หลังพากันออกมาจากโรงยิม แก๊งป่วนก็เดินตรงไปยังสนามบอลทันที เมื่อไปถึงทั้งชะและเจมส์ต่างเตรียมตัววอร์มร่างกายร่วมกับทีม ก่อนที่ไม่กี่นาทีต่อมาการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เสียงตบมือดังสนั่น เชียร์ลีดเดอร์ทั้งสถาปัตย์และวิศวะต่างตั้งท่าเริ่มนำเชียร์ ไม่มีใครน้อยหน้ากันเลย แม้ว่าตอนนี้อากาศนั้นจะร้อนระอุแค่ไหนก็ตาม
ชะยอบกายมัดเชือกรองเท้าริมสนาม ก่อนหันมายักคิ้วให้สุดที่รัก นัยน์ตาเจือเสน่ห์กวนประสาทคนมองไม่น้อย
“อย่าลืมล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ย
“อืมน่า” สุดที่รักครางในลำคออย่างเสียไม่ได้ มันจะจริงจังไปไหมเนี่ย
“อ้าว! พี่เขม หวัดดีพี่” ชะมองผ่านไหล่สุดที่รัก เห็นรุ่นพี่คนสนิทเดินเข้ามา เขายกมือไหว้ก่อนจะทำสัญญาณมือว่าต้องลงแข่งแล้ว เดี๋ยวมาคุยด้วย
ชายหนุ่มหน้าคมออกไปทางแขกอยู่ในชุดม่อฮ่อมเปื้อนโคลนยกมือตอบรุ่นน้อง ข้างเอวมีถุงกระสอบเล็กๆ สองใบ ดูโคตรจะแปลก ดูไม่น่าจะมีใครทำอะไรแบบนี้ในมหาวิทยาลัย
“หวัดดีเฮีย นี่ไปดำนาที่ไหนมาอะ” เจมส์ที่เกมนี้เป็นได้แค่ตัวสำรอง
ก้าวเข้ามาหาพร้อมยกมือไหว้ ก่อนจะพูดไปด้วยขำไปด้วย สุดที่รักเองก็อดที่จะขำตามไอ้เจมส์ไม่ได้
เฮียแกชื่อพี่เขม เขมินทร์ ปีสี่ ฉายาเพี้ยนอัจฉริยะแห่งสถาปัตย์ ไม่รู้พี่แกยังคิดว่าตัวเองเรียนสถาปัตย์อยู่หรือเปล่า ถึงได้ชอบแต่งตัวแปลกๆ แบบนี้เป็นประจำ แล้วก็ชอบไปฝังตัวอยู่กับพวกเกษตรฯ ท้ายมอนู่น ทำตัวเหมือนเกษตรกร บางวันก็เอาเวลาว่างไปขุดลอกบ่อปลา จับปลาดุกไปให้อาจารย์ปูที่แกตามจีบ บางวันตียาวไม่นอนก็มามอแต่ไก่โห่เพื่อเก็บไข่ไปเจียวกินก็มี เย็นย่ำมาทีก็ก๊งยาดองกับยามมหาลัยตรงตลาดสดหลังมอ ชีวิตเฮียแกกินอยู่ที่มอซะเป็นส่วนใหญ่จนไม่รู้ว่ายังเช่าหออยู่หรือเปล่า
ถึงจะดูเพี้ยน แต่พี่เขาก็มีรุ่นน้องนับหน้าถือตาอยู่เยอะเหมือนกัน อย่าดูถูกแกไป เห็นทำตัวเพี้ยนๆ แบบนี้ ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งนะ เป็นไอดอลให้เด็กติสต์รุ่นหลังเยอะ แต่พี่แกก็บอกอีกนั่นล่ะ ว่าเรียนจบก็คงแขวนโมเดล แขวนโคปิค แถมยังประกาศแจกอาร์ตโฟร์ดี บ้านและสวนส่งต่อให้รุ่นน้องที่อยากได้อีกด้วย เพราะแกบอกอยากไปใช้ชีวิตอยู่บนดอยที่ไหนสักแห่ง ปลูกกะหล่ำ เลี้ยงหมูเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเอง และคงหาเมียชาวเขาสักคนมาเป็นคู่ชีวิต ถ้าพี่ปู (อาจารย์ปูที่แกชอบเรียกพี่มากกว่า) ไม่ยอมเอาแก
ชีวิตที่พอเพียงเป็นเหมือนอุดมการณ์ของแกไปแล้ว
อ่อ...ถ้าอยากนึกภาพพี่เขม แนะนำให้ดูไข่ย้อย ในหนังเรื่องเพื่อนสนิทตอนยังไม่อกหักจะเข้าถึงอารมณ์ได้ดีมาก
“กูไปเอาดินตัวอย่างที่ไปฝากเพื่อนตรงแปลงเกษตรมา มึงเห็นไอ้กว้างป่าววะ กูนัดมันไว้ที่นี่” เหลียวซ้ายแลขวามองหาคนที่นัดกันเอาไว้
“คนอย่างเฮียนี่มีธุระอะไรกับเดือนมหาลัยครับ” ไอ้เจมส์ยื่นหน้ามาถาม แววตากราดมองสารรูปรุ่นพี่
อย่างไอ้พี่เขมเนี่ยนะ จะมีเรื่องคุยกับไอ้พี่เทพหล่อสัดคนนั้น
“เสือกน่า แล้วคนอย่างกูมันเป็นยังไงวะ หนุ่มโสด รักธรรมชาติอย่างงี้ไม่ดีตรงไหน” แกทำหน้าสงสัยใส่ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบกริบ เมื่อได้ยินเสียงท้องแกร้องโครกครากดังขึ้นมา “ไอ้เจมส์ มึงไปเอาน้ำแดงมาให้กูแดกที กูยังไม่ได้แดกไรตั้งแต่เช้าละ”
“ไอ้สุด” ไอ้เจมส์หันมาทางสุดที่รัก ที่ยืนเจี๋ยมเจี้ยมทำหน้าเอ๋อมองพวกเขาพูดอย่างไร้บทบาท “มึงไปหาอะไรมาให้เฮียเขาแดกหน่อยดิ๊ กูว่ากองสวัสดิการน่าจะมี นู่นน่ะ”
“ทำไมต้องเรา พี่เขมใช้เจมส์นะ”
“เอ๊ะไอ้นี่ เดี๋ยวหลังแหวน มือกูเปื้อนยานวด เอาน้ำแดงมาให้กูด้วยแก้วนึ้ง”
ไอ้เจมส์มันก็ขึ้นเสียงไปอย่างงั้น ไม่รู้ทำไมเวลาเห็นหน้าตาเอ๋อๆ มึนๆ ของไอ้สุด ทีไรก็นึกอยากแกล้งทุกที แต่ก็แกล้งได้แค่ปากแค่เสียงเท่านั้นล่ะ เพราะลงมือมากทีไร ไอ้ชะแม่งชอบมาโบกเขาทีหลัง ไอ้ห่านี่หวงไอ้สุดอย่างกับจงอางหวงไข่ มันบอกมันตีได้ คนเดียว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นมันจะตีไอ้สุดจริงๆ สักที
คนถูกใช้พยักหน้ามึนๆ ก่อนจะไปหาของกินมาให้รุ่นพี่กับเจมส์ แรกเริ่มเดินไปกดน้ำแดงจากคูลเลอร์ถังใหญ่ ก่อนจะวิ่งไปถามหาของว่างจากสวัสดิการ ได้ขนมปังไส้กรอกแดงมา พอได้ของที่ต้องการครบก็เดินกลับไปที่ขอบสนาม
พลันทันใดนั้นขาเรียวกลับต้องหยุดชะงัก เพียงเพราะเห็นใครคนที่พี่เขมต้องการพบเดินมาตรงนั้นพอดี
กว้างขวางในชุดบาสเดินกะเผลกเข้าไปรวมกลุ่มกับพี่เขม โดยมีแฟนสาวตัวเล็กหุ่นสะบึมคอยพยุงช่วย
สุดที่รักยืนมองพวกเขาคุยกันอยู่ห่างๆ อย่างคนไม่กล้าเข้าไปใกล้ แค่ทุกครั้งที่ได้เจอก็ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่แล้ว ถ้าต้องให้เข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ เขาคงได้หัวใจวายเป็นแน่ อีกอย่างเขาไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างพี่กว้างกับแฟนสาวให้ปวดหนึบหัวใจเล่น ฉะนั้นอยู่ให้ห่างไว้คงจะดีกว่า
แต่ยืนหลบมุมได้ไม่นาน ดูท่าว่าพี่เขมคงจะหิวเอามากๆ ถึงได้หยุดคุยแล้วหันมามองหาเขา
“เอ้า! นั่นมึงจะรอให้น้ำแข็งละลายก่อนใช่ไหมถึงจะเอามาให้กูแดก” พี่เขมว่าเขา เรียกเอาสายตาใครอีกคนที่กำลังยืนยิ้มให้แฟนสาวหันมามองตาม
ชั่วขณะนั้นเหมือนโลกของสุดที่รักหยุดหมุน เขาเห็นรอยยิ้มผ่อนคลายของกว้างขวางค่อยๆ จางหายไป ก่อนนัยน์ตาคมจะแปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบอย่างยากจะคาดเดาถึงความรู้สึก
“ยัง ยังไม่มาอีก”
“เฮียอย่าดุไอ้สุดมันมาก มันก็เบลอๆ อย่างนี้แหละ ทำงานเยอะจนเอ๋อ” ไอ้เจมส์ยิ้มแห้งพลางเดินเข้ามาช่วยรับแก้วน้ำในมือสุดที่รัก
“จ...เจมส์งั้นเดี๋ยวเราไปนั่งที่สแตนด์แล้วกันนะ” เมื่อเห็นว่าเจมส์เดินนำไปแล้ว เขาเลยเอ่ยขึ้น ไม่กล้าเข้าไปยืนอยู่ใกล้ๆ ทำตัวร้อนรนหลบหน้าหลบตา สุดท้ายตวัดกายหันหลังกลับ
“เดี๋ยวไอ้เอ๋อ มึงไปเอาน้ำให้ไอ้กว้างกับแฟนเขาหน่อย” พี่เขมสั่ง ทำให้คนคิดหนีชะงักฝีเท้า
“ไม่ต้องหรอก กูมาแป๊บเดียว”
“เอาน่า ไปเร็วเข้า!” ไอ้พี่เขมมันสั่งอย่างกับสุดที่รักเป็นน้องในคณะ เอาจริงๆ เห็นทำดุใส่สุดที่รักอย่างนี้ พี่เขาก็เอ็นดูมันเหมือนกัน เจอตอนกินเหล้าทีไร ก็จะให้ไปนั่งข้างๆ ทุกที แกบอกอยากให้ไอ้สุดชงเหล้าให้เพราะมันชงอร่อย
สุดที่รักพยักหน้าแล้วรีบวิ่งกลับไปยังกองสวัสดิการ จัดน้ำจัดขนมใส่ถาดมาให้อีกสองชุด เมื่อเดินมาใกล้ หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นรัวจนเหนื่อยหอบ เผลอลอบมองคนตัวสูงเพื่อเก็บเป็นภาพความทรงจำ
พี่กว้างดูดีในทุกมุม ยิ่งใบหน้าหล่อๆ ยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีด้วยแล้วยิ่งชวนมอง
รอยยิ้มแสนอบอุ่นนั้น จะมีสักครั้งไหมที่จะมีไว้ให้เขาบ้าง
เอาแต่คิดไปเรื่อยเปื่อยในสมองจนไม่ทันได้ระวัง จังหวะที่เดินมาถึง เป็นช่วงเดียวกันกับที่ลูกฟุตบอลในสนามพุ่งตรงมายังพวกเขา การเตะพับสนามของประตูฝั่งวิศวะเพื่อหวังส่งมาให้เพื่อนที่อยู่ทางปีกซ้ายของสนาม ยังผลให้ลูกบอลลอยมาในระยะไกล น้ำหนักทั้งแรงและทั้งหนักหน่วง เป็นกว้างขวางที่ทันเห็นและมีสติดีที่สุด ก่อเกิดสัญชาตญาณการปกป้อง
ฉับพลันเขาคว้าตัวแฟนสาวให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอก ทว่าเมื่อหันกลับมามองก็พบใบหน้ามึนงงของสุดที่รักอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มจึงรีบรวบตัวร่างโปร่งเข้ามาอยู่ภายใต้กายสูงเพื่อบดบังอันตรายให้ ถาดที่ถือตกกระจายกระทบพื้น
ร่างเด็กหนุ่มนัยน์ตาโศกถลาเข้าไปอยู่ในวงแขน เสี้ยววินาทีนั้นเขาตกใจทำอะไรไม่ถูก วิถีลูกบอลแม่นเหมือนจับวาง ลอยกระทบแผ่นหลังกว้างขวางเสียงดังผลั่ก
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงนิ่งเรียบเอ่ยเมื่อทุกอย่างสงบลง
สุดที่รักแหงนหน้ามองกว้างขวางก็พบกับแววตาคมคายที่มองมายังเขา ลำแขนแกร่งแม้คลายออก หากแต่ยังคงประคองแผ่นหลังเขาเอาไว้
พี่กว้าง...ถามเขาเหรอ
“ม...ไม่...”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่กว้างละคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เสียงแฟนสาวดังแทรกขึ้นมา เธอรีบจับแฟนหนุ่มหันซ้ายหันขวา สำรวจตามร่างกาย ก่อนจะพบว่าด้านหลังของกว้างขวางเป็นรอยเปื้อนโคลน บริเวณหัวไหล่เผยรอยแดง
“ว๊ายพี่กว้าง หลังแดงเลยอะ ไปนั่งตรงนั้นกันนะคะ เดี๋ยวมายด์หายามาทาให้” พูดจบก็ดึงแขนกว้างขวางให้เดินไปตรงสแตนด์เชียร์
คนถูกดึงเซตาม หากแต่ชั่ววินาทีสุดท้ายกลับเอาสายตาไว้มองไปยังร่างโปร่งที่ยืนมองเขาไม่ละสายตา
“ไม่เป็นไรนะ”
เสียงพี่กว้างช่างแผ่วเบา หากแต่มันกลับดังก้องอยู่ในใจของสุดที่รัก เด็กหนุ่มมองตามคนทั้งคู่สุดจนสายตา ตลอดเวลาหัวใจกระตุกเต้นรัว
เหตุการณ์ครั้งนี้คือความประทับใจที่เพิ่มขึ้น ความรู้สึกแอบรักถูกเติมเต็ม คิดไม่ผิดที่แอบปลื้มคนๆ นี้
พี่กว้างใจดีกับทุกคนจริงๆ แม้กับเขาที่เป็นใครก็ไม่รู้ พี่กว้างก็ยังนึกใส่ใจ
วันนี้คงเป็นวันที่เขาจะประทับไว้ในใจไม่รู้ลืม
ช่วงเวลาหลังจากนั้น สุดที่รักเอาแต่ลอบมองกว้างขวางอยู่กับแฟนสาวซึ่งพูดคุยกับพี่เขมตลอด ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งในตอนที่ชะเพื่อนซี้ทำประตูให้สถาปัตย์ขึ้นนำวิศวะได้ในนาทีสุดท้ายอย่างไม่น่าเชื่อ เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาเมื่อจบการแข่งขันเรียกสติร่างโปร่งให้หันกลับไปมองยังสนาม เขาเห็นทีมสถาปัตย์กระโดดโลดเต้นกันใหญ่
“จบเกมแล้วเหรอ?”
“อะไรของมึงไอ้เอ๋อ ไม่ได้ดูเลยรึไง โอ๊ย!! ไม่น่าเชื่อว่าเราจะชนะวิศวะ” เจมส์หันมาว่าใส่ ก่อนจะวิ่งเข้าไปในสนามเพื่อร่วมยินดีกับทีม
สุดที่รักมองตามเจมส์ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ใครอีกคน เห็นชยางกูรยักคิ้วให้เขาในขณะที่เพื่อนคนอื่นเข้ามารุมกอดรุมดีใจกับร่างสูง จู่ๆ ก็มีรุ่นน้องผู้หญิงสองคนวิ่งเข้าไปคล้องเหรียญทองช็อคโกแลตให้ เรียกเสียงแซวได้ไม่ขาดปาก เขาจึงยกยิ้มให้ชยางกูรด้วยความยินดี
ชยางกูรมองสุดที่รักอยู่อย่างนั้น ราวกับว่ากำลังเก็บภาพร่างโปร่งตรงหน้าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด
มันเป็นยิ้มที่เขาชอบมอง
รอยยิ้มนัยน์ตาโศก
รอยยิ้มที่น่าไปคว้ามากอด
ชยางกูรเดินออกมาจากสนามหลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาชัยชนะในรอบหลายปี นานๆ ทีที่สถาปัตย์จะโค่นแชมป์อย่างวิศวะได้ มาวันนี้เป็นเขาที่จะถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนนำทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
แรงฮึดส่วนหนึ่งคงมาจากคนตรงหน้า
“ไอ้ชะ คืนนี้เจอกันร้านเดิมนะเว้ย” เพื่อนสถาปัตย์เดินเข้ามาตบไหล่ชะเพื่อย้ำนัดอีกรอบ
ชยางกูรพยักหน้ารับ ก่อนหันมาให้ความสนใจคนที่ยืนรออยู่ริมสนาม เขาถอดสายคล้องคอช็อคโกแล็ตห่อฟอยล์สีทองมาไว้ในมือ แล้วโยนมันให้สุดที่รัก
“ชนะละนะ อย่าลืมสามข้อล่ะเบ๊”
“ย้ำจนกลัวแล้วเนี่ย บอกเลยว่าถ้าขออะไรที่ใช้ตังค์อะ ไม่มีให้หรอกนะ”
“ไม่หรอกน่า” ชะหัวเราะ ก่อนจะเดินเข้ามากอดคอสุดที่รัก “คืนนี้ไปฉลองกันที่ร้านเดิม สองทุ่ม ให้กูไปรับไหม?”
“ทำไมเราต้องไป มีแต่สถาปัตย์ แล้วอีกอย่างน่าดีใจมากสินะ สถาปัตย์เข้าไปชิงกับครุเนี่ย” อีกสายหนึ่ง ผลการแข่งขันคือครุศาสตร์ชนะวิทยาศาสตร์การกีฬา
“เอาน่า ก็ไปกินเหล้าธรรมดา ไม่ต้องมาปฏิเสธเลยเอ๋อ แล้วก็อย่าทำตาโตแบบนี้ได้ไหมวะ” ใช้กำปั้นเคาะหน้าผากมนเบาๆ แววตาน่าเอ็นดูทำให้เขาหมั่นเขี้ยว
“วันนี้ไม่ได้ ต้องไปทำงาน”
“โห่ ไรวะ” ชยางกูรไหล่ตก ทำเสียงกระเง้ากระงอด “ลาไม่ได้เหรอ เดี๋ยวค่าจ้างวันนี้กูจ่ายให้เอง”
“บ้าน่าชะ นายรวย ไม่ได้แปลว่าจะเอาตังค์ให้ใครง่ายๆ แบบนี้ได้นะ” สุดที่รักถลึงตาใส่คนตัวสูง
เมื่อก่อนชะนี่สายเปย์ตัวพ่อเลย คบกับใครก็จ่ายให้ทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ซื้อให้หมด อยากไปเที่ยวที่ไหนก็พาไป สาวๆ ถึงได้ติดแจมาจนถึงทุกวันนี้ แต่มาหลังๆ เจ้าตัวกลับเลิกใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย หยุดทุ่มให้คนอื่นไปเสียดื้อๆ
คงเพราะ...ได้มาเจอกับสุดที่รักล่ะมั้ง
ไม่รู้สิ...เห็นสุดที่รักทำงานหาเงินหนักๆ แล้ว เขาใช้จ่ายไม่ออก รู้สึกว่าอยากเก็บในส่วนที่เขามี เผื่อวันใดวันหนึ่งมันจะมีประโยชน์กับคนตรงหน้า ไม่รู้ว่าเขามีตรรกะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เวลาเห็นสุดที่รักลำบาก มักเกิดความรู้สึกหนึ่งที่เรียกว่าอยากดูแลขึ้นมาในใจ
เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าไอ้อยากดูแลที่ว่านี่ในฐานะอะไร
เพื่อนงั้นเหรอ?
“...ให้กับมึงคนเดียวนั่นล่ะ”
“ห๊ะ? อะไรนะ” ฟังไม่ถนัดเพราะมัวแต่ก้มเก็บขยะข้างสนาม
“เปล่า...งั้นกูขอใช้สิทธิ์สามข้อ ข้อแรก มึงต้องไปแดกเหล้ากับพวกกูคืนนี้”
“เล่นงี้เลยนะ?”
“เออดิ ไปเหอะกูชนะทั้งทีนะเว้ย ส่วนเรื่องงานไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูให้รุ่นน้องกูไปแทนให้” ชะจัดการให้เสร็จสรรพ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วเดินนำ สนามบอลตอนนี้ผู้คนเริ่มซาลงแล้วคงเพราะไปเตรียมตัวฉลองกัน “เอาจริงๆ มึงแม่งไม่ต้องทำหรอกงานอะ กูเลี้ยงมึงทั้งชีวิตยังได้เลย”
“ห๊ะ? อะไรนะ” สุดที่รักวิ่งตามมาทีหลัง จึงไม่ได้ยินประโยคยืดยาวแฝงความนัยของคนพูด
“ไ*****อเอ๊ยยย ช่างแม่ง ไปเตรียมตัวซะ เดี๋ยวสองทุ่มกูไปรับ” ชะอดไม่ได้ใช้นิ้วดันหน้าผากมนของคนตรงหน้า ก่อนจะเดินจากไป
สองทุ่มที่ร้านเหล้าคลาคล่ำไปด้วยแก๊งสถาปัตย์ซึ่งนัดกันมาฉลองชัยชนะให้กับทีมฟุตบอล สถาปัตย์ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ภายในโซนหนึ่งของร้านจึงเต็มไปด้วยเสียงเฮฮา โหวกเหวกโวยวายตามประสา โต๊ะเหล้าหลายโต๊ะถูกนำมาเรียงต่อกันจนยาวเหยียด มีสาวสวยคอยบริการชงเหล้าให้ไม่ขาด เคล้าด้วยเสียงดนตรีสดเพิ่มบรรยากาศสนุกสนานเป็นอย่างมาก ซึ่งตอนนี้เป็นเพลง เป็นทุกอย่าง ของ Room39 ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก มีแอลกอฮอล์ผสมโรงด้วยแล้ว เด็กหนุ่มทั้งหลายจึงเริ่มกรึ่มๆ พูดคุยเรื่องตลกโปกฮากันอย่างสนุกปาก
“เฮ้ยๆๆ ตั้งแต่มานี่กูยังไม่ได้พูดอย่างเป็นทางการเลยนะ” พี่ธี ปีสี่ กัปตันทีมฟุตบอลสถาปัตย์เอ่ย ก่อนจะยกแก้วเหล้าสีเข้มขึ้นกลางโต๊ะ แล้วยืนด้วยขาเปลี้ยๆ จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ “กระผม! นายธีรธร กัปตันทีมสถาปัตย์ ต้องขอขอบพระคุณน้องชะ ที่ยิงไซด์ก้อยเข้ามุมประตูสอยตูดวิศวะ พาพวกเราเข้าไปสู่รอบชิงแชมป์ได้ เอ้า! ดื่มฉลอง คร้าบบบบ” พูดจบก็เกิดเสียงตบมือ โห่ร้องจากพวกพ้อง ก่อนพากันกระดกเหล้าดื่มรวดเดียวหมดแก้ว
“โถ่พี่ ถ้าพี่ไม่เลี้ยงลูกฝ่าดงตีนวิศวะแล้วส่งให้ผมหน้าประตู ผมก็เตะไม่เข้าหรอก พวกมึงด้วยนะ ถ้าไม่มีพวกมึง กูก็ทำประตูไม่ได้หรอก”
“โอ้โห เพื่อนชะหล่อสัด เพื่อนผมครับ เพื่อนโผ้มมม” ไอ้เจมส์ซูฮก เดินมากอดคอเพื่อนซี้
“ก็นั่นแหละ ไม่มีมึง สถาปัตย์ก็ไม่ได้ประตูหรอกว่ะ ดีนะกูไม่ส่งให้ไอ้ม่อน กูว่าแม่งคงเตะสอยต้นมะพร้าวเหมือนนัดที่เจอแพทย์ปีที่แล้ว” พี่ธีพูดแซว ไอ้ม่อน หรือที่บ้านเรียกน้องแซลม่อน เพราะก่อนคลอดแม่นึกอยากแต่สเต๊กปลาแซลม่อนเลยตั้งชื่อให้แบบนี้
ไอ้แซลม่อนสะอึกเหล้า ละแขนออกจากพนักพิงของเด็กที่มันกำลังคั่ว
“โห่พี่ธี เรื่องนานมาละ จะแซวยันลูกกูบวชเลยหรือไงครับ?”
พี่ธีหัวเราะร่วนก่อนจะหันมาทางชยางกูร
“กูคุยกับทีมงบละ ว่าขอเงินอัดฉีดพิเศษให้คนทำประตูตั้งแต่รอบรองยันรอบชิง แต่คนมีตังค์อย่างมึงคงไม่อยากได้ตังค์เป็นรางวัล กูเลยคุยกับลูกทีมละว่าจะให้เป็นอย่างอื่น”
“เฮ้ยพี่ ไม่ต้องก็ได้” ชยางกูรปฏิเสธ