Chapter 6 เกมสวาท

2489 คำ
Chapter 6 เกมสวาท พาณิชกุลย์ พร็อพเพอร์ตี้ แลนด์... "ลาออก! เกิดอะไรขึ้นถึงอยากลาออกล่ะเอย" เสียงของภาณุวัฒน์ค่อนข้างตกใจ เมื่อจู่ ๆ เลขาที่เพิ่่งเริ่มงานก็เดินเข้ามาแจ้งความประสงค์...แววตาเจือความสงสัยไล่มองไปทั่วดวงหน้าหวาน ร่องรอยของคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักนั้นไม่อาจหลอกเขาได้ "มีอะไรคับข้องหมองใจหรือเอย เมื่อคืนร้องไห้มาล่ะสิ มีอะไรเราควรคุยกัน" จันทร์เจ้าเอยขบกรามแน่น แววตาร้อนผ่าวปวดหนึบ สองมือที่ประสานกันอยู่บนหน้าตัก หล่อนบีบเข้าหากันจนสัมผัสได้ว่ามันกำลังชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ "เอย...เอ่อ..." "ถ้าหนูลาออกตอนนี้ก็ถือว่าผิดกฎ ตามสัญญาคือ ต้องอยู่ให้ครบหนึ่งปี และเท่ากับว่าหนูทำให้ทางเราได้รับความเสียหาย การสรรหาทรัพยากรบุคคลแต่ละครั้งล้วนมีค่าใช้จ่าย เงินหนึ่งแสนบาทที่ต้องหามาใช้หนี้ หนูมีจ่ายเหรอเอย" นั่นแหละที่เป็นปัญหาใหญ่ หล่อนไม่อาจหามาได้และก็ไม่รู้จะไปหยิบยืมใครได้ ที่สำคัญ ตอนนี้บิดาต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อผ่าตัดรักษามะเร็งที่กำลังลุกลามไปเรื่อย ๆ เรื่องร้าย ๆ ประเดประดังจนซวนเซ ชีวิตหล่อนเหมือนเรือน้อยที่ลอยคว้างอยู่กลางทะเลหาทางกลับเข้าฝั่งไม่เจอ และเมื่อใจแบกรับความกดดันเอาไว้ไม่ไหว หยาดน้ำตาที่กักเก็บเอาไว้จึงหลั่งไหลพรั่งพรู "คุณวัฒน์คงไม่รู้ พี่เหนือ...เขา...ฮือ ๆ" ตาเหนือ! เขาทำอะไร!" เขา...เขาคิดว่าเอยคือเมียเก่าของเขา และเมื่อคืน...เขา...เขาก็ขืนใจเอยค่ะ!" ".....!" เหมือนถูกตบจนหน้าชา ภาณุวัฒน์นิ่งอึ้งไปพักใหญ่ พูดอะไรไม่ออก​ จริงอยู่ที่หมายมั่นปั้นมือหลอกล่อจันทร์เจ้าเอยมาเป็นลูกสะใภ้​ แต่ไม่คิดว่าลูกชายจะไวไฟจับอีกฝ่ายทำเมียเร็วเช่นนี้ ในคราแรกเขาจะให้ค่อย​ ๆ​ ศึกษาดูใจกันไป​ อาศัยความใกล้ชิดเพื่อให้ทั้งสองเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน​ และเขาคิดว่าเลือกคนไม่ผิด​ ในเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้​ เห็นทีจะต้องเปลี่ยนแผน และที่สำคัญ​ ลูกชายของเขาจะต้องรีบมีเมียใหม่​ ก่อนที่แม่ของลูกตัวจริงจะกลับมาเรียกร้อง​ ทวงถามสิทธิ์ที่หล่อนควรได้รับ จับแต่งซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ไหน​ ๆ​ ก็เป็นฝ่ายเลือกหล่อนเข้ามาในชีวิตลูกชายด้วยตัวเอง​ ดีเหมือนกัน​ หลานของเขาจะได้มีแม่​ แต่แม่ของหลานจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น​ คนที่ทิ้งได้แม้กระทั่งสายเลือดตัวเอง "จริงเหรอเนี่ยหนูเอย​ ที่หนูกับตาเหนือได้เสียกันแล้ว!" จันทร์เจ้าเอยพยักหน้ารับทั้งน้ำตา มันแสลงใจเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้ ภาณุวัฒน์ถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด​ และเขาก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของหล่อน​ ใครจะไปรู้​ หลานของเขาอาจจะโผล่ตาใสมาอีกคน​ และเขาจะไม่ยอมให้หลานต้องระหก ระเหินไร้พ่อเป็นอันขาด เขาทำทีเป็นฟึดฟัดโกรธลงหัวลูกชาย​ ทั้งที่ความจริงมันก็เข้าทางความต้องการของเขาเรื่องจับแต่งงาน​ เพียงแต่มันอาจมาเร็วเกินคาดไปหน่อยเท่านั้น "ตาเหนือจะต้องรับผิดชอบ​ ได้เขาแล้วจะทิ้งขว้างทำไม่รับผิดชอบไม่ได้!" "เอยขอโทษนะคะ​ ที่ต้องบอกความจริงกับคุณ" "ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว​ มีอยู่ทางเลือกเดียว​ ฉันจะรับผิดชอบด้วยการไปสู่ขอหนูกับครอบครัว​ ส่วนงานแต่งฉันจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง​ ถือว่าชดเชยที่ฉันเป็นคนชวนหนูไปอยู่ที่บ้าน" '.....!' สีหน้าและแววตาของคนตรงหน้า​ ทำให้ภาณุวัฒน์รีบหว่านล้อม​ ด้วยการเอาปัญหาของหล่อนมาบีบบังคับ "คิดให้ดีนะเอย​ ถ้าหากลาออกหนูก็ต้องจะหาเงิน ก้อนใหญ่มาใช้หนี้​ แต่ถ้าหนูยอมแต่งงานกับตาเหนือ​ ค่าสินสอดก็จะช่วยต่อลมหายใจของคุณพ่อ​ ไหนจะเงินก้อนใหญ่ที่จะเป็นค่ายารายเดือน​ คุณปู่ของหนูก็ต้องหาหมอทุกเดือนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ" จันทร์เจ้าเอยนิ่งเงียบ...หากแต่น้ำตาไม่หยุดไหล​ เมื่อความทุกข์ใจเรื่องบิดาแทรกเข้ามาในห้วงคำนึง "ที่เสียไปแล้ว​ มันเรียกคืนมาไม่ได้​ แต่ถ้าฉันเป็นหนู​ ฉันจะเลือกเส้นทางที่คนในครอบครัวได้ประโยชน์...เอาเป็นว่าตามนี้นะ​ แต่งงานกับตาเหนือ​ เขาจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป" ข้อเสนอของเขา​ฟังเหมือนจะดูดีน่าสนใจอยู่ไม่น้อย​ แต่มันไม่ต่างกับว่าหล่อนกำลังขายตัวแลกเงิน​ก้อนโต​ และที่สำคัญ​ มันเป็นการเออออของภาณุวัฒน์เพียงคนเดียว​ คนก่อเหตุยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังจะถูกจับแต่งงาน เขาน่ะเหรอจะยอมแต่งงานง่าย​ ๆ​ ยิ่งคิดว่าหล่อนคือเมียเก่าที่ทิ้งกันไป​ เขาจะต้องปฏิเสธหัวชนฝาแน่ หากไม่ติดว่ามีสัญญาหล่อนคงจะไปโดยไม่คิด​ แต่กลัวเขาเล่นกันด้วยข้อกฎหมาย​ ลำพังสองมือของหล่อน​ คงไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้ในเวลาอันรวดเร็วได้แน่นอน ชีวิตของหล่อนช่างอาภัพ​ เหมือนตกลงไปในเกมของใครสักคน​ แล้วก็จำต้องเดินไปตามเกมนั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย หากลาออกก็ไม่มีงานไม่มีเงิน​ งานสมัยนี้ก็ยิ่งหายาก​ ซ้ำยังลาออกไปแบบมีหนี้เป็นภาระติดตัวอีกด้วย​ หากไม่มี ภาระรออยู่ที่บ้าน​ หล่อนคงมีทางออกที่ดีกว่านี้ "เอย...เอ่อ...ขอไปนอนคิดก่อนนะคะ​" หน้าของบิดาลอยมา​ หล่อนจึงมีท่าทีลังเล​ หากมีเงินก้อนใหญ่​ท่านจะได้รับการรักษาแบบทันท่วงทีไม่ต้องรอคิว​ แต่ถ้าหากไม่มีเงินพอ​ การรักษาก็จะช้าตาม​ และอาการของท่านก็จะทรุดลงไปทุกวัน ภาณุวัฒน์มองตามร่างที่กำลังเดินพ้นกรอบบานประตูออกไปจากห้อง...ไม่รู้ทำไม​ เขาจึงรู้สึกสงสารหญิงสาวคราวลูกคนนี้​ ทั้ง​ ๆ​ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน​ จากที่ให้คนไปสืบความเป็นอยู่ของคนทางบ้าน​ เขาจึงได้รู้ว่าหล่อนคือเสาหลักเพียงคนเดียวของครอบครัว กำลังจะเอ่ยปากเรื่องเงินค่าผ่าตัด​ แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน​ เขาจึงใช้โอกาสนี้มัดมือชกหล่อนเสียเลย​ เพราะ ถึงอย่างไรก็หมายมั่นจะให้หล่อนมาเป็นสะใภ้ตั้งแต่ทีแรก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว​ เขาก็ต้องจับทั้งสองแต่งงานกันอยู่ดี ความมืดโรยตัวมาห่มคลุมทั่วทุกพื้นที่​ บ้านพาณิชกุลย์วางตัวตนโดดเด่นอยู่ท่ามกลางโอบกอดของแสงจันทร์ส่อง...ไฟในห้องทำงานที่ชั้นสี่ยังคงส่องสว่าง​ บรรยากาศในนั้นแสนจะตึงเครียดจากเรื่องที่ถูกยกนำมาเป็นหัวข้อสนทนา ภีมพลนิ่งเงียบไม่ปฏิเสธหรือตอบรับ​ จากการที่บิดาถามหาความรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำกับจันทร์เจ้าเอย...คนที่เขายืนยันหัวชนฝาว่าคือปานตะวัน "นายต้องแต่งงานกับหนูเอย​ เพราะว่านายเป็นคนทำให้เรื่องมันเกิดขึ้นมาเอง" ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้ม​ ภายในใจกำลังสับสนหลงทาง​ คิดไปพร้อมกัน...เขาควรบอกบิดาหรือไม่ว่าหล่อนคือเมียของเขาที่ทิ้งกันไป​ และท่านกำลังถูกหลอกด้วยท่าทีใสซื่อแสนน่าสงสาร​ แต่ดูท่าแล้วบอกไปท่านคงจะไม่เชื่อ​ คงจะหาว่าเขากำลังใส่ไฟหล่อนเพราะความโกรธที่ท่านพาหล่อนเข้าบ้านโดยไม่ปรึกษากันสักคำ "เธอบอกว่านายคิดว่าเธอคือเมียเก่า​ หึ​ อยากได้เขาก็บอกฉันดี​ ๆ​ ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้มุกตลก​ ๆ​ เพื่อหาเรื่องลวนลามเขาหรอก" นั่นไง...ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรท่านก็เผยความคิดมาแล้ว​ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะเงียบ​ เขากำลังคิดว่าควรเดินตามเกมบิดา​ แกล้งโง่ยอมแต่งงานเพื่อหลอกล่อหล่อนให้มาติดกับดัก​ จากนั้นก็ทำให้หล่อนเจ็บ​ ต้องอยู่อย่างทุกข์ทนในสภาพได้ตัวแต่ไม่ได้หัวใจ​ ให้หล่อนได้รู้รสชาติของความเจ็บปวดเสียบ้าง 'เธออยากเล่นเกมเองนะเอิง ได้! ได้เลย​ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน' มันคงจะบ้าไปแล้วที่เขายอมแต่งงานอย่างง่ายดายกับคนที่เคยทิ้งกันไป แถมวันนี้ยังเข้ามาหลอกทุกคนว่าหล่อนไม่ใช่ปานตะวัน และไม่รู้ว่าหล่อนไปฟ้องบิดาของเขาแบบไหน ท่านจึงมัดมือชกให้งานแต่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ 'เอิง...พี่ไม่เข้าใจความคิดเธอ ต้องการอะไรกันแน่ หรือว่าเธอ..จะไม่ใช่เอิงจริง ๆ' ยามเดินออกมาจากห้องทำงานของบิดา เขาคิดฟุ้งซ่านไปกับคำถามในใจมากมาย ในคราแรกเขาคิดว่าหล่อนคือว่าที่เมียใหม่บิดา เข้ามาที่นี่โดยไม่รู้ว่าเขากับบิดาเป็นพ่อลูกกัน และเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ จึงล้างประวัติตัวเอง ใหม่ เปลี่ยนตัวเองเป็นใครอีกคนที่ไม่เคยมีตัวตนมาก่อนหน้า เปลี่ยนจากชื่อปานตะวันเป็นจันทร์เจ้าเอย เพราะแค่ข้อมูลบัตรประชาชนที่ใช้แสดงก็ไม่อาจบอกเขาได้ว่าหล่อน ไม่ได้เปลี่ยนชื่อนามสกุลมาใหม่ สมัยนี้มีหลายคนเปลี่ยนกันให้วุ่นวาย ไม่เว้นแม้แต่นามสกุล ถ้าหากไม่สืบค้นไปให้ลึก ๆ ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีเบื้องหลังเป็นอย่างไรกันแน่ และเขาไม่ได้นั่งว่างมาทำแบบนั้น ใจเชื่อไปแล้วว่าหล่อนคือปานตะวัน จะมีข้อสะกิดใจเล็ก ๆ ที่ทำให้สับสน หากหล่อนเข้ามาในฐานะแม่ใหม่ของเขา เหตุใดบิดาจึงยอมยกหล่อนให้กับเขาอย่างง่ายดายโดยไม่มีท่าทีโกรธเคืองเลยสักนิด 'หรือว่า...' ชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของตัว บางทีหล่อนอาจอยากกลับมาหาลูก แต่เพราะกลัว เขาจะยังไม่หายโกรธ และไม่ต้อนรับหากกลับมาในฐานะคนรักเก่า ก็เลยต้องแกล้งทำทีเป็นคนอื่นสวมรอยเข้ามา โดยใช้บิดาของเขาเป็นเครื่องมือ เรื่องที่ว่าหล่อนมีฝาแฝด มันคือเรื่องแต่งเพื่อให้เขาสับสน สรุปหล่อนนั่นแหละคือปานตะวัน ที่ยอมแต่งงานกับเขาอย่างง่ายดายก็เพราะอยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม...แต่...หล่อนจะไม่ได้โอกาสนั้น ที่เขายอมแต่งงานก็เพราะอยากเอาคืนเท่านั้น ให้หล่อนต้องเจ็บปวด กับการเป็นฝ่ายถูกทิ้งบ้าง หากหล่อนกลับมาเพื่อต้องการทวงทุกอย่างคืน เขา สัญญา...หล่อนจะไม่มีวันทำสำเร็จ เพราะหัวใจเขายังจำ...จำได้ดีว่าหล่อนทำกันเจ็บแสบแค่ไหน 'ลูกผัวเธอยังทิ้งมาแล้ว หลอกพี่มาหลายปี นับ ประสาอะไรกับการแสดงละครตบตา เธอมันไม่น่าไว้ใจอีกแล้วเอิง' เขาบดกรามจนเป็นสันนูน ยามเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง...ตรงมุมพักผ่อน เสียงหัวร่อต่อกระซิกลอยมา แววตาเข้มทอประกายกรุ่นโกรธ เมื่อแก้วตาดวงใจของเขากำลัง คุยอ้อแอ้อยู่กับคนที่ใจแสนชิงชัง หล่อนกำลังเล่นอยู่กับลูก ผู้หญิงที่เขาคิดว่าคือปานตะวัน เขาปรี่เข้าไปทันที สองมือยื้อแย่งลูกน้อยมาจากอ้อมอกจันทร์เจ้าเอย "เธอไม่มีสิทธิ์อุ้มเขา ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น!" พฤติกรรมของเขา​ อีกทั้งแววตาโกรธขึ้งที่มองมา​ จันทร์เจ้าเอยยืนกำมือแน่น​ นับหนึ่งถึงถึงร้อยในใจ​ เพื่อที่จะไม่ตบะแตกปะทะคารมกับเขา "คุณวัฒน์จ้างเอยมาช่วยเลี้ยงน้อง​ เอยได้รับเงินเดือน​ ก็ต้องทำหน้าที่ให้คุ้ม​กับเงินที่เขาจ้างสิคะ" แววตาเข้มตวัดมอง​ กระตุกยิ้มหยัน​ อ้อมแขนแกร่งโอบกระชับทารกน้อยเอาไว้แนบอก​ ราวกับหวงแหนไม่อยากให้ใครแตะต้อง "ก็ได้เอิง​ เอยก็เอย​ เธอจะสวมรอยเป็นใครก็ได้​ ในเมื่อเธอบอกว่าเธอคือจันทร์เจ้าเอย​ พี่ก็จะคิดว่าเธอเป็นคนอื่นก็ได้​ หึ​ คุณพ่อจ้างเธอเท่าไหร่​ล่ะ พรุ่งนี้เดินไปบอกนะว่าพี่ไม่ให้ทำ​ ให้ท่านลดเงินเดือนส่วนนี้ไปได้เลย" เขายังคงหัวชนฝากับความเชื่อของตัว​ อุ้มลูกเดินหนี ไปท่ามกลางรอยแตกร้าว...จันทร์เจ้าเอยยืนมองจนเขาหายเข้าไปในลิฟต์​ เมื่อประตูลิฟต์ปิดสนิทหล่อนก็ยืนคว้างอยู่กลางบ้านเพียงลำพัง 'ถ้าเรา...จะสวมรอยเป็นผู้หญิงที่เขาเคยรักเสียเลยล่ะ...' ความเจ็บช้ำจากสิ่งที่เขาทำคือแรงขับที่ทำให้อยากเอาชนะ​ ในเมื่อเรียกสิ่งที่เสียไปคืนกลับมาไม่ได้​ หล่อนก็จะขอเดินหน้าด้วยใจที่เด็ดเดี่ยว​ ทุ่มหมดหน้าตัก​ โดยมีหัวใจของเขาเป็นเดิมพัน​ จะยอมแลกซึ่งอิสรภาพที่ต้องสูญสิ้นไปด้วยการยอม แต่งงานกับเขา​ สวมรอยเป็นเมียเก่าที่เขายัดเยียดมาให้​ เชื่อว่าเขายังรักยังผูกพันกับผู้หญิงที่ชื่อปานตะวัน​ ความใกล้ชิดจะช่วยละลายความเกลียดชังที่สุมใจ​ และหล่อนจะเป็นคนรื้อฟื้นความทรงจำให้เขาเอง 'ถ้าเอยได้หัวใจพี่เหนือมาเมื่อไหร่​ วันนั้นคือวันที่เอยจะเอาคืน!' หล่อนขบกรามแน่นด้วยหัวใจที่เก็บความโกรธแค้นเอาไว้​ สัญญากับตัวเองว่าต้องทำให้ได้​ เมื่อได้หัวใจเขามา หล่อนจะเอาคืนให้สมกับความเลวที่เขาได้ทำลงไป...เกมของหล่อนกำลังเริ่มต้นขึ้น​ โดยไม่รู้เลยว่า​ เกมของเขาก็กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้วเช่นกัน หากแต่มันอาจต้องใช้ความอดทนและเวลา​ คิดยามเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนแทนการใช้ลิฟต์​ ใจของหล่อนกำลังฟุ้งซ่านหนัก​ จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้หัวใจของคนใจด้านชามาไว้ในกำมือ หยาดน้ำตารินไหลอีกครั้ง​ เมื่อนึกไปถึงอาการป่วยของบิดา​ หล่อนส่งใจให้ลอยไปตามลม​ บอกให้ท่านรับรู้...อีกไม่นาน...หล่อนก็จะมีเงินก้อนใหญ่พาท่านไปรักษา​ เป็นเงินที่ได้มาด้วยวิธีการไม่ต่างไปจากขายเรือนร่างแลกเงิน เพราะหนทางที่บีบบังคับ...บางครั้งเราก็ควรโยนศักดิ์ศรีทิ้งไป​ เลือกในทางที่จะทำยังไงก็ได้เพื่อต่อลมหายใจของคนในครอบครัว​ แม้จะเป็นหนทางที่พาไปสู่นรกหล่อนก็ยอมที่จะตกลงไป​ แลกกับการได้ฉุดคนที่รักให้หลุดพ้นจากความทรมานเสียที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม