“นั่งหน้าบึ้งอะไรขนาดนั้น”
“ก็ลองเป็นผิงที่โดนคนนั่งจ้องดูสิ”
“หึ ๆๆ เขาหวงน้องสาวน่า”
“เหอะ!” คำตอบที่มาพร้อมน้ำเสียงอารมณ์ดีทำฉันหงุดหงิดมากขึ้นจนถึงขั้นเบ้ปากและกรอกตามองบน
...หวงสมบัติน่ะสิไม่ว่า
“ไม่เอาไม่เครียดเดี๋ยวไม่สนุกนะ”
“...อือ” ฉันพยักหน้ารับแล้วฝืนยิ้มทั้งที่ความจริงหมดสนุกตั้งแต่เห็นลูกชายของคุณพ่อคุณแม่แล้ว
ไม่สนุกจริง ๆ นั่งจ้องอยู่ได้ ทั้งไม่สนุกทั้งน่ารำคาญ
“บาส”
“ว่าไง”
“คืนนี้ไปค้างห้องบาสนะ”
“ไม่เอาน่า เดี๋ยวพี่ชายผิงก็มากระทืบเราหรอก” คนตรงหน้าส่ายหน้าปฏิเสธด้วยรอยยิ้มแต่คนอย่างน้ำผิงบอกว่าจะทำอะไรก็คือตามนั้น
“เราจะปกป้องบาสเอง”
“ผิง ไม่ดื้อ”
“...”
“จริง ๆ ขอร้อง”
“โอเค” เจ้าของบ้านไม่ให้นอนจะนอนได้ยังไงกันล่ะ สุดท้ายคนมีมารยาทก็ต้องยอมตกลงถูกไหมคะ พอเลิกดื้อแฟนคนล่าสุดของฉันก็ยิ้ม
“เก่งมาก”
“แต่ขอแวะไปดื่มกาแฟสักแก้วนะคะสุดหล่อ” ฉันฉีกยิ้มส่วนคนที่เพิ่งยิ้มก็ถึงกับกรอกตามองบนทันที
“...อ่าส์~” ถอนหายใจไปเถอะ ถอนหายใจหนักกว่านี้เยอะกว่านี้ก็จะไป บอกแล้วไงคนอย่างน้ำผิงบอกว่าจะทำอะไรก็คือตามนั้น
-วันต่อมา-
“พี่เมฆ”
“ครับ” ผมหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็รีบเดินไปหาเจ้าของเสียงเรียกที่กำลังยืนยิ้ม
“จะไปทำงานแล้วเหรอลูก”
“ครับมี๊” ผมตอบคนสวยตรงหน้าแล้วก็มองหาอีกคน
“ป๊าล่ะครับ”
“นั่งดูทีวีอยู่ในห้องอาหาร คงดูข่าวนั่นล่ะลูก ไปกันเถอะจ้ะจะได้ทานข้าวเช้ากันเลย”
“ครับผม” ผมยิ้มรับประคองแม่หรือหม่ามี๊ของไอ้เมฆที่ผมรักสุดหัวใจ รักเหมือนแม่แท้ ๆ เพราะผู้หญิงคนนี้เลี้ยงผมมาตั้งแต่ผมอายุแค่ 5 ขวบ ดึงผมออกมาจากโคลนตมชุบเลี้ยงผมให้มีชีวิตที่ใครต่อใครก็มองว่าอยู่ในจุดที่สูงส่งเหมือนชื่อของผมเอง
...เมฆา
“อ้าว มาแล้วเหรอลูก” ผมประคองมี๊เข้ามาในห้องอาหารป๊าก็เอ่ยทักทาย ผู้ชายที่รับผมเป็นลูกทั้งที่ไม่มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดแถมแม่แท้ ๆ ก็เคยสร้างเรื่องให้ท่านทั้งสองคนวุ่นวาย แต่ท่านทั้งสองก็ยังชุบเลี้ยงให้ไอ้เมฆคนนี้ได้มีทุกอย่างที่ตัวผมเอง...ไม่ควรจะมี
“ครับ ดูข่าวเหรอครับป๊า” ผมถามแต่สายตาผมมองไปที่ทีวีกลับไม่เห็นข่าว ในจอทีวีเป็นช่องยูทูปที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างหาก
“เปล่า ป๊าดูรายการท่องเที่ยวน่ะ ว่าจะพาแฟนไปเที่ยวหน่อย” ป๊าของผมเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปากแล้วมองมาที่มี๊ส่วนคนที่ผมเพิ่งลากเก้าอี้ให้นั่งก็ตาโต
“เซอร์ไพรส์เหรอคะ?”
“หึ ๆๆ ทัวร์ยุโรปสักเดือนสองเดือนฉลองครบรอบ 22 ปีของเราไงคะ”
“พี่เวล~” มี๊ของผมมองสามีตัวเองแล้วน้ำตาคลอ ป๊าก็ยิ้มอบอุ่นแล้วกุมมือเรียวบางของผู้หญิงที่ท่านรักก่อนจะหันมามองผม
“ดูบ้าน ดูบริษัทให้ป๊าด้วยนะไอ้ลูกชาย”
“เที่ยวให้สนุกเลยครับ” ผมเอ่ยออกไปแล้วก็คุยเล่นกันต่อพร้อมกับเริ่มกินข้าวเช้า กินไป คุยไป สายตาก็คอยมองว่าอีกคนจะมาเมื่อไหร่ แต่สุดท้ายจนถึงตอนที่ผมเดินออกจากบ้านถึงได้รู้ว่ารถของคนที่ผมรอไม่ได้จอกอยู่ที่โรงรถ
หึ ๆๆ สมเพชมึงว่ะไอ้เมฆ
-เวลาต่อมา-
“ผมมีประชุมบ่ายใช่ไหม”
“ค่ะคุณเมฆ”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
“รับกาแฟไหมคะ”
“ครับ” ผมพยักหน้ารับอีกรอบนิชาเลขาส่วนตัวของผมก็เดินออกไป
ติ๊ด!
(ครับนาย)
“ยังอยู่ไหม”
(...ครับ จอดอยู่บ้านของผู้ชายคนนั้นครับนาย)
“...”
ติ๊ด!
คำตอบที่ตอบสั้น ๆ แต่เต็มไปด้วยความลำบากใจของคนสนิททำให้ผมพูดอะไรไม่ออกทำได้แค่กดวางสายแล้วเอามือลูบหน้าตัวเองเพราะไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ยังไง
...ทำไมทำตัวแบบนี้น้ำผิง
...จะทำให้พี่ห่วงไปถึงไหน
...จะทำให้ไอ้เมฆคนนี้ทุกข์ใจไปถึงเมื่อไหร่
-สองอาทิตย์ต่อมา-
“พี่เมฆ”
“อ้าว มี๊เองเหรอครับ มีอะไรครับทำไมเดินมาถึงที่นี่โทรเรียกก็ได้เดี๋ยวผมเดินไปหา” ผมรีบลุกไปหามี๊ที่เดินมาหาผมตอนค่ำมืดทันทีที่เห็นท่าน
“เดินแค่นี้เองครับแม่มีเรื่องอยากคุยกับลูก พี่เมฆไม่ได้ยุ่งใช่ไหมครับ”
“ไม่ครับ มี๊มีอะไรเหรอครับ”
“มี๊อยากคุยเรื่องน้อง”
“ครับ ทำไมเหรอครับ น้องดื้ออะไรอีก” ผมยิ้มถามแต่ก็สังเกตเห็นสายตาเครียดของท่าน
“มี๊กับป๊าจะเดินทางคืนพรุ่งนี้แล้ว ไปเที่ยวรอบนี้นานเลยเมฆก็รู้ มี๊ห่วงน้อง บ้างช่องก็ไม่ค่อยกลับ ยิ่งโตยิ่งดื้อ” น้ำเสียงหวานบ่นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านทำผมอมยิ้มตาม ยิ่งโตยิ่งดื้อจริง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้องผิงของผมไม่ค่อยน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่
“ผมทราบครับ”
“พี่เมฆดูแลน้องให้มี๊ได้ไหม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับมี๊ ผมจะดูแลทุกอย่างให้ น้องเป็นน้องสาวคนเดียวของผมผมจะไม่ดูแลได้ไง มี๊กับป๊าไม่ต้องเป็นห่วงเที่ยวให้สนุกเถอะครับ”
“จ้ะ” ท่านยิ้มรับคำแล้วชวนผมคุยอะไรต่ออีกนิดหน่อยก่อนจขอตัวกลับผมเองก็อาสาเดินไปส่งท่านที่เรือนใหญ่แต่เดินไปได้แค่ครึ่งทางท่านก็หยุดแล้วหันกลับมามองผม
“พี่เมฆ”
“ครับมี๊”
“มี๊ขอถามอะไรตรง ๆ ลูกตอบมี๊ตรง ๆ ได้ไหม” ผมไม่รู้ว่าท่านจะถามอะไรแต่คำพูดกับรอยยิ้มอ่อนโยนไม่ได้ทำให้ผมไม่ตื่นเต้นกับคำถามของท่าน
“มีอะไรเหรอครับ”
“ตอนเด็ก ๆ พี่เมฆเคยถามว่าโตขึ้นพี่เมฆแต่งงานกับน้องได้ไหม”
“...” ผมตัวแข็งทันทีที่ได้ยินคำถามจากน้ำเสียงหวานของผู้มีพระคุณ ผมไม่คิดว่าท่านจะพูดเรื่องนี้ออกมาเพราะมันผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว
“มี๊อยากรู้ว่าจนถึงตอนนี้พี่เมฆยังคิดเหมือนเดิมไหม”
“...ไม่ครับ ผมไม่คิดแล้ว”