Chapter 2
รักของเราเริ่มต้นที่ตรงนั้น (4)
ท่ามกลางความเงียบยามเช้ามืด...เตชินทร์ขยับกายเปลี่ยนท่าอย่างแผ่วเบา เขาถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงร้องและการขยับกายของคนในอ้อมกอด ในความมืดสลัวทว่าพอมองเห็น แววตาคมกล้าเพ่งมองไปตรงนั้น ใจของเขาสะท้านไหวผสานความปวดแปลบ ม่านไหมกำลังให้นมลูกของเขาอยู่อย่างเงียบๆ ภาพที่เห็นคือสายใยรักระหว่างแม่กับลูกที่เขาไม่อาจหลอกหัวใจได้ และสิ่งเหล่านี้เองคือความทรมานที่เขาต้องพานพบ เส้นศีลธรรมคือกำแพงขวางกั้นที่ทำให้หัวใจไม่ยอมรับว่าทุกวันนี้คิดเช่นไรกับเธอ
แวบหนึ่งในอารมณ์อ่อนไหว ชายหนุ่มยื่นมือไปข้างหน้าตามเสียงร้องสั่ง วินาทีที่ปลายนิ้วแกร่งกำลังจะแตะลงบนไหล่ขาวเนียน อยากจะขยับเข้าไปพรมจูบตรงนั้น อยากกอดใครสักคนเพื่อสร้างกำลังใจก่อนไปทำงาน ทว่า...เสียงกระซิบบางอย่างทำให้ต้องชะงักค้างไว้ ชายหนุ่มหดมือกลับแล้วขยับนอนหงายแขนก่ายหน้าผาก...เสียงถอนหายใจมาพร้อมกับการลุกพรวดขึ้นนั่ง สักพักเสียงเปิดปิดประตูก็ดังตามมา เสียงนั้นไม่ต่างไปจากคมมีดกรีดลงกลางใจคนที่นอนหันหลัง...เขาไปแล้ว และหลังจากนี้หล่อนก็จะจมอยู่กับความเดียวดายในบ้านหลังใหญ่ เป็นแค่คนเลี้ยงลูกให้เขา และเป็นที่ระบายอารมณ์ในบางคราว อนาคตอันสดใสต้องมอดดับ ชีวิตต้องพังย่อยยับเมื่อได้รู้ว่ามีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเติบโตอยู่ในครรภ์
+++++++
"แม่รู้มั้ย เมื่อคืนเหมียวเห็นคุณเตย่องเข้าห้องหลานเมียด้วยแหละ" คนพูดทำหน้าตาตื่นเมื่อเข้ามาในครัว ลออได้ฟังแล้วทำหน้าเลิกลั่กเหลียวมองไปรอบๆ กลัวว่าคนที่ลูกสาวกำลังพูดถึงจะบังเอิญผ่านมาได้ยิน
"แกเห็นเหรอ อย่าพูดมั่วๆ นะ เดี๋ยวได้โดนไล่ออกทั้งคู่แน่"
"ไม่เห็นจะกล้าพูดเหรอแม่ เมื่อคืนเหมียวได้ยินเสียงรถคุณเตกลับมากลางดึก ก็เลยออกมาดูเผื่อเจ้านายมีอะไรจะเรียกใช้...มันน่าคิดนะ เข้าไปทำอะไรตั้งนาน อยู่ด้วยกันสองคนในห้อง เขาทำอะไรกันบ้างนะ"
"เขาก็เข้าไปเล่นกับลูกบ้างอะไรบ้าง ไม่เห็นจะแปลก"
"เล่นกับลูกกลางดึกเนี่ยนะ...เหมียวกลัวว่า...จะ...เล่นอย่างอื่นมากกว่าน่ะสิ"
"นังเหมียว! ปากวอนโดนตบ ถ้าคุณเตได้ยิน ฉันกับแกได้ไปหางานใหม่แน่ หุบปากแล้วไปล้างผักเร็วๆ เลย กับข้าวเช้าก็ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวไม่ทันเจ้านายออกไปทำงานจนได้"
ลออตัดบททั้งที่ค่อนข้างเอนเอียงไปกับถ้อยคำของลูกสาว...หล่อนเห็นหลายครั้งแล้ว กับการที่เจ้านายย่องเข้าห้องหลานเมียกลางดึก หายเข้าไปนานสองนาน อยู่มาจนแก่ป่านนี้ ถ้าไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ออกจะแปลกไปสักหน่อย เพียงแต่ไม่กล้าปากพล่อยบอกใคร กลัวว่าจะถูกเลิกจ้างต้องไปวิ่งหางานทำที่ใหม่กันให้วุ่นวาย
อยู่ที่นี่นั้นแสนสบาย ค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินเตชินทร์จะให้หล่อนเป็นเงินก้อนทุกเดือน บริหารเอาเองภายในหนึ่งเดือน ตั้งแต่ไม่มีมุกประดับก็ไม่มีใครมาสนใจตรวจสอบ เหลือก็เข้ากระเป๋าตัวโดยที่เจ้านายไม่เคยมาถามไถ่จู้จี้จุกจิกให้ต้องลำบากใจ
ที่สำคัญ...ความหวังหนึ่งเดียวของคนเป็นแม่นั่นคืออยากให้ลูกได้ดีมีชีวิตสุขสบาย ลดาภาลูกสาวหล่อนยังสาวและสวย การทำตัวให้เจ้านายรักและเอ็นดูนั่นหมายถึงโอกาสมากมายที่จะเข้ามาในชีวิต...การที่เขาไม่ได้ยกย่องม่านไหมให้มาแทนที่ใครแบบออกหน้าออกตา นั่นก็แสดงว่าสถานะตอนนี้เขากลายเป็นพ่อม่ายลูกติดที่ยังโสด นายของตนกลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สาวๆ หลายคนต่างอยากก้าวเข้ามาเป็นแม่ใหม่ของน้องตรีประดับ...ลูกสาวที่เจ้านายหนุ่มเฝ้ารอคอย ถือกำเนิดขึ้นมาจากการอุ้มบุญ
+++++
โต๊ะอาหารที่วันนี้เหลือเพียงเตชินทร์นั่งทานอยู่เงียบๆ อย่างเดียวดาย ลดาภายังคงไม่ไปไหน หล่อนยืนเฝ้าเจ้านายเพื่อที่จะคอยบริการหากเขาต้องการเรียกใช้...ท่ามกลางความเงียบงัน เตชินทร์ปรายตามองไปยังลูกสาวแม่บ้านที่เขาให้มาช่วยงานตามคำขอร้องของลออ กางเกงยีนขาสั้นจนเกือบเห็นแก้มก้นขาวๆ เสื้อตัวเล็กโชว์หน้าท้องคับเสียจนอกอิ่มทะลุเนื้อผ้าทิ่มแทงสายตา หล่อนแต่งตัวแบบนี้อยู่บ้านให้เขาเห็นจนชิน และเขาไม่ได้บ้ากามเข้าขั้นที่เห็นแบบนั้นแล้วจะวิ่งเข้าใส่โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา
แววตาคมกล้าละมาจากตรงนั้นเมื่อม่านไหมเดินอุ้มลูกสาวของเขาเข้ามาหา...เมื่อคืนเขารู้ว่าหล่อนอดนอนเช้านี้จึงดูอิดโรยไม่สดใส คล้ายความอาทรจะแวบเข้ามาในชั่วขณะ เขาจึงทำในสิ่งที่ทำเอาคนฟังนึกแปลกใจ
"มากินด้วยกันสิไหม ทุกวันนี้เธอได้กินข้าวตรงเวลาบ้างหรือเปล่า อย่าเอาแต่เลี้ยงน้องจนปล่อยให้ร่างกายตัวเองทรุดโทรม เดี๋ยวก็ป่วยเดือดร้อนต้องมานั่งเฝ้ากันให้วุ่นวายอีก"
คนฟังเอียงหน้ามอง วันนี้เขามาแปลกชวนหล่อนนั่งร่วมโต๊ะ คิดพลางแค่นยิ้มปร่าแปร่งออกมา
"ตามสบายเลยค่ะอาเต ไหมอุ้มน้องอยู่ คงไม่สะดวกเท่าไหร่"
ม่านไหมไม่ได้คิดอะไร หากแต่ไปสะกิดใจคนฟัง เพียงเท่านั้น แววตาออกแนวตำหนิก็ตวัดมองไปทางลดาภาที่เอาแต่ยืนเฉย เขานึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ น้ำเสียงขุ่นมัวเอ่ยขึ้นมาทันควัน
"เหมียว! ถ้าไม่มีอะไรทำก็ช่วยอุ้มน้องไปเดินเล่นก่อนได้มั้ย เธอก็รู้ว่าคุณไหมต้องทานมื้อเช้า ฉันไม่ได้จ้างเธอมาแค่ทำงานบ้าน ว่างก็ยืนเล่นมือถือโดยไม่คิดจะช่วยแบ่งเบาภาระใคร"
'โมโหอะไร...ทำให้ฉันโดนด่าแต่เช้าเลยนะยายหนอนไหม’
นั่นคือความคิดในใจคนโดนตำหนิ หล่อนเดินขบกรามข่มอารมณ์เข้ามาหาม่านไหม รับทารกน้อยไปจากอ้อมอกอุ่น เดินหน้าตึงออกไปเพราะนึกน้อยใจที่เขาให้ความสำคัญกับหลานเมียจนออกหน้าออกตา นั่นยิ่งตอกย้ำความคิดในหัว กับสัมพันธ์ลึกซึ้งที่ทำให้นายของตนเป็นห่วงเป็นใยอีกฝ่ายจนหล่อนนึกหมั่นไส้ หากเทียบอายุกันแล้ว ม่านไหมกับตนนั้นอยู่ในวัยเดียวกันที่ไม่จำเป็นต้องให้ความเกรงใจอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีเขาอยู่ อีกฝ่ายคงไม่ได้มายืนออกคำสั่งให้ต้องทำตามแบบนี้แน่นอน
"อาเตทำให้ไหมอยู่ลำบาก จริงๆ ก็ไม่ควรจะว่าอะไรเหมียวขนาดนั้น บอกเธอดีๆ ก็ได้ ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยคะ"
"โดนด่าแค่นี้ ทนไม่ได้ก็ลาออกไปหางานใหม่สิ"
เขาตอบกลับแบบกำปั้นทุบดิน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานมื้อเช้าต่อ ม่านไหมลอบถอนใจ หล่อนจำใจต้องทำตามที่เขาออกคำสั่งเพราะไม่อยากมีปัญหา รู้ดีว่าถ้าดื้อดึงต่อไป เขาก็จะต้องหาเรื่องเอาชนะเพื่อให้ยอมจำนนจนได้เสียทุกครั้ง