Chapter 5
เมียแสนชัง
แสงแห่งวันใหม่เริ่มทอประกายอาบไล้เรือนยอดไม้...ในห้องนอนของจันทร์เจ้าเอย บนเตียงนอนนุ่ม ๆ หล่อนยังคงฝังร่างอยู่บนนั้นโดยไร้ซึ่งชีวิตจิตใจที่จะทำอะไรได้ แม้เสียงสะอื้นไห้จากความเสียใจในสิ่งที่เสียไปจะเงียบลงไปแล้ว หากแต่ใจของหล่อนยามนี้นั้นบอบช้ำเหลือเกิน
เหมือนคนใกล้ตายเรี่ยวแรงหดหาย ไม่อาจหอบกาย
และใจที่บอบช้ำลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อไปทำงานในเช้าวันใหม่ได้เลย
หล่อนนอนคิดมาจนถึงเช้า จะต้องบอกเรื่องนี้กับภาณุวัฒน์ หล่อนจะขอลาออกเพราะอยู่ในบ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
กรงอุ้งมือขยุ้มลงบนผ้าห่ม หล่อนกำเอาไว้จนเกร็งสั่น พยายามสลัดภาพนั้นออกไปจากหัว...ภาพมนุษย์ผู้ชายกำลังขึ้นคร่อมแล้วออกแรงโยกขยับหนักหน่วง เขาระบายความป่าเถื่อนลงบนร่างกายของหล่อนราวโกรธแค้นมานานวัน ใช้หล่อนเป็นที่ระบายความคลั่งแค้นจนสาแก่ใจ
"คนสารเลว! ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย ฮือ ๆ"
เพียงความทรงจำแสนเลวร้ายแล่นผ่าน หยาดน้ำตาก็รินไหลออกมาอีกครั้งรดบนหมอนที่ยังคงเปียกชุ่ม หล่อนนอนสะอื้นอยู่บนเตียงกว้างอย่างเดียวดาย ใจนั้นแสนอาลัยอาวรณ์กับความสาวที่สูญสิ้น เสียให้กับคนที่ไม่ได้รัก...หล่อนชักสงสัยเสียแล้วว่า เพราะอะไรเขาจึงฝังใจว่าหล่อนคือผู้หญิงที่ชื่อปานตะวัน คนที่ทิ้งเขากับลูกไปอย่างไม่ใยดี
หรือบางทีหล่อนอาจมีฝาแฝดที่บิดาปิดบังเอาไว้...
จันทร์เจ้าเอยคิดฟุ้งซ่านไปกันใหญ่ ท่ามกลางเสียงสะอื้นที่ยังคงดังแว่ว
ในห้องนอนที่อยู่ชั้นถัดไป ที่ชั้นสามซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของภีมพล เสียงกระเซ้าเย้าหยอกดังอยู่ตรงเตียงกว้าง เสียงอ้อแอ้และรอยยิ้มไร้เดียงสาในยามเช้าตรู่ คือพลังชีวิตที่หล่อเลี้ยงหัวใจที่แห้งผากให้ยังคงหายใจต่อไปได้ในแต่ละวัน
ชายหนุ่มกอดและหอมทารกน้อยเพื่อร่ำลาก่อนจะออกไปทำงาน ซึ่งอีกสักพักยุพินก็จะมารับช่วงต่อ แววตาเข้มที่สบกับแววตาดำขลับใสแป๋ว วันนี้มีความรู้สึกแปลก ๆ แทรกเข้ามาก่อกวนในใจ ยามเขาจับจ้องมองหน้าลูก สัมพันธ์รักเมื่อคืนก็คอยแต่จะหวนคืนมาให้เขาคิดถึง
สัมผัสที่ห่างหาย เขารู้สึกแปลกแยกไม่คุ้นชินบอกไม่ถูก อีกทั้งท่าทีต่อต้านผลักไส แวบหนึ่งเขารู้สึกเหมือนหล่อนไม่ใช่ปานตะวันคนเดิมที่เคยรู้จัก หากแต่ทิฐิในใจ ก็ทำให้เขาหาเหตุผลมาหักล้างจนได้
ความคับแน่นที่ราวกับไม่เคยผ่านการล่วงล้ำลึกซึ้ง และราวกับหล่อนไม่เคยผ่านการมีลูกมาก่อน ทำให้เขาอุ้มลูกเดินพล่านไปมาอยู่ภายในห้อง ชายหนุ่มดึงสติที่กำลังกระเจิดกระเจิงสับสน ความรู้สึกสองอย่างตีกันจนยุ่งเหยิง ใจที่เริ่มอ่อนไหวเริ่มมีเสียงส่วนลึกกระซิบร้องบอก...ไม่แปลกหากหล่อนจะรีแพร์ตัวเองกลับมาเป็นสาวบริสุทธิ์ สมัยนี้วงการศัลยกรรมวิทยาการก้าวหน้าไปไกล หากหล่อนต้องการเข้ามาเพื่อจับบิดาของเขา หล่อนจะต้องจับตัวเองใส่ตะกร้าล้างน้ำมาแล้วแน่นอน
เขามองหน้าลูกที่ถอดแบบแม่มาทั้งปากคอคิ้วคาง ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้ม เมื่อความคิดด้านมืดเข้ามามีอำนาจเหนือจิตใจ
หยาดน้ำตาของหล่อนที่เขามองว่าคือการเสแสร้งแกล้งทำ มันจะไม่มีวันหลอกเขาได้ ขนาดลูกในไส้หล่อนยังใจดำทิ้งมาแล้ว นับประสาอะไรกับการบีบน้ำตาเพื่อแสดงว่าหล่อนคือคนอื่น หาใช่ปานตะวันดังที่เขากล่าวหา
'หึ! ผู้หญิงใจยักษ์มาร เธอเห็นหน้าลูกแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม'
เขาว้าวุ่นใจเหลือเกิน ไม่เข้าใจความคิดของปานตะวัน รู้สึกว่าที่ผ่านมายังรู้จักหล่อนได้ไม่ดีพอ...ไม่ควรเลย...หล่อนไม่ควรย้อนกลับมาเจอกัน มันทำให้ความทรงจำเก่า ๆ ที่เขาพยายามลบเลือนหวนคืนสู่ใจอีกครั้งจนได้
หากหล่อนชุบตัวเข้ามาเพื่อหวังในทรัพย์สมบัติของบิดา แน่นอน...หล่อนจะไม่มีวันทำสำเร็จ อยากจะรู้เหมือน กัน ถ้าเขาเดินไปบอกบิดาว่าเขาได้ผู้หญิงของพ่อเป็นเมีย ท่านจะทำเช่นไร
เขาจะแก้แค้นเอาคืนด้วยการขอหล่อนจากบิดา ให้หล่อนเป็นเมียตีทะเบียนที่ได้เพียงแผ่นกระดาษแต่ไม่ได้ซึ่งหัวใจ ให้หล่อนได้รู้รสชาติของการอยู่แบบตายทั้งเป็นเสียบ้าง
เขาแค่อยากทำให้หล่อนเจ็บ หาใช่ทำเพราะอยากได้แม่ของลูกคืนมาเลยต้องบีบบังคับกันด้วยวิธีนี้ หาใช่ยังรักยังรอหล่อนมาสร้างครอบครัวด้วยกัน...ชายหนุ่มพยายามบอกตัวเองแบบนั้น
เหมือนใจที่เคยคิดว่าลืมหล่อนไปได้แล้ว...วันนี้มันกำลังหวั่นไหว กับสัมพันธ์ลึกซึ้งเพียงแค่คืนเดียว หล่อนทำให้เขานอนกระสับกระส่ายมาจนถึงเช้า ทั้งที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องหลังยุพินมารับช่วงต่อ แทนที่จะเดินไปยังลิฟต์เพื่อกดลงไปชั้นล่าง สองขาเขาเปลี่ยนทิศทางไปยังบันได มีจุดหมายอยู่ชั้นสอง...ห้องนอนของปานตะวัน
ที่หน้าห้องนอน ร่างสูงเดินมาหยุดยืนแล้วถอนหายใจ เขากำลังคิดว่าตัวเองเป็นอะไร จึงอยากที่จะตอแยแม้ใจจะคอยบอกว่าชิงชัง เกลียดในสิ่งที่หล่อนทำ และทุกๆ ห้องในบ้านหลังนี้เขามีสิทธิ์ที่จะเข้าไป ฝ่ามือแกร่งทาบลงบนเครื่องสแกน ประตูถูกปลดล็อกออกอย่างง่ายดาย
'.....!'
จันทร์เจ้าเอยตกใจผลุนผลันลุกนั่งเมื่อบานประตูถูกผลักเข้ามาจากคนที่แสนอันตรายที่สุดแล้วในบ้านหลังนี้...การที่เขาเดินเข้ามาแล้วทำหน้าเหมือนไม่สำนึกผิด ทั้งหมอนหนุนหมอนข้างถูกระดมปาใส่ร่างสูงไม่ยั้ง หากแต่เขาหาได้สะดุ้งสะเทือน
"ออกไป! คนสารเลว!"
เสียงก่นด่ายิ่งกระตุ้นแรงขับ ยิ่งหล่อนทำเหมือนเขาคือคนแปลกหน้าเขายิ่งเดินหน้าเอาคืน และเขาจะต้องชนะเกมนี้เท่านั้น
"หยุดเลยเอิง เราต้องคุยกัน"
ชายหนุ่มปราดขึ้นเตียง สองแขนรั้งร่างที่ขัดขืนขึ้นมานั่งบนตัก กักเอาไว้ท่อนแขนแข็งแรง
"เอาละ เรามาคุยกันด้วยเหตุผล เธอควรสารภาพกับพี่ มันเกิดอะไรกับชีวิตเธอ เธอถึงทำแบบนี้ เธอหายไปหลายเดือน ทิ้งลูกของเราไปแบบไม่ใยดี แล้ว...เธอก็กลับมา แต่เธอกลับทำเป็นจำอะไรไม่ได้เลย ซ้ำยังเข้ามาในฐานะผู้หญิงของคุณพ่อ เธอต้องการอะไรกันแน่"
จันทร์เจ้าเอยนั่งงงกับถ้อยคำที่เขาถามออกมาเป็นชุด...มันแน่แล้วกับความเชื่อที่ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นฝาแฝดกับหล่อนที่พลัดพรากจากกันตั้งแต่ยังเด็ก หล่อนไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาคืออะไร แต่ตอนนี้...หล่อนคือผู้รับกรรม
"ตอบมาสิ จริง ๆ แล้วเธอจำได้ แต่เธอแค่แกล้งเพื่อตบตาทุกคน"
แววตาเข้มสบกับแววตาคู่สวยที่มองมาอย่างยากจะคาดเดา...ท่ามกลางสองมือเล็กที่พยายามผลักไส ใจเขาย้ำเตือน อย่าใจอ่อนเพียงเพราะเห็นหล่อนเป็นแม่ของลูก เขาต้องทำให้หล่อนตายใจว่าวันนี้ให้อภัยในสิ่งที่หล่อนได้ทำลงไป และเมื่อหล่อนติดกับดัก เขาจะลงทัณฑ์เพื่อเอาคืน โทษฐานที่ทำให้เขาต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดมานานวัน
ในอ้อมกอดที่ใจผลักไส จันทร์เจ้าเอยตั้งสติสูดลมหายใจให้ลึกเมื่อสองแขนแข็งแรงยังคงกอดรัดเอาไว้จนแน่น และถ้าหากเขาคิดจะทำอย่างเมื่อคืนอีกหล่อนก็คงจะสู้ไม่ได้ ฉะนั้นการแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดไม่ช่วยให้เขายอมล่าถอยไปง่ายแน่ ๆ
"ถ้าหากเอยยืนยันอีกครั้งว่าเอยไม่ใช่เอิงล่ะคะ พี่เหนือจะเชื่อหรือไม่"
เขาหัวเราะราวได้ฟังเรื่องตลก ในขณะที่จันทร์เจ้าเอยสบตากับแววตาเข้มด้วยความจริงจัง
"ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นเป็นฝาแฝดกับเอยล่ะค่ะ พี่เหนือจะรับผิดชอบยังไง ถ้ามันเป็นเรื่องจริงใครจะช่วยเอยได้ กับการเรียกสิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา!"
"นี่เอิง ชักจะไปกันใหญ่แล้ว เลิกสร้างเรื่องเพื่อชุบตัวเองเสียที เธออยากเป็นแม่เลี้ยงของพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ จนกระทั่งป่านนี้ก็ยังไม่ยอมรับความจริง"
"มันไม่ตลก เอยพูดจริงนะคะ...โอ๊ย!"
หล่อนร้องออกมาพลางทำหน้าเบ้ เมื่อกรงอุ้งมือขยุ้มลงปลายคางเรียว เขาออกแรงบีบพร้อมมองมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
"จิตใจเธอทำด้วยอะไรฮึ! เธอทิ้งลูกทิ้งผัวไปหลายเดือน แล้ววันนี้ก็เดินกลับมาเพื่อหวังเป็นคุณนายบ้านนี้ หลอกทุกคนแม้กระทั่งพี่ วันนี้ก็บอกว่ามีฝาแฝด แล้วไหนล่ะเอิงฝาแฝดของเธอน่ะ ไปเอาตัวมายืนยันสิว่าไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อชุบตัวเอง"
จันทร์เจ้าเอยนิ่งเงียบ ป่วยการที่จะอธิบายต่อเพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ และที่สำคัญ หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนมีฝาแฝดจริงหรือไม่ ถามบิดาท่านก็บอกว่าไม่มี แล้วหล่อนจะไปตามหาฝาแฝดมโนของตนได้ที่ไหน ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันคำพูดตัวเองได้เลย
"คบกับเธอมากี่ปี ถ้ามีทำไมเธอไม่บอกตั้งแต่ตอนนั้น
พี่จำได้ เธอเคยบอกว่าเป็นลูกคนเดียว เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด แล้ววันนี้กลับบอกคุณพ่อว่ามาจากต่างจังหวัด ซ้ำยังบอกพี่ว่ามีฝาแฝด หึ มันคือเรื่องแต่งของเธอเพื่อหวังผลชัด ๆ"
"....."
"ในเมื่อไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร เอาเถอะ ถ้าเธอคิดได้ก็คงจะไม่ทิ้งลูกไปตั้งแต่วันนั้น สักวัน...สักวันความลับที่เธอปกปิดก็จะเผยออกมาเอง รอรับกรรมในสิ่งที่ก่อเอาไว้ได้เลยเอิง!"
เขาเปลี่ยนท่าทีปุบปับ ผลักไสหล่อนออกห่างด้วยท่าทีโกรธขึ้ง ก่อนจะผลุนผลันลุกขึ้นยืน เดินไปกระชาก
ประตูห้องแล้วปิดใส่หน้าหล่อนเต็มแรง
ปึง!
เมื่ออยู่เพียงลำพัง หล่อนก็กลับมาอ่อนแออีกครั้ง นั่งสะอื้นให้กับโชคชะตาแสนโหดร้าย มันไม่ยุติธรรมเลยเมื่อต้องมารับกรรมที่ตนไม่ได้ก่อ ต้องเป็นเครื่องระบายอารมณ์ให้เขาส่งผ่านไปถึงผู้หญิงอีกคน และคนนั้นหล่อนก็ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ได้แต่อ้อนวอนร้องขอกับดินฟ้าอากาศ อยากให้เธอคนนั้นแสดงตัวออกมาตอนนี้เหลือเกิน