ผมเดินกลับมาที่ห้องก็เห็นพ่อกับแม่กำลังจะออกไปทำงานแล้ว คำถามมากมายเลยถูกถามขึ้นจากพ่อผม ผมเลยบอกแค่เมามากเลยนอนที่ร้านของลุงเวย์พ่อผมเลยรอจังหวะที่แม่เข้าไปหยิบของในห้องเพื่อลากผมมาคุยที่ระเบียง
“รักเค้าต้องห่วงอนาคตเค้าด้วย ถุงยางมันจำเป็นมากนะไทน์”
“พ่อรู้!”
“เออ รู้ดิวะ แกลูกพ่อนะ”
“ผมไม่ดิทำอะไรเจ้เลยจริงๆนะพ่อนอกจาก....”
“ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นเว้ย พ่อแค่อยากเตือนเอาไว้เลี่ยงได้ก็เลี่ยงถ้ามันไม่ไหวก็ต้องป้องกัน ไม่ใช่แค่กับปลาวาฬแต่จะผู้หญิงคนไหนก็ต้องป้องกันรู้ไหม”
“ครับ”
“เออพ่อยังไม่อยากเป็นปู่เข้าใจ๊?” แทนคุณผลักหัวลูกชายเบาๆก่อนจะเตรียมตัวออกไปทำงาน ใจนึงก็แอบภูมิใจที่ลูกชายโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วอีกใจก็อดห่วงเรื่องความสัมพันธ์กับปลาวาฬไม่ได้
อีกด้าน...
อาการแฮงค์ของปลาวาฬถูกคุณแม่ข้าวฟ่างเอ็ดจนผู้เป็นพ่อต้องเดินออกมาดู ลูกสาวที่พึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังนั่งให้แม่เป่าผมให้พร้อมกับทานซุปร้อนๆ
“หมดสภาพเลยปลาวาฬ เมาแบบนี้ไม่ไหวนะลูกหนูเป็นผู้หญิงถ้าน้องไม่ไปด้วยจะเป็นยังไง” เวย์เดินมานั่งบ่นลูกแต่ก็เพราะเป็นห่วงแม้ลูกสาวจะเรียนปีสุดท้ายแล้วแต่ในสายตาลูกไม่ได้โตไปไหนเลย ทุกวันนี้ยังงอแงกินเค้กแทบทุกวัน
เมื่อพ่อกับแม่ออกไปแล้วปลาวาฬก็เดินกลับเข้ามานอนในห้องวันนี้เธอขอลาหยุดกับคุณพ่อไปแล้วเพราะอาการปวดหัวมันกำลังทำให้เธอคลื่นไส้จนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำ
อ้วกกกกกก
มาเวลเดินออกมาในชุดนอนที่พึ่งอาบน้ำเสร็จก็ทนเห็นสภาพพี่สาวตัวเองไม่ได้เลยใช้เท้าดันพี่สาวเข้าไปในห้องน้ำจากนั้นก็ปิดประตูเพื่อรักษาบรรยากาศอันดีงามของคอนโดนี้ไว้
“ไอ้เวร!” เสียงปลาวาฬดังออกมาขณะแปลงฟันและใช้น้ำยาบ้วนปากเพื่อจะรีบออกมาด่าน้องชายที่กำลังจะนอน
“อีเจ้!!”
ปลาวาฬกระโจนใส่น้องชายที่กำลังนอนทำให้เกิดสงครามฟาดหมอนกันอย่างหนัก
“หึยยยย ไอ้น้องเวร!!”
“พอๆๆ เป็นอะไรหายบ้าหรือยัง” มาเวลถามพี่สาวที่ยังทำหน้ามุ่ยไม่เลิก
“หายแล้ว เฮ้ออ”
“เรื่องเมื่อคืนอย่าไปโกรธไอ้ไทน์มันเลย มันเองก็ลำบากใจเหมือนกัน ถ้ามันไม่ทำจะให้ใครทำอะเห็นเจ้ทรมานพวกผมก็เครียดเข้าใจปะ”
“อืมมมม”
“เลิกคิดมากแล้วไปคุยกับมันเถอะ บอกตรงๆมันก็คงเครียดเหมือนกันต้องมาทำอะไรอุจาดตาแบบนี้ หึยย ขนลุก”
โป้กกก!!
ปลาวาฬเคาะหัวน้องชายไปหนึ่งทีจากนั้นก็รีบวิ่งกลับห้องตัวเอง ภาพเมื่อคืนรสชาติรอยจูบมันยังแล่นอยู่ในหัวไม่หาย มันจะดีกว่านี้ถ้าเราไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
//ไทน์//
ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลยภาพเมื่อคืนมันยังติดตาจนผมไม่เป็นอันทำอะไรเลย นอนก็แล้ว ออกกำลังกายก็แล้ว อ่านหนังสือก็แล้วเหลือทางเดียวกระโดดตึกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
“แม่งเอ้ย ทำไงดีวะเนี่ย!!”
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
ผมเดินมาเปิดประตูก็เห็นอีเจ้กำลังยืนบิดแต่พอเห็นหน้าผมก็แทรกตัวเข้ามาทันที อ่า...แบบนี้มันจะดีนะ หึยย
“มีอะไรเจ้”
“ไทน์เรื่องเมื่อคืน....คือว่าพี่....”
“กลัวผมเสียความรู้สึกหรือไง”
“อื้อ”
“คิดมากหน่า แล้วทำไมหน้าแดงขนาดนี้ไม่สบายหรือเปล่า” เพียงแค่มือผมแตะไปที่หน้าผากเหมือนมันมีแรงสปาร์คเสียอย่างนั้น แววตาของเจ้มันกำลังทำให้ผมใจสั่น ตึกตัก ตึกตัก
“ไทน์ขอบคุณนะที่ช่วยไว้”
“อื้อ ตัวไม่ร้อนนะแต่หัวใจเต้นแรงจังได้ยินมาถึงผมเลย”
ทั้งสองยังคงสบตากันอยู่นาน....นานจนลมหายใจเกือบจะผสานกันโชคดีที่โทรที่เสียงโทรศัพท์ของไทน์ดังเสียก่อนทั้งสองเลยผละออกจากกัน
“พี่กลับก่อนดีกว่าเนอะ” ปลาวาฬรีบชิ่งกลับออกไปแต่ไทน์กลับรู้สึกอารมณ์เสีย พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของพ่อเลยนึกขึ้นได้ว่าที่ห้องมีกล้องวงจรปิด
“บางทีพ่อก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่!” ผมตัดสายทิ้งจากนั้นก็หยิบหนังสือมานอนอ่านที่โซฟา
ด้านปลาวาฬที่วิ่งกลับห้องก็ถึงกับต้องเลื่อนมือขึ้นมาจับหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงไม่หยุด ไม่ใช่เพราะเหนื่อยแต่มันตึกตักๆอยู่ข้างใน
“ไม่ได้นะปลาวาฬนั่นน้องนะเว้ย!” ร่างบางที่กำลังงุ่นง่านกับความคิดเดินมาทิ้งตัวบนโซฟาจากนั้นก็ข่มตาให้หลับ
ตึกตัก!! ตึกตัก!! ตึกตัก!!
วันต่อมา...
ทั้งสามคนนั่งอยู่ในรถคันเดียวกันที่กำลังติดไฟแดง วันนี้ปลาวาฬเป็นคนขับส่วนไทน์นั่งข้างคนขับ มาเวลกำลังเล่นเกมส์โทรศัพท์อยู่ด้านหลังบรรยากาศบนรถมันเปลี่ยนไปเพราะไม่มีการสนทนาของใครเลย ทุกคนเอาแต่เงียบกันหมด
“ทำไมเงียบจังวันนี้ทำย่างเนยกินกันไหม” มาเวลชะโงกหน้ามาถามพี่สาวและเพื่อนรักแต่ทั้งสองกับมองหน้ากัน
“แล้วแต่กูได้หมด”
“อือก็ได้ เลิกเรียนพี่จะได้แวะซื้อของเลย”
“โอเคตามนั้น!!” มาเวลกลับไปเล่นเกมส์ต่อปล่อยให้ไทน์มองหน้าปลาวาฬที่แดงระเรื่ออยู่คนเดียว