าวประจำเดือนต่อ ทว่าเสียงจามก็ดังต่อเนื่องจน ‘เก้า’ อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองอีกครั้ง
ดวงตาคมเข้มมีแววอ่อนแสงยามลอบมอง ‘คุณหนูลูกจันทร์’ หญิงสาวผู้เปรียบดั่งดวงจันทร์ที่เขาไม่มีวันเอื้อมถึง ทำได้แต่แอบมองยามคุณหนูเผลอไผลหรือในยามที่ไม่มีใครสังเกตเท่านั้น
ใบหน้าจิ้มลิ้มเปลี่ยนเป็นหน้ามุ่ย พลางขยี้นิ้วที่ปลายจมูกก่อนจะจามติดๆ อีกหลายครั้ง แต่ดวงตากลมโตสุกสกาวดุจดาวบนฟ้าก็ยังคงมองคนงานแบกข้าวสารเดินขึ้นกระดานที่ไม้พาดลงเรือ เพื่อไม่ให้พลาดหากจะมีใครสักคนที่ลืมมารับไม้ติ้ว เพราะหากเป็นเช่นนั้นจับกังคนนั้นก็จะได้ค่าแรงไม่คุ้มกับหยาดเหงื่อที่สูญเสียไป
เพราะถูกสอนให้มีความเป็นธรรมและซื่อสัตย์ต่ออาชีพที่ทำ คุณหนูจึงต้องถี่ถ้วนในการตรวจตรา ทั้งเพื่อกิจการและเพื่อคนงาน ด้วยหากคนงานกินไม่อิ่มอยู่ไม่สุข กิจการงานโรงสีก็คงกินอิ่มและสุขยาก