ตอนที่ 2
“เธอหลงทางรึไง” น้ำเสียงของเขาดุดัน
“ขอโทษค่ะ” ปริญดาเสียงสั่น
“เร็วเข้าสิ” พูดเสร็จดรัณก็ผลักประตูกว้างเพื่อให้เธอเดินเข้าไปยังห้องของเขา นี่เขากลัวเธอหนีถึงกับต้องย้ายมานอนยังห้องตรงข้ามกับเธอเลยหรือไง หญิงสาวรีบพาร่างบาง ๆ ของตัวเอง เคลื่อนสู่บริเวณห้องนอนของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะโมโห
ปริญดาต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยฐานะ ‘ผู้หญิงคนหนึ่ง’ ของดรัณ เป็นนกในกรงทองอยากได้อะไรก็บอกเขา ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องทำอะไรอื่นนอกจาก...หน้าที่ของตัวเอง ครบสัญญาห้าเดือนเมื่อไหร่เขาจึงจะปล่อยเธอไป เพราะแม่เลี้ยงของเธอนั้นรับเงินไปแล้ว
ส่วนหนี้สินถ้าระหว่างนี้เธอสามารถทำให้เขาพอใจ เขาก็จะยกหนี้ให้ หรือถ้าเขายังไม่พอใจ เธอก็ต้องอยู่ชดใช้จนหมดซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ และเขาจะเป็นผู้กำหนดเองแต่เพียงผู้เดียว
“หนี้ที่ครอบครัวฉันติดพ่อคุณ ฉันจะขอชดใช้ให้ถ้าครบห้าเดือนแล้ว คุณช่วยกรุณาปล่อยฉันไปได้ไหม ฉันจะไปทำงานหาเงินมาคืนคุณเอง”
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า เธอได้ใช้หนี้ฉันอยู่แล้วโดยไม่ต้องไปหางานทำที่ไหน...สาวน้อย” ดรัณยิ้มที่มุมปาก แววตาลุกวาวจ้องมาที่ชุดนอนของเธอที่แนบเนื้อ
ดรัณลูกชายของเสี่ยสมยศ ยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นนางบำเรอของเขาแค่ห้าเดือนเพื่อแลกกับเงินที่แม่เลี้ยงเธอรับจากเขาไป แล้วเขาก็สัญญาจะคืนหนี้ของครอบครัวเธอให้ทั้งหมดหากเธอไม่ขัดขืนและยอมเป็นของเขาแต่โดยดี
ปรินดาจึงจำใจไม่อยากทำก็ต้องทำ ตอนแรกแม่เลี้ยงของเธอเสนอปรินดาให้กับเสี่ยสมยศ แต่ว่าตอนนี้เสี่ยนอนเป็นผักไปเสียแล้ว แม่เลี้ยงเจ้าเล่ห์คิดได้จึงหาวิธีขายเธอให้กับลูกชายของเสี่ยอีกครั้ง
ตอนแรกปรินดาตั้งใจจะไปขายตัวแทนการไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยสมยศ เธอได้คุยกับวิภาดาเพื่อนของเธอที่ทำอาชีพนี้อยู่ แต่ว่าเธอยังไม่ได้ไปเริ่มงาน และดรัณลูกชายของเสี่ยก็โทรตามเพื่อให้มาเซ็นต์สัญญาเงินกู้ฉบับใหม่นี้เสียก่อน ซึ่งเธอไม่รู้มาก่อนว่าเป็นแผนการของแม่เลี้ยงที่จะให้ดรัณเคลมเธอ
ดรัณเอนตัวลงบนเตียงนอนขนาดใหญ่ของตัวเองมองปริญดาที่ยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ที่ปลายเตียง
“เธอ...มีชื่อเล่นมั้ย”
“มีค่ะ”
“ชื่อว่าอะไร”
“แก้มค่ะ”
“อืมห์...ชื่อน่ารักซะด้วย มานั่งใกล้ ๆ ฉันสิ..แก้ม” ปริญดากลืนน้ำลายลงคอ
“ยังไม่เคยรึไง” หญิงสาวบีบมือตัวเองเบา ๆ รวบรวมกำลังใจ สาวเท้าเดินมานั่งตรงขอบเตียง ดรัณจึงดึงร่างบาง ๆ ของเธอเข้ามาใกล้ ใช้นิ้วสางผมดำสวยของเธออย่างเบามือ
“วันนี้ฉันยังไม่พร้อม ขอผัดไปก่อนได้มั้ยคะ”
“เธอจะพร้อมวันไหนล่ะ ไม่ว่าวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ เธอก็ต้องเป็นผู้หญิงของฉันอยู่ดี อย่าคิดมากเลย”
“ฉันขอเถอะค่ะ ไว้พร้อมแล้วฉันจะบอกนะคะ”
“ถอดออก” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ปรินดาสะดุ้งทันทีที่ได้ยิน ด้วยน้ำเสียงที่มีพลังทำให้หญิงสาวไม่กล้าต่อรองอะไรอีก เธอรีบตั้งสติสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายว่าจะต้องทำงานนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย แข้งขาของเธอสั่นจนแทบจะก้าวขาเดินไม่ไหว
ปริญดาหน้าเป็นสีจัดแต่ก็จัดแจงถอดเสื้อคลุมออกตามที่เขาสั่งเอากองไว้กับพื้นแล้วเริ่มปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มซ่อนรูปใต้บราเซียลายลูกไม้สีคราม ดรัณกระตุกมุมปาก จับมือนิ่มของเธอไว้แล้วแกะที่เหลือช้า ๆ ด้วยตัวเอง เขาฉุดดึงชุดนอนลงไปยังพื้น เผยให้เห็นไหล่เนียน และสะโพกกลมกลึง ผิวเนียนเรียบ หน้าท้องแบนราบ เขาโน้มตัวหญิงสาวเข้ามาใกล้
ร่างสูงของชายหนุ่มตอนนี้ได้ถอดเสื้อนอกออกแล้ว เหลือแต่เสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมลงหลายเม็ด โชว์แผงอกกว้างล่ำสันและไรขนอ่อนแสนเซ็กซี่ หันมามองร่างบางที่มีบราเซียร์และแพนตี้สีม่วงลายลูกไม้ที่รัดติ้วไปทั้งเนินเนื้อ ยิ่งได้ยลโฉมเธอใกล้ ๆ แบบนี้ เขายิ่งปรารถนาเธอมากขึ้น
‘แก้ม..เธอสวยมาก ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ’
ใบหน้าหวานรูปไข่ ดวงตากลมโตที่ฉายแววหวาดกลัวออกมาให้เห็นได้ชัดนั้นมองมาที่ชายหนุ่มเขม็ง เรือนร่างของเธอดุจนาฬิกาทรายช่างงดงามและชวนให้อยากลิ้มลอง
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาหญิงสาวช้า ๆ ก่อนจะเชยคางมนขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกายวาวอย่างถูกใจในความงามที่แสนเปราะบางราวแก้วเจียระไนสวยสดงดงามและหาค่าเปรียบมิได้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มนั้นเผยอออกทันทีที่สาวน้อยเงยหน้าขึ้นสบตาสีของเขาอย่างหวาดหวั่น ดรัณรู้สึกได้ถึงร่างบางที่กำลังสั่นอยู่
“อย่ากลัวไปเลย ฉันจะทำให้เธอมีความสุข” ดรัณรีบประกบริมฝีปากเขาลงไปที่ริมฝีปากเธอทันที แต่ระหว่างนั้นหญิงสาวไม่ยอมเปิดปากเลย ดรัณจึงต้องเอ่ยขึ้นเพื่อให้เธอเป็นคนเริ่มเอง
“ไหนเธอลองจูบฉันบ้างสิ..ทำเป็นมั้ย?” ปริญดาเลื่อนริมฝีปากบางเข้าไปใกล้ริมฝีปากของเขาแล้วบรรจงจูบอย่างแผ่วเบา ไม่กล้ารุกล้ำ ดรัณจึงเป็นฝ่ายรุกเสียเอง เขาพลิกตัวปริญดาให้อยู่ใต้ร่างก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากลงไปอย่างรุนแรงแต่อ่อนนุ่ม ปริญดาเผยอปากรับลิ้นของเขา
“จูบฉันให้ทั่วทั้งตัวสิ..” วงหน้างามผุดผาดก้มซุกปาดไล้ริมฝีปาก สัมผัสแผงอกแกร่งกํายําท่าทีเงอะงะ มือนุ่มบีบคลึงเปะปะประสา คนไม่เคยแม้แต่ ‘จูบ’
“แก้ม...เธอไม่เคยจูบเหรอ??” ท่าทางของเธอทำให้เขาต้องเอ่ยถาม
“ถ้าฉันบอกคุณว่า ใช่ คุณจะเชื่อหรือเปล่า”
“ตอนนี้ยังไม่เชื่อ ต้องพิสูจน์” จบประโยคปลายจมูกโด่ง และกลีบปากหนาหนวดเครารุงรังก็ก้มซุกไซ้ซอกคอ เนินอก ก่อนจะวกวนเวียนจูบไล้แก้มเนียนนุ่มหอมกรุ่น
แปลก... เขากลับรู้สึกอยากสั่งสอนหญิงสาวตรงหน้า ด้วยวิธีป่าเถื่อนในแบบของเขา แต่ก็ทำไม่ลง ‘เพราะอะไรกัน’
ดรัณลูบหลังเนียนของเธอเบา ๆ ลูบจนไปถึงสะโพกแล้วเลื่อนกลับขึ้นมาปลดตะขอบราเซียและกระตุกออกอย่างง่ายดายด้วยความชำนาญ เขาปลดแพนตี้ของปริญดาและเสื้อกางเกงของตัวเองออกจนหมด จากนั้นจึงเริ่มบรรเลงเพลงรักที่เร่าร้อนรุนแรง
ชายหนุ่มลูบต้นขาของหญิงสาวเบา ๆ ก่อนดึงให้แยกออกจากกัน กดแทรกรสรักลงไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน เขาถอนริมฝีปากออกจากกายสาวแล้วเลื่อนไปตามซอกคอปลุกอารมณ์ให้ประสานไปกับสะโพกเริ่มที่จะขยับเป็นจังหวะเบา ๆ ทำอยู่อย่างนั้นและเริ่มรุนแรงขึ้น ๆ ปรินดาก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จนดรัณต้องหยุดกิจกรรมดังกล่าว
“อื้อ!.. จะ เจ็บค่ะ เบา ๆ อื้ย!!” เขาหยุดสะโพกเพราะว่าภายในที่คับแคบของหญิงสาว เขาพลางนึกถึงนี่เขาเป็นคนแรกของเธอหรือเปล่า ดรัณถอดถอนความเป็นชายออกมาจากส่วนนั้นของเธอ
“แก้ม เธอ...อย่าบอกนะว่า...” เขาบอก แล้วกดริมฝีปากลงจุมพิตริมฝีปากนุ่มนิ่มและหวานล้ำทันที ปรินดาผงะไปนิด มือบางยกขึ้นยันอกกว้างทันที ใบหน้างามเบี่ยงหนีริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่จุมพิตเธออย่างเอาเป็นเอาตาย
“นี่...แก้ม เธออย่าทำให้ฉันคิดว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์ที่ต้องการจะขึ้นค่าตัวหน่อยเลย เพราะเธอไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอก ในเมื่อฉันเพิ่งจ่ายก้อนโตให้แม่เธอไป เพราะฉันถูกใจเธอ” ดรัณรีบบอก ก่อนก้มลงปิดปากนุ่มอีกครั้ง ปลายลิ้นสากร้อนสอดเข้าไปในโพรงปากนุ่ม เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นนุ่มน่ารัก ๆ ของหญิงสาวอย่างหิวกระหาย
ความหวานที่ได้รับยิ่งทำให้ดรัณหลงใหล แม้ตัวเขาเองยังไม่อยากเชื่อเลย ผู้ชายมากประสบการณ์อย่างเขาผ่านผู้หญิงมานักต่อนัก หรือแม้แต่สาวพรหมจรรย์ ดรัณก็ล่าพรหมจรรย์จากพวกเธอมาก็มาก แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อน
ความรู้สึกต่อต้านในคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความซาบซ่านรัญจวน ปรินดารู้สึกคล้ายตัวเองกำลังจะหน้ามืดเพราะฤทธิ์จูบจากเขา มือบางต้องยกขึ้นโอบรอบลำคอแข็งแรงเอาไว้เพื่อพยุงตัว เพราะเธอกลัวว่าจะล้มพับไปเสียก่อน ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ได้รับแม้จะไม่อ่อนโยนเท่าที่ควร เพราะเขาคิดว่าเธอไม่ใช่สาวพรหมจรรย์ เรียกเลือดในกายของสาวน้อยให้เดือดพล่าน จนร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัว
ดรัณเกาะกุมทรวงอกอวบใหญ่ที่เต็มมือเหมาะเจาะ ราวกับพระเจ้าสร้างเธอขึ้นมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ มือหนาบีบเคล้นเบา ๆ สลับกับหนักหน่วง
หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองลอยอยู่ในน้ำ เวลาที่ร่างใหญ่ขยับหรือแม้แต่ตัวเธอเองขยับกาย พื้นเตียงก็ยวบเป็นระลอกคลื่นเด้งดึ๋งไปมา แต่ปรินดามีเวลาคิดถึงเตียงนุ่มนี้ได้ไม่นานนัก สมองของเธอก็เริ่มเบลอไปหมด เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวดูดกลืนยอดทรวงสีชมพูที่แข็งเป็นไตชูชันเข้าปาก ชายหนุ่มดูดเม้ม ขบย้ำ จนเธอแอ่นร่างเข้าหาอย่างลืมตัว เพราะไฟพิศวาสที่แผดเผาจนมอดไหม้
มือหนาดึงรั้งร่างบางคลุกเคล้าไปทั่วร่างงามอย่างหลงใหล ริมฝีปากร้อน ๆ แนบไปกับทุกสัดส่วน ผิวเนื้อเนียนนุ่มเย็นเฉียบราวแพรเนื้อดีตอนนี้กลับร้อนระอุราวจับไข้
ปรินดาเคลิ้มกับรสสัมผัสของเขาจนรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเรียวลิ้นร้อนสากแตะแต้มเข้ากับกลีบกุหลาบสาวของเธอที่ยังไม่มีหมู่ภมรได้เชยชมเลยสักครั้ง และภมรหนุ่มที่กำลังจะเชยชมเธออยู่นี้ ก็ไม่รู้ตัวเลยว่าจะได้เป็นภมรตัวแรก และอาจจะเป็นตัวเดียวที่เธอให้เชยชม ร่างบางแอ่นหยัดโค้งตัวขึ้นดุจคันศร เพียงปลายลิ้นสัมผัสตวัดกวัดแกว่งไม่นาน น้ำหวานก็ซึมออกมาให้ภมรได้ลิ้มลอง
ดรัณยันตัวขึ้นเข้าหาร่างบางอีกครั้ง กดคลึงสัดส่วนความเป็นชายกับกลีบกุหลาบดอกงาม ก่อนจะกดเข้าไปช้า ๆ
“อร๋าย...โอ๊ย!” ปรินดากรีดร้องออกมาทันทีด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง ร่างบางเจ็บร้าวราวกับกำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ น้ำตาใส ๆ ไหลออกมาทางหางตาทันที
ดรัณเองก็ชะงักค้างอีกครั้ง หญิงสาวที่เขาคิดว่าเธอร้อนแรงเพราะมีอารมณ์ร่วมกับเขาแล้ว แต่เขาคิดผิด ร่างบางใต้ร่างของเขาเป็นสาวพรหมจรรย์อย่างแท้จริง เธอไม่ได้ใส่จริตมารยาเพื่อหลอกลวงเขาแต่อย่างใด แต่เขาเองที่โง่หลงใหลความงามตรงหน้า จนมองไม่ออกว่าเธอเป็นสาวพรหมจรรย์จริง ๆ
“แก้ม นี่เธอ...ไม่เคยจริง ๆ เหรอ...” ดรัณถึงกับตะลึง เขาอธิบายไม่ถูกว่าตอนนี้ตนรู้สึกยังไง ดีใจหรือเสียใจ แต่ที่แน่ ๆ เขาหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว
ดรัณขบกรามแน่น เมื่อผลักดันเข้าไปจนสุดในครั้งเดียว หญิงสาวกรีดร้องสุดเสียง น้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตดึงดูดความสนใจจากเธอ เขาแช่ตัวเองในความนุ่มนิ่มอบอุ่นนั้นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มขยับตัวเนิบนาบ ปากก็พูดพร่ำปลอบโยนระดมจูบดึงดูดความสนใจไปทั่วดวงหน้าสวยหวาน ร่างเปลือยเปล่าสองร่างขับกล่อมดนตรีแห่งปรารถนา อย่างไพเราะเพราะพริ้ง ปรินดาเองก็หลงลืมความเจ็บปวดที่ได้พานพบ ตอนนี้ เธอเสียวซ่านมากกว่าเจ็บปวด หัวใจดวงน้อยหวิว ๆ ชอบกล ขนในกายลุกชันขึ้นทั้งตัวเหมือนมีพายุพัดท่ามกลางเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ