วันนี้ฟ้ามณีมีอาการรู้สึกแปลกๆในใจ ใจคอไม่ดีอย่างไรบอกไม่ถูก ในขณะที่นั่งเรียนอยู่กับเนยกรอบและน้ำมนต์
"ยัยฟ้า แกเป็นอะไร กระสับกระส่ายแปลกๆ" เนยกรอบถามเพื่อนรัก
"นั้นสิดวงมณี เธอเป็นอะไรอะ ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย"น้ำมนต์ถามเพื่อนอีกคน
"มันร้อนรนใจยังไงไม่รู้อะพวกแก ฉันรู้สึกตะหงิด ตะหงิด"ฟ้ามณีตอบเพื่อนรักทั้งสอง
เมื่อหมดคาบเรียน ทั้งสามคนเดินลงจากตึก
ฟ้ามณีส่งจิตหาองค์นครา แต่ดูเหมือนไม่เป็นผล
ไม่ปรากฎองค์นครา แต่ปรากฎมนตราและนิลภัทรในชุดนักศึกษาแทน
"พี่มนตรา พี่นิลภัทร แล้วองค์นราไปไหนคะ" ฟ้ามณีถามบริวารขององค์นคราทั้งสองที่ให้มาตามดูแลเธอ
"ใครนะยัยฟ้า หล่อจัง อย่าบอกนะว่าเป็นพยานาคเหมือนท่านนครา" เนยกรอบมีอาการหวีดพยานาคทั้งสองตรงหน้า
"บอก" ฟ้ามณีตอบแค่นั้น
"หูยยย พบนาคนี้เค้าคัดแต่คนหล่อๆเหรอ หล่อมาก หล่อแบบตะโกน"เนยกรอบเข้าขั้นเพ้อ
"เออ แม่นางท่านนี้ เราอยู่คนละภพ อย่าคิดไปอื่นไกลเลยมันเป็นไปมิได้" มนตราตอบเนยกรอบเสียงเรียบ
"ไงละ 5555 โดนไป 1 ดอก" น้ำมนต์ กล่าวเสริม
"แล้วพี่ๆมีอะไรกันจ๊ะ" ฟ้ามณียังคงถามอย่างอยากรู้
"พวกเราจะมาแจ้งว่า องค์นคราต้องบำเพ็ญตะบะสักระยะสั้นๆ เพราะองค์นคราปรากฎกายบนโลกมนุษย์มากเกินไป และฝืนธรรมชาติหลายสิ่ง หากท่านขจัดกรรมในครั้งนี้แล้วท่านจะกลับมาปกติ องค์นคราท่านฝากมาแจ้งว่า ทุกจิตที่ท่านฟ้ามณีสื่อองค์นครารับรู้ได้ทั้งหมด
เพียงแต่อยู่ในช่วงบำเพ็ญ เลยไม่ได้ปรากฎกายให้ท่านเห็นเฉกเช่นทุกครั้ง"มนตราแจ้งข่าวแก่นายหญิงที่เขาตามดูแล้วมาตั้งแต่กาลก่อนจนถึงปัจจุบัน
"แล้วองค์นคราเป็นอะไรมากมั้ยพี่ๆ" ฟ้ามณีถามอย่างเป็นห่วง
"ทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย แต่องค์นคราจะต้องแลกกับอะไรเพื่อมาพบท่าน เราไม่ได้ถูกอนุญาตให้พูด"นิลภัทรตอบน้ำเสียงเรียบ
"เอาอย่างงี้ ฟ้าถามใหม่ค่ะ มีวิธีไหน ที่ฟ้าจะช่วยแบ่งเบากรรมครั้งนี้ขององค์นคราได้บ้างมั้ย"ฟ้ามณีถามออกมาอย่างกังวลใจ
"พอมีอยู่ เพียงแค่พระนางท่านปฏิบัติในการกุศลและบำเพ็ญ ส่งจิตอุทิศบุญให้องค์นครา ท่านก็จะสามารถขจัดกรรมที่ว่านี้ได้เร็วขึ้น เพราะกรรมในกาลนี้ คือกรรมที่ท่านทั้งสองสร้างร่วมกัน มีเพียงท่านเท่านั้นที่ส่งจิตแล้วอุทิศกุศลแล้วช่วยได้ หากเป็นผู้อื่นก็มิเป็นผล"มนตราตอบนายหญิงของเขา
ฟ้ามณีไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ว่ามนตราจะเรียกเธอในสิ่งที่เธอห้าม ตอนนี้เธอเป็นห่วงเพียงองค์นคราเท่านั้น
"ขอบคุณพี่ๆมาก ที่แจ้งข่าวนะ" ฟ้ามณีบอกนิลภัทรและมนตรา แล้วทั้งคู่ก็หายตัวไป
"แกจะเอาไงต่ออะฟ้า"เนยกรอบถามเพื่อน
"เราก็คงหมั่นทำบุญช่วยองค์นคราอีกแรง" ฟ้ามณีตอบเพื่อนนัยตาเศร้า
"การที่ทำกุศลที่ได้กุศล อย่างง่าย คือสวดมนต์นั่งสมาธิ ลองดูนะ ดวงมณี" น้ำมนต์บอกเพื่อนอย่างเป็นห่วง
"ขอบใจนะพวกแก งั้นเรากลับหอก่อนนะ เราร้อนใจมาก" ฟ้ามณีบอกลาเพื่อน แล้วกลับที่พัก
เมื่อมาถึงห้องเธออาบน้ำชำระล้างร่างกาย แล้วแต่งตัวเพื่อจะมาสวดมนต์นั่งสมาธิ
ฟ้ามณีมองดวงแก้วที่องค์นคราให้
"ขอให้ดวงแก้วนี้เป็นสื่อกลาง ในการสวดมนต์นั่งสมาธิครั้งนี้ ให้ท่านพี่นคราได้กุศลเฉกเช่นเสมอเหมือนข้าพเจ้า หากมีทุกข์ ได้โปรดคลายทุกข์ด้วยเถิด" สิ้นสุดคำอธิฐานนั้น ฟ้ามณีก็สวดมนต์ แล้วนั่งสมาธิ ตั้งใจส่งกุศลให้องค์นครา
ด้านองค์นครา
องค์นคราเองนั่งบำเพ็ญอยู่ในมิติของท่าน ก็พลัน มีคลื่นกุศลมาชโลมที่กายของท่านเพิ่ม ซึ้งเมื่อท่านทราบว่ามาจากที่แห่งใด ก็ถึงกับยิ้มออกมา "หยาดมณีน้องพี่ เจ้ามิลืมพี่แล้ว ซึ้งใจยิ่งนัก ขอให้เจ้าจงอยู่อย่างมีสุข อย่ามีทุกข์ใดกล่ำกลายเลย" องค์นครารับทราบถึงความตั้งใจของเธอ และอวยพรเธอกลับเฉกเช่นทุกครั้งที่มักจะทำ แล้วก็สงบจิตบำเพ็ญตะบะของตนต่อในมิติของตน
ด้านฟ้ามณี
เมื่อเธอนั่งสมาธิสวดมนต์เรียบร้อย ก็มานั่งเอามือกุมที่ดวงแก้วที่ตอนนี้คือสิ่งเดียวที่เป็นตัวแทนขององค์นครา
"พี่อย่าเป็นอะไรนะคะ อย่าเป็นอะไรไปนะ "ฟ้ามณีพึมพำอยู่กับดวงแก้วและตนเองอย่างนั้น
จนกระทั่งโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
"ฮัลโล น้ำมนต์ว่าไง" ฟ้ามณีรับสายเพื่อนรัก
"เราเอาเรื่องมาเล่าให้พ่อครูฟัง พ่อครูให้ดวงมณี ถือศีล8 หรือเรียกง่ายๆบวชชีแบบไม่ปลงผมนั้นแหละ มันจะช่วยได้เร็วขึ้น" น้ำมนต์บอกเพื่อน
"จริงเหรอน้ำมนต์ เราขอบใจมากนะ"ฟ้ามณีตอบกลับเพื่อนอย่างดีใจ
"จริง พ่อครูบอกให้ดวงมณีบวชสัก 7 วัน ถึงจะดี"น้ำมนต์บอกเพื่อน
"เราจะหาที่บวช ตามที่พ่อครูแนะนำ"ฟ้ามาณีตอบไปแบบไม่ลังเล
"มาบวชที่วัดใกล้บ้านเราสิดวงมณี เราได้แวะไปดูด้วย ที่นี่เค้ารับบวชอยู่"น้ำมนต์หาข้อมูลวัดที่บวชมาให้เพื่อนแล้ว
"ได้สิน้ำมนต์ เรากลุ้มใจอยู่เลย ว่าจะไปหาบวชที่ไหน ขอบใจมากนะ"ฟ้ามณีพูดออกมาอย่างดีใจ
"ไม่เป็นไรมีอะไรที่ช่วยได้ เราอยากช่วย เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่คนอื่นไกล"น้ำมนต์บอกฟ้ามณี แล้ววางสายเพื่อแยกย้ายกันพักผ่อน
ฟ้ามณีมาเอนตัวลงนอนอย่างมีความหวัง ก่อนที่เธอจะหลับไป